ความคิดเห็นที่ 7
อีกมุมมองจากเว็บ"รักบ้านเกิด" อ้างอิงบทความ"ผู้จัดการ" ........................................................................
นายกฯแม้ว เลือกสาธิตแก้จนอำเภออาจสามารถ เพราะเป็นพื้นที่นำร่องโครงการ SMLโอนเงินครบร้อยเปอร์เซนต์ แต่จากการตรวจสอบการใช้เงินฟรีดังกล่าว เกือบทุกหมู่บ้านนำไปซื้อโอ่ง-ถมถนน-สร้างเมรุ ท้ายสุดแก้จนได้ไม่จริง กลุ่มผู้ได้ประโยชน์โดยตรงกลายเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ชาวบ้านเตือนรัฐบาลชอบแจกเงินฟรีระวังจะสร้างนิสัยให้ประชาชนงอมือรอความช่วยเหลือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดลงพื้นที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 16-21 ม.ค.นี้ โดยประกาศล่วงหน้าก่อนนี้ว่าต้องการคลุกคลีกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เข้าถึงสภาพปัญหาต่างๆที่ชาวบ้านประสบ จะได้สาธิตวิธีแก้ปัญหาความยากจนในแต่ละกรณีให้เห็นกันชัดๆเพื่อนำไปใช้เป็นต้นแบบในจัดการปัญหาความยากจนในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
อ.อาจสามารถ ถือเป็นอำเภอแรกของจังหวัดร้อยเอ็ดและของประเทศที่ได้รับการโอนเงินตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชนหรือ SML ก้อนแรกจากรัฐบาลในปีงบประมาณ 2548 มากถึง 76 หมู่บ้าน
นายวิสิทธิ์ อโนนาม ปลัดอาวุโส อ.อาจสามารถ เชื่อว่าสาเหตุที่นายกฯทักษิณเลือกพื้นที่ อ.อาจสามารถนำร่องศึกษาแก้ปัญหาความยากจนและเดินทางมาใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านนานนับสัปดาห์ เป็นเพราะหมู่บ้านชุมชนใน อ.อาจสามารถ มีความเข้มแข็งมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเองในอัตราที่สูงกว่าพื้นที่อื่นๆ เห็นได้จากการได้รับโอนเงิน SMLเป็นพื้นที่แรกๆของประเทศ
อ.อาจสามารถ มีหมู่บ้าน/ชุมชน SML จำนวน 138 หมู่บ้าน ได้ส่งแบบรายงานผลการประชุมประชาคมให้กรมการปกครองครบทุกหมู่บ้านแล้ว ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 ม.ค.49 ได้รับการโอนงบประมาณไปแล้ว 137 หมู่บ้าน เป็นเงิน 31,150,000 บาท ยังไม่โอน 1 หมู่บ้าน ซึ่งคาดว่าจะโอนให้แล้วเสร็จก่อนคณะของนายกฯจะเดินทางลงพื้นที่
ตัวเลขการโอนเงินจากโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน- SML ข้างต้นมีการเบิกจ่ายแล้ว 115 หมู่บ้าน รวมเป็นเงิน 24,015,638.29 บาท ในจำนวนนี้เบิกทุกโครงการ 66 หมู่บ้าน เบิกแล้วบางส่วน 49 หมู่บ้าน ยังไม่เบิก 22 หมู่บ้าน (7,383,462.71บาท)
หากดูในรวมทั้งจังหวัดร้อยเอ็ดมี หมู่บ้าน SML 2,431 หมู่บ้าน/19 ชุมชน ถือว่าเข้าโครงการครบทุกชุมชน คิดเป็นร้อยละ 100 ผลดำเนินงานในปีงบประมาณ 2548 ได้รับโอนเงินแล้ว 1,946 หมู่บ้าน/ชุมชน รวมเป็นเงิน 431,150,000 บาท มีการเบิกจ่ายจากธนาคารแล้ว 699 แห่ง รวมเป็นเงิน 120,364,374.75 บาท แยกเป็นหมู่บ้าน/ชุมชนที่เบิกจ่ายเต็มจำนวน 322 หมู่บ้าน/ชุมชน และหมู่บ้านที่เบิกจ่ายบางส่วน 377 หมู่บ้าน
นายวิสิทธิ์กล่าวว่า เงินจากโครงการ SML ที่แต่ละหมู่บ้านเบิกใช้จ่ายดำเนินการในหลายประเภทกิจกรรม ทั้งเลี้ยงโค ทำร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน พัฒนาแหล่งน้ำ ก่อสร้างศาลาประชาคมปรับปรุงถนนหรือโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ทุกโครงการผ่านมติประชาคมหมู่บ้าน เห็นชอบร่วมกัน ส่วนการเบิกจ่ายบริหารงบประมาณนั้นจะมีคณะทำงานของหมู่บ้านเป็นผู้ดูแล
**SML เงินฟรีนายกฯแจก
ทีมข่าวภูมิภาค ผู้จัดการศูนย์ข่าวขอนแก่น ได้ลงตรวจสอบการใช้เงินโครงการ SML ใน ต.หนองขาม อ.อาจสามารถ โดย ต.หนองขาม เป็นอีกพื้นที่เป้าหมายที่นายกฯกำหนดลงพื้นที่เพื่อสาธิตการแก้ไขปัญหาความยากจนให้ประชาชนที่อยู่ใน ต.อาจอาสามารถและ ต.หนองขาม ที่วัดบ้านศาลาในวันที่ 18 ม.ค. นี้
นายสมศรี ศรีบุญเพชร ผู้ใหญ่บ้านบ้านแวงน้อย ในฐานะประธานคณะทำงานโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านบ้านแวงน้อย หมู่ 2 ต.หนองขาม เล่าว่า บ้านแวงน้อย จัดอยู่ในกลุ่มหมู่บ้านขนาดเล็ก ได้รับเงินโอน SML มาตั้งแต่เดือนส.ค. 48 จำนวน 2 แสนบาท เงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปสร้างศาลาประชาคมประจำหมู่บ้านทั้งหมด ที่เลือกสร้างศาลาประชาคมเพราะอยากมีสถานที่กลางสำหรับเรียกประชุมลูกบ้าน
ตอนแรกที่ทางอำเภอแจ้งให้เขียนโครงการเสนอขอเงินเอสเอ็มแอลนั้น ชาวบ้านลงมติกันว่าอยากจะได้เงินมาทำประปาหมู่บ้าน เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้ง แต่เมื่อเขียนแผนขึ้นไปนายอำเภอไม่สนับสนุน เขาบอกว่าประปาเอาไว้ก่อน รัฐบาลมีนโยบายจะสร้างให้อยู่แล้ว ไม่น่าจะเกินปี 2551 ก็เลยเปลี่ยนมาสร้างศาลาประชาคมแทน เพราะมีที่ดินกลางของหมู่บ้านอยู่แล้วราว 20 ตรว.
ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแวงน้อย กล่าวว่า ชาวบ้านดีใจที่รัฐบาลนายกฯทักษิณ ให้เงินเอสเอ็มแอลมาโดยไม่ต้องใช้คืน ไม่ต้องกังวลว่าจะหาเงินที่ไหนใช้หนี้คืนแบงก์ เหมือนเงินกองทุนหมู่บ้านละล้าน นายอำเภอยังบอกอีกว่าแต่ละหมู่บ้านจะได้เงินเอสเอ็มแอลจากรัฐบาลทุกปี โดยไม่ต้องส่งเงินคืนหลวง เป็นเงินที่ได้มาฟรีจนกว่าจะครบวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลไทยรักไทย ตอนนี้ก็เริ่มคุยกันบ้างแล้วว่า เงินเอสเอ็มแอลที่จะได้มาครั้งหน้า อาจจะนำมาเป็นเงินทุนซื้อพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์วัวมาผลัดเปลี่ยนกันเลี้ยงเพื่อเอาลูก เงิน 2 แสนบาทจะได้พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์วัว 15 ตัว
นายสมศรีเล่าอีกว่าบ้านแวงน้อย มีสมาชิกทั้งหมด 65 ครัวเรือน เป็นหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่นัก ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ไม่ดีนัก เข้าข่ายยากจนหาเช้ากินค่ำ ทำนา ทำไร่เป็นหลัก ไม่ต่างจากวิถีชีวิตชนบททั่วไป พอพ้นหน้านา เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ลูกหลานที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯหรือจังหวัดทางภาคตะวันออกเพื่อรับจ้างในโรงงานต่างๆ ส่งเงินกลับให้พ่อ-แม่ได้ใช้จ่าย
บรรยากาศในหมู่บ้านแวงน้อยหน้าแล้ง จึงเห็นแต่คนเฒ่า คนแก่ ส่วนหนึ่งนั่งเลี้ยงหลานตัวเล็กที่พ่อแม่เด็กทิ้งไว้เพื่อเข้าไปหาเงินในเมืองใหญ่ ขณะที่ส่วนหนึ่งจะออกไปเลี้ยงวัวในทุ่งนา อาชีพเลี้ยงวัวถือเป็นอาชีพเสริมจากการทำนาเพราะเมื่อมันโตพอขายได้ ราคาแต่ละตัวหลักหมื่นขึ้นไป แต่นั่นหมายความว่าจะต้องใช้เวลาเลี้ยงไม่ต่ำกว่า 3-4 ปี
วัยรุ่นที่เห็นยังอยู่ในหมู่บ้านตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่พ่อแม่พอมีเงินส่งเสียให้เรียนต่อโรงเรียนมัธยมในอำเภอนี้แหละ ส่วนใครที่ไปหางานทำได้ไม่ไกลก็จะตระเวณขายไก่ปิ้ง ขายไอติมผู้ใหญ่บ้านบ้านแวงน้อยเล่า
เขายังบอกว่า หมู่บ้านจะคึกคักขึ้นมาอีกครั้งก็ในช่วงหน้าฝนที่แต่ละบ้านจะต้องลงนา ปลูกข้าว บ้านไหนที่ไม่มีเงินจ้างคนช่วยก็จะบอกให้ลูกหลานที่ทำงานต่างจังหวัดกลับมาช่วย คนรับจ้างไถนา ปลูกข้าวสมัยนี้ก็หายาก พอพ้นหน้าฝนก็ออกไปรับจ้างทำงานกันใหม่แล้วค่อยพากันกลับมาตอนเกี่ยวข้าวอีกครั้ง
**บ้านหนองม่องซื้อลูกรังถมถนน
สำหรับบ้านหนองม่อง หมู่ 9 ต.หนองขาม จัดอยู่ในกลุ่มหมู่บ้านขนาดเล็ก 76 ครัวเรือน ได้รับเงิน SML มาจำนวน 1.5 แสนบาทได้รับโอนมาพร้อมๆ กับบ้านแวงน้อย โดยนายเรือง มานะดี ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองม่อง เปิดเผยว่า จากการประชุมของลูกบ้านเกือบจะทั้งหมดลงมติให้นำเงินที่รัฐบาลแจกซื้อดินลูกรังมาถมซอยต่างๆ ซึ่งในหมู่บ้านมีทั้งหมด 5 ซอย เพื่อให้หน้าดินแน่นขึ้น เงินอีกส่วนหนึ่งนำไปซื้อท่อระบายน้ำ
สำหรับเงิน 1.5 แสนดังกล่าวแบ่งซื้อดินลูกรังจำนวน 1 แสนบาท ในราคา 1,500 บาท/1คันรถสิบล้อ ที่เหลืออีก 5 หมื่นบาทซื้อท่อระบายน้ำได้ 235 ท่อน เหมาจ่าย 150 บาท/ท่อ ใช้เงินจนครบหมดตั้งแต่เดือนกันยายนปีกลายและซื้อจากเจ้าของบ่อดินที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน
นายเรือง ให้เหตุผลที่ใช้เงิน SML ไปซื้อดินลูกรังและท่อระบายน้ำว่าก่อนหน้านี้เคยของบไปยังอบต.แล้ว แต่ไม่ได้ นายกอบต.อ้างว่ามีงบประมาณน้อย และมีหมู่บ้านที่ต้องรับผิดชอบหลายหมู่บ้าน เมื่อมีเงินแจกจากรัฐบาลเข้ามาก็เลยตัดสินใจซื้อมาทำกันเอง แม้จะมีบางเสียงท้วงติงว่าน่าจะนำเงินไปใช้พัฒนาอย่างอื่นที่จำเป็นมากกว่า
อย่างไรก็ตามก็ได้หารือในกลุ่มคณะกรรมการหมู่บ้านแล้วว่า เงินแจก SML จากรัฐบาลก้อนใหม่ที่จะได้ในปี 2549 นี้เราจะนำมาไปซื้อที่ดินเพื่อสร้างศาลาประชาคมประจำหมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านอื่นเขามีกันเกือบครบหมดแล้ว
ดีนะที่นายกทักษิณ เขาแจกเงินมาให้ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีเงินไปซื้อดินมาถมถนนในหมู่บ้าน ส่วนเงินกองทุนหมู่บ้านละล้านที่ได้มาก่อนหน้านั้นก็ยืมกันไปหมดแล้ว ถ้ารัฐบาลส่งเงินมาให้อย่างนี้ทุกปีพวกเราก็สบายใจนายเรือง กล่าวย้ำ
จากการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินตามโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านหรือที่ชาวบ้านรู้จักในนามเงินแจก SML ใน ต.หนองขาม ซึ่งมีทั้งหมด 19 หมู่บ้านนั้น จะมีการใช้จ่ายเงินอยู่ใน 3 หมวด คือ ใช้ไปในกิจกรรมสาธารณูปโภค โดยเฉพาะถมถนน-สร้างศาลาประชาคม สร้างเมรุ,ซื้อโอ่งเก็บน้ำและโรงสี-ร้านค้าชุมชน ซึ่งใน3 หมวดนี้จะใช้จ่ายเพื่อถมถนนและสร้างศาลาประชาคมในสัดส่วนสูงสุด
**เตือนเงิน SMLจะหายไปกับดิน-ทราย
ส่วนบ้านแวง หมู่ 11 เป็น 1 ใน 2 หมู่บ้านของ ต.หนองขามที่เลือกใช้เงิน SML สร้างโรงสีและร้านค้าชุมชน
นายธงไชย กางแจ้ง ผู้ใหญ่บ้านบ้านแวง ให้เหตุผลในการนำเงินเอสเอ็มแอล ซึ่งได้มา 2.5 แสนบาท โดยจัดสรรสร้างโรงสีชุมชน 1 แสนบาทและอีก 1.5 แสนสร้างร้านค้าชุมชนว่า แม้จะเป็นเงินให้เปล่าจากรัฐบาลก็จริง แต่ก็ไม่อยากให้เงินจำนวนนี้สูญเปล่า ควรจะเป็นเงินทุนที่สามารถต่อยอดให้มีเงินพอกพูนระยะยาว โดยกรรมการหมู่บ้านได้จัดระบบการบริหารโรงสีและร้านค้าชุมชนไว้แล้ว โดยจะจัดเวรหมุนผลัดเปลี่ยนกันทำงาน เพื่อนำรายได้จากการบริการสีข้าวและขายสินค้ามาเป็นเงินกองกลางของชุมชน เมื่อสิ้นปีก็จัดทำบัญชีค่าใช้จ่าย หักลบต้นทุนแล้ว เหลือเท่าไหร่ก็ค่อยปันผลให้เป็นรายได้กับสมาชิกในกลุ่ม
สำหรับโรงสีข้าวและร้านค้าชุมชนนั้นสร้างบนที่ดินสาธารณะกลางหมู่บ้าน ที่มีอยู่แล้วขนาด 3 ไร่ เงินเอสเอ็มแอลที่ได้มานำไปซื้อวัสดุก่อสร้างอาคาร เครื่องสีข้าว และสินค้าที่จะนำมาวางขาย
อย่างไรก็ตาม นายธงไชยเล่าว่า กว่าที่จะได้มติจากชาวบ้านเพื่อนำเงินเอสเอ็มแอลมาจัดสร้างโรงสีและร้านค้าชุมชนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะชาวบ้านบางส่วนไม่เห็นด้วย อยากจะให้นำเงินที่ได้มาฟรีนี้ไปซื้อโอ่งน้ำมาแจกหรือให้นำไปพัฒนาถนนหนทางในหมู่บ้าน แต่ตนและคณะกรรมการหมู่บ้านบางส่วนไม่เห็นด้วย โดยพยายามอธิบายให้พวกเขาเห็นว่าหากซื้อโอ่งมาแจกกันเองหรือไปทำถนน เงินกว่า 2 แสนบาทนี้ก็จะหายไปกับดินกับทราย ท้ายที่สุดไม่เหลืออะไรเลย
การถมถนนสร้างทางในชุมชนหมู่บ้านนั้นเป็นหน้าที่ของอบต.อยู่แล้ว ซึ่งอบต.ต้องเข้ามาดูแลและพัฒนาให้ แต่หากเรานำเงินเอสเอ็มแอลมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการทำโรงสีและร้านค้าชุมชน ระยะยาวจะเกิดผลดีต่อสมาชิกในหมู่บ้านมากกว่า เงินปันผลจากบริการสีข้าวจากการซื้อสินค้าในร้านค้าชุมชนจะแบ่งปันกันได้ทุกปี ต่อไปไม่ต้องไปซื้อสินค้าจากร้านค้าในเมือง อยากให้ชาวบ้านได้พึ่งพาช่วยเหลือเกื้อกูลกันเอง เป็นเศรษฐกิจพอเพียงที่อยู่กันได้
ผมเห็นด้วยกับโครงการเอ็สเอ็มแอล เพราะหากรู้จักใช้เงินให้เป็น ชาวบ้านคนยากจนก็จะได้รับประโยชน์ แต่หากนำไปใช้ถมถนนซื้อโอ่งเก็บน้ำเหมือนหมู่บ้านอื่น เงินก้อนนี้ก็จะหายไปเลย สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นนายธงไชยแสดงความเห็น
ด้านนายกันยา มานะดี ประธานคณะทำงานโครงการพัฒนาศักยภาพชุมชน/หมู่บ้านบ้านแวง ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าก่อนที่ราชการจะให้เงินกับหมู่บ้านหรือชุมชน ควรจะชี้แนะแนวทางการบริหารเงินด้วย หากไม่เช่นนั้นให้มาเท่าไหร่ก็ไม่พอ สำหรับชาวบ้านชนบทที่ไม่มีรายได้ประจำต้องอาศัยพืชผลไร่นาเป็นหลักนั้น เงินที่ได้ฟรีมาได้มาเท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งในรายที่ไม่มีงานทำ ก็จะคอยถามแต่ว่า มีเงินรัฐมาให้กู้ยืมอีกไหม จะซ้ำรอยก็โครงการเงินกองทุนหมู่บ้านละล้าน
เงินแจกจากรัฐบาลที่ได้มาก ชาวบ้านจะต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำว่าจะทำอย่างไรให้เงินก้อนนั้นเป็นเงินทุนที่สามารถเพิ่มมูลค่าเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสร้างรายได้เข้ามาสู่กลุ่มอาชีพ หลายหมู่บ้านที่ได้เงินเอสเอ็มแอลมาแล้วนำไปสร้างถนน ซื้อโอ่ง ตนไม่เห็นด้วย เพราะไม่จำเป็น เงินได้มาก็ไม่ยั่งยืน นายกันยากล่าว
แหล่งที่มา : นสพ.ผู้จัดการ
http://www.rakbankerd.com/hotnews.html?nid=4907
จากคุณ :
Can (ไทเมือง)
- [
12 ม.ค. 49 03:55:30
]
|
|
|