CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    กระทู้นี้ ลูกหินฮะ กราบขออภัย ลุงจิ๋ว .(พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ฮะ

    จากหลายปีก่อน...จนถึงวันนี้ ..หวังว่าคงยังไม่สายไป..ที่ต้องกราบขอโทษลุงจิ๋ว ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

         ลูกหิน เคยเข้าใจว่า ลุงจิ๋ว เป็นบุคคลที่ทำให้ ประเทศไทย แพ้ ลาว ในศึกบ้านร่มเกล้า ทำให้เกิดความเลื่อมใสในตัวลุง..

         จนกระทั้งวันนี้ ลูกหินได้มีโอกาสศึกษา รับรู้ข่าวเพิ่มเติมจาก ภายในและภายนอก และสถานที่จริงจากการวิจัยทางทฤษฎีและทางปฎิบัติ

          จึงได้รับทราบบางสิ่งที่ ลุงจิ๋ว แท้จริงนั้น ท่านเป็นผู้มีความสามารถ และมีความตั้งใจเพียรพยายาม..ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ให้ ลูกหลานได้อยู่อย่างร่มเย็นทุกวันนี้

    ดังนั้น ในนามแฝง "ลูกหินฮะ ๛" ขอกราบขออภัย ลุงจิ๋ว .(พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ทั้งที่ได้ เคยดูถูก ดูแคลน ลุงจิ๋ว ใน บอร์ดราชเนินแห่งนี้...
    และภาวนาขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายในสากลโลก และพระสยามเทวาธิราช จงช่วยปกปักษ์ รักษาคุณลุงจิ๋ว .(พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ)และครอบครัว จงมีแต่ความสุข ความเจริญ และสมปรารถนา ตลอดไป


    ลุงฮะป๋มขอโทษ..
    หลานลูกหินฮะ ๛


    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    .
    .
    .
    .
    .
    สงครามร่มเกล้า

    สงครามบ้านร่มเกล้าเกิดจากกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ บ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก อันเนื่องมาจากปัญหาเส้นเขตแดนที่อ้างสนธิสัญญาคนละฉบับ

    ลาวได้ส่งกำลังทหารเข้ามายึดพื้นที่ส่วนที่เป็นปัญหา ไทยส่งกำลังทหารเข้าผลักดัน เกิดการปะทะกันด้วยกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างหนักหน่วงในช่วงเดือนธันวาคม 2530 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2531 มีการหยุดยิงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531

    เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงปลายของยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

    ทั้งนี้โดยมีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

    ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 15 ปี มีผู้ใช้เรื่องนี้กล่าวหาพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในทางดูถูกดูแคลน

    ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมเชื่อว่าสงครามร่มเกล้าครั้งนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นมหาโยธิน

    ความจริง ถ้าคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีนี้จะต้องดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแช่คมหอกคมดาบและผ่านพิธีโองการแช่งน้ำ ในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งก็คือการดื่มน้ำถวายสัตย์สาบานต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่นายทหารและข้าแผ่นดิน ข้อกล่าวหาทั้งหลายก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว

    แต่หลายปีมานี้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธก็ดี กองทัพไทยก็ดี ต่างไม่ปริปากพูดถึงเรื่องนี้ ยอมกลืนเลือดข่มกล้ำความเจ็บช้ำน้ำใจที่อาจจะมีอยู่บ้างไว้ ผมเชื่อว่า เหตุผลหนึ่งก็เพื่อไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    ทำให้นักฉวยโอกาสเหยียบย่ำซ้ำเติมมาโดยตลอด

    สงครามบ้านร่มเกล้าไม่น่าจะเป็นเพียงไทยรบกับลาว หากแต่มีเวียดนามยืนอยู่เบื้องหลัง เป็นจุดล่อแหลมครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย

    ความลับที่ไม่เคยเปิดเผยคือไทยได้รับความช่วยเหลือจากจีนในครั้งนั้นด้วย !

    ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ของบ้านร่มเกล้าเสียก่อน

    ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2451 กำหนดให้ลำน้ำเหืองเป็นเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส แต่ปีถัดมาพนักงานสำรวจทำแผนที่พบว่ามีน้ำเหือง 2 สาย ฝรั่งเศสตัดสินเอาเองโดยไม่ได้แจ้งให้กรุงเทพฯทราบ เลือกสายน้ำที่ทำให้ตนได้ดินแดนมากขึ้นหน่อย ลาวรับช่วงถือเขตแดนนี้

    แต่ลำน้ำเหือง 2 สายนั้นไม่ตรงกับแนวลำน้ำในปัจจุบันที่ปรากฏในแผนที่สหรัฐทำให้รัฐบาลไทยช่วงสงครามเวียดนาม ลำน้ำในปัจจุบันเรียกว่าเหืองป่าหมัน ไม่ใช่ชื่อที่เคยปรากฏในเอกสารใด ๆ เมื่อพ.ศ. 2450 - 2451

    เขตแดนตรงนั้นไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งปี 2530 ลาวอ้างว่าบริเวณบ้านร่มเกล้าเป็นของลาว เนื่องจากแผนที่คนละฉบับกับไทย ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาดในการสำรวจเมื่อปี 2450

    ช่วงปี 2510 - 2520 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เคลื่อนไหวรุนแรงที่จะยึดอำนาจรัฐ พื้นที่ติดต่อเขตลาวในเขตนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเผ่าม้ง ถูกใช้เป็นพื้นที่หลบซ่อนและปฏิบัติการ เพราะสามารถข้ามลำน้ำเหืองเข้ามาในเขตไทยได้ง่าย และบริเวณพื้นที่นี้กลายเป็นยุทธบริเวณอันสำคัญระหว่างทหารกับพคท.

    ชาวม้ง ซึ่งเป็นแนวร่วมสำคัญของพคท. ถูกปราบปรามอย่างหนัก หนีข้ามลำน้ำเหืองเข้าไปในเขตลาว

    ช่วงปี 2525 สถานการณ์ในอินโดจีนเปลี่ยนแปลง ประกอบกับนโยบาย 66/2523 ของรัฐบาลไทยคือใช้ยุทธศาสตร์ “การเมืองนำทหาร” ทำให้ชาวม้งตัดสินใจกลับเข้ามาตามโครงการเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กองทัพภาคที่ 3 ได้ตัดถนนสายยุทธศาสตร์และแนวชายแดนจากอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ขึ้นไปสิ้นสุดที่บ้านร่มเกล้า

    กลายเป็นเขตสัมปทานป่าไม้ มีการจัดตั้งชุดทหารพรานคุ้มครองที่ 3405 ขึ้น

    และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา !

    วันที่ 31 พฤษภาคม 2530 ทหารลาวยกกำลังเข้ามาในพื้นที่ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่าอยู่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ทำลายรถแทรกเตอร์ของบริษัทป่าไม้เอกชนเสียหาย 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 คน หายสาบสูญ 1 คน ทหารพรานชุด 3405 เข้าปะทะกับทหารลาว

    วันที่ 1 มิถุนายน 2530 ทหารลาวเข้าโจมตีม้งที่บ้านร่มเกล้า โดยอ้างว่าเป็นการกวาดล้างม้งที่เคลื่อนไหวต่อต้านทางการลาว และมีทหารลาวอีกชุดหนึ่งยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาที่เขตบ้านนาผักก้าม และบ้านนากอก อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ยิงราษฎรไทยตาย 1 คน จับกุมตัวไป 6 คน หนีรอดมา 1 คน โดยกล่าวหาว่าราษฎรเหล่านั้นลักลอบเข้าไปตัดไม้ในลาว

