ความคิดเห็นที่ 2
18 กรกฎาคม 2548
การทำ FTA ทำให้ไทยขาดดุลการค้าจริงหรือ ?
การจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA ของไทยเป็นที่สนใจของฝ่ายต่างๆ อย่างกว้างขวางและมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ รวมทั้ง ความเห็นที่ว่า การทำ FTA ทำให้ไทยขาดดุลการค้า ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ดร. ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายวัน "กรุงเทพธุรกิจ" ฉบับวันที่ 24 พ.ค. 48 ว่า FTA ทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับออสเตรเลียและจีน จึงน่าที่เราจะมาพิจารณาข้อเท็จจริงกัน
ดร. ฉลองภพฯ เห็นว่า การทำ FTA ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับออสเตรเลียและจีน เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยซึ่งกำลังมีปัญหาขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดจากการที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ไทยนำเข้าจากประเทศทั้งสองสูงขึ้น ขณะที่การส่งออกลดลงอย่างผิดปกติ สาเหตุที่ไทยเสียเปรียบทางการค้ากับ ปท. เหล่านี้ คือ 1) การเจรจาสู้เขาไม่ได้ และ 2) นโยบายเดินเร็วเกินไป ขณะที่ไทยยังไม่พร้อมในด้านพื้นฐานสินค้าและอื่นๆ ไทยจึงเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ดังสถิติการค้าเปรียบเทียบช่วงไตรมาสแรกของปี 47 กับปี 48 ชี้ให้เห็น
อย่างไรก็ดี การที่ TDRI พิจารณาตัวเลขมูลค่าการค้ารวม โดยพิจารณาจากเพียงมูลค่าการค้า ไทย-จีน อย่างเดียวจึงไม่น่าจะถูกต้อง ในปัจจุบันไทยมี คตล. FTA และ คตล. ในรูปของ Early Harvest Scheme/Program (EHS/EHP) ที่มีผลบังคับใช้แล้วกับ 4 ประเทศ คือ คตล. FTA ไทย-ออสเตรเลีย (มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค 48) คตล. เร่งรัดขจัดภาษีสินค้าผักผลไม้ ไทย-จีน ภายใต้กรอบ คตล. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อาเซียน-จีน (ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46) และ คตล. EHS ไทย-อินเดีย (ตั้งแต่ 1 ก.ย. 47) และ คตล. เขตการค้าเสรี ไทย-นิวซีแลนด์ ซึ่งเพิ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ศกนี้ (และต้องรอสถิติการค้าหลังการเปิดเสรี) ดังนั้น ในชั้นนี้ จึงมีเพียง คตล. เขตการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย เท่านั้นที่ครอบคลุมสินค้า 5,505 รายการ ส่วน คตล. ไทย-จีน และ คตล. ไทย-อินเดีย ครอบคลุมสินค้าเพียง 116 และ 82 รายการ ตามลำดับ การวิเคราะห์ความได้เปรียบเสียเปรียบของดุลการค้าของไทย จึงต้องตระหนักถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งในบทสัมภาษณ์ข้างต้น ประธาน TDRI พิจารณามูลค่าการค้ารวมระหว่าง ไทย-จีน และสรุปว่า การขาดดุลการค้าของไทยเป็นผลจาก คตล. ไทย-จีน ข้างต้น
นอกจากนี้ มูลค่าการค้ากลับชี้ว่า เมื่อมีการทำ FTA กับจีนและออสเตรเลีย ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับจีนและอินเดีย แต่ขาดดุลการค้ากับออสเตรเลีย ดังนี้
- การค้า ไทย-ออสเตรเลีย ตามสถิติกรมศุลกากร การค้าภายใต้ คตล. TAFTA ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 48 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 62.23 พันล้านบาท โดยไทยขาดดุลการค้า 11.34 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 429 % ขณะที่ในช่วงเดียวกันของปี 47 ไทยได้เปรียบออสเตรเลีย 3.24 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี คงต้องมาดูปัจจัยอื่นด้วยว่า ทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูปและน้ำมันดิบคิดเป็นมูลค่า 47% และ 8.35% ของปริมาณการนำเข้าจากออสเตรเลียทั้งหมด และโดยที่ไทยไม่ได้เก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าดังกล่าวอยู่แล้ว (ตั้งแต่ก่อนมี FTA) จึงไม่ควรนำสินค้าทองคำและน้ำมันดิบมาคิดรวมด้วย ซึ่งหากพิจารณาเช่นนั้น ไทยจะได้เปรียบดุลการค้า อต. จำนวน 8.51 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% สำหรับสาเหตุที่ไทยนำเข้าทองคำเป็นจำนวนมากนั้น น่าจะเกิดจากราคาทองคำที่ลดต่ำลง ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน จึงมีการซื้อทองคำเข้าเก็บเพื่อขายเก็งกำไร
- การค้าไทย-จีน ตามสถิติกรมศุลกากร การค้า ไทย-จีน ภายใต้ คตล.เร่งรัด ขจัดภาษีสินค้าผักผลไม้ ไทย-จีน (พิกัด 07-08) และการลดภาษีสินค้าสัตว์มีชีวิต ผลิตภัณฑ์สัตว์/พืช ในพิกัดฯ 01-08 ภายใต้กรอบ คตล. ความร่วมมือทาง ศก.ระหว่าง อาเซียน-จีน (มีผลฯ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 47) ในช่วง 1 ต.ค. 46 - 31 มี.ค. 48 การค้าไทย-จีนในสินค้าพิกัดฯ 01-08 ภายใต้สองกรอบข้างต้น มีมูลค่า 29.44 พันล้านบาท โดยไทยส่งออกไปจีน 19.78 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% ขณะที่ไทยนำเข้าจากจีน 9.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% ไทยได้เปรียบดุลการค้าจำนวน 10.13 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 25 %
อย่างไรก็ดี แม้สถิติการค้า (ตัวเลขเบื้องต้น) รวบรวมโดยกระทรวงพาณิชย์ (ร่วมกับกรมศุลกากร) ชี้ว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 48 ไทยขาดดุลกับจีนเป็นจำนวนเกือบ 1.4 แสนล้านบาท เนื่องจากไทยนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมจากจีนเป็นมูลค่าสูงมาก ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (25.91 พันล้านบาท) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (19.02 พันล้านบาท) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (18.29 พันล้านบาท) เป็นต้น แต่สินค้าเหล่านี้มิได้อยู่ภายใต้ คตล. ไทย-จีน ข้างต้น
เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า บทสัมภาษณ์ข้างต้นไม่ได้กล่าวถึงการค้า ไทย-อินเดีย หลังการเปิดเสรี ภายใต้ คตล. EHS ซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า โดยในช่วง 1 ก.ย. 47-31 มี.ค. 48 ไทยส่งออกไปอินเดียมูลค่า 5.09 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 136% ขณะที่ไทยนำเข้าจากอินเดีย มูลค่า 1.29 พันล้านบาท ลดลง 27 % ไทยจึงได้เปรียบดุลการค้าจำนวน 3.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 %
ดังนั้น หากจะกล่าวกันตามเนื้อผ้าแล้ว การเปิดเสรีของไทยตาม คตล. FTA มิได้เป็นสาเหตุของการขาดดุลการค้าของไทย แต่กลับจะช่วยบรรเทาสภาวะการขาดดุลของประเทศให้น้อยลง
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ลองอ่านกระทู้นี้ก่อนตอบก็ดี
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4023274/P4023274.html
จากคุณ :
สงสัยใฝ่รู้
- [
14 ม.ค. 49 22:07:20
]
|
|
|