    ฯลฯ

    ขณะนั้นสหรัฐเผ่นออกไปจากเอเชียแล้ว ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไว้ในเวียดนาม ทางอีสานใต้มาถึงตะวันออกกองพลใหญ่ของเวียดนามจ่อคอหอยอยู่ ทางอีสานเหนือภายใต้ชื่อทหารลาว แต่ความจริงน่าจะเป็นกองกำลังผสมของหลายชาติ โดยมีชาติมหาอำนาจยืนทะมึนอยู่ข้างหลัง ทั้งได้ใช้เทคโนโลยีสูงยิ่งในการบัญชาการ

    ยามนั้นกองทัพไทยปกป้องเอกราชอธิปไตยจนแม้กระสุนปืนใหญ่ก็ไม่เหลือ ที่ระดมมาจากมิตรประเทศในอาเชียนก็หมดสิ้น

    พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธสั่งการให้อดีตทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ พ.อ.อมรรัตน์ จินตกานนท์ ร่วมกับ “คณะทำงานลับ” คนหนึ่ง และทีมงานของเขา ติดต่อประสานงานกับกองทัพจีน

    นำไปสู่กระบวนการ “วิธีการพิเศษ” ลำเลียงทั้งปืนใหญ่และกระสุนจากจีนมาใช้ !

    ปืนใหญ่และกระสุนปืนใหญ่ชุดนั้นมีความหมาย 2 นัย นัยแรกตรงไปตรงมา คือเป็นยุทโธปกรณ์เสริมและทดแทน นัยที่สองที่อาจจะสำคัญกว่าก็คือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของ “สาส์น” ที่ต้องการ “สื่อ” ต่อฝ่ายตรงกันข้าม

    ลักษณะกระสุนชนิดใหม่ที่ถูกยิงออกไปทำให้เกิดความเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ไทยไม่ได้รบโดยโดดเดี่ยวแล้ว จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการเจรจา และถอนทหารออกจากแนวรบ

    อาจกล่าวได้ว่าเป็นชัยชนะโดยไม่ต้องรบ

    แน่นอนว่าวิถีทางในการรักษาเอกราชอธิปไตยของชาตินับแต่ประวัติศาสตร์มา คือ วิถีทางการทูต และวิถีทางการทหาร ต้องใช้วิธีทั้งสองตามสถานการณ์ และอย่างพลิกแพลง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ใช้แต่ทางใดทางหนึ่ง คำพูดที่ว่า “สู้ตาย” เป็นเรื่องเหลวไหลที่นักการทหารชั้นยอดจะไม่ยอมใช้ เพราะเขาใช้แต่คำว่าสู้เพื่อชนะ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์

    เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของไทยคือการรักษาเอกราชอธิปไตยของไทยโดยไม่ให้บอบช้ำต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

    หลังจากเหตุการณ์ร่มเกล้าแล้ว ความจริงคนไทยควรจะได้รู้ว่าใครคือมิตรแท้ แต่การนำความจริงมาเปิดเผยในบางสถานการณ์ย่อมไม่เป็นผลดี เช่น สมมติว่าในช่วงนั้นประกาศให้รู้ทั่วกันว่าไทยไม่ได้รบกับลาวประเทศเดียว ก็เสมือนเท่ากับประกาศสงครามกับเวียดนามและสหภาพโซเวียตโดยตรง มีหรือที่ศึกจะไม่ใหญ่ขึ้น และถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะรับผิดชอบต่อเอกราชอธิปไตยของชาติ

    เมื่อตอบคำถามนี้ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องกล่าวว่า เป็นโชคดีของประเทศไทยที่พคท.กับเวียดนามและลาวเข้ากันไม่ได้ ขณะเดียวกันจีนก็หันมาสัมพันธ์กับไทยในลักษณะรัฐต่อรัฐ มากกว่าพรรคต่อพรรค

    นี่เป็นผลส่วนหนึ่งจากที่การที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเดินทางไปเจรจาความเมืองกับเติ้งเสี่ยวผิงในขณะนั้น

    แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 49 17:25:47

    แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 49 17:17:07

     
     

    จากคุณ : ลูกหินฮะ ๛ - [ 11 ม.ค. 49 17:16:41 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป