CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นายกบอกครูเลิกสอนให้เด็กท่องจำตั้งแต่ชั้นเล็กสุดจนมหาวิทยาลัย เน้นปลูกฝังความคิดและจินตนาการ เราว่าถูก..แต่ไม่ทั้งหมด

    นายกบอกครูเลิกสอนให้เด็กท่องจำตั้งแต่ชั้นเล็กสุดจนมหาวิทยาลัย เน้นปลูกฝังความคิดและจินตนาการ  

    เราว่าถูกและดีมากแล้ว..แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดในส่วนของการพัฒนาสติปัญญา

    การเรียนการสอนที่จะทำให้มนุษย์เก่ง ฉลาด สุขุมคัมภีรภาพ ทันคน และสามารถต่อสู้ แก้เกมส์ได้กับผู้แข่งขันระดับนานาชาติอย่างชนิดทันทีทันควันและไม่แพ้เปรียบฝ่ายตรงข้ามนั้น มนุษย์แต่ละคนจะต้องได้รับฝึกฝนและพัฒนาสมองสามส่วนคือ..

    ด้านความจำ(สมองส่วนหน้า)
    และสมองอีกสองซีก..
    คือซีกความคิด+คณิตศาสตร์
    และสมองซีกจินตนาการและศิลปะให้แตกฉานไปพร้อมๆกันทั้งสามส่วน จึงจะครบองค์ประกอบการเรียนรู้ออกไปต่อสู้โลกภายนอกได้

    การสอนให้เด็กเก่งด้านการคิด และจินตนาการ แล้วความจำเป็นศูนย์นั้น  พอถึงเวลาจะใช้งานที่ต้องการอ้างอิงอะไรทันทีทันควัน จะทำให้ช้า ไม่ทันการและเสียโอกาส สู้คนที่พร้อมกว่าในทุกรื่องไม่ได้

    อย่างนี้ถือว่าการเรียนการสอนไม่ประสพผลสำเร็จ  
    ยกตัวอย่างเช่น เด็กเอามือไปจับไฟ ร้อน มือพอง แต่สมองส่วนที่เป็นความจำเสียไปหรือไม่ได้พัฒนาก็จะทำให้ทำผิดซ้ำๆไปเรื่อยๆ ไม่ได้เรียนรู้สักที ทำให้ช้ากว่าคนอื่น

    ในวินาทีแห่งการต่อสู้แข่งขันทางปัญญาซึ่งมีการใช้กลยุทธ์ในทุกเวทีการเจรจาต่อรองระหว่างประเทศ
    ผู้เข้าเจรจาต่อรองจะต้องใช้ทั้งทักษะที่แตกฉานหลายด้าน ที่ล้วนมาจากการสะสมองค์ความรู้รวบยอด ซึ่งพัฒนามาจากความจำ ความรู้ ความคิด และจินตนาการที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จะไปเน้นแต่เฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใดแล้วละทิ้งหรือละเลยอีกส่วนที่สำคัญด้วยเช่นกันไม่ได้  
    ทุกส่วนจะต้องไปด้วยกัน ร่วมกันไป

    เช่นเดียวกันกับคนเรา ที่จะฉลาดจริงๆได้จะต้องมีกระบวนการทางปัญญาที่ได้รับการฝึกฝนและพัฒนาแล้ว คือ...ทั้ง(ความจำ..(เติมให้) +ความรู้ +ความคิด+จินตนาการ) แล้วจะละเลย"คุณธรรม"ไม่ได้เช่นกัน

    ทุกอย่างข้างต้น(ปัญญาหรือความรู้ ที่มาจาก..ความจำ+ความคิด+จินตนาการ) และ"คุณธรรม" ต้องไปด้วยกันคือควบคู่กันไป ชีวิตคนและที่สุดสังคม จึงจะเจริญยั่งยืนและร่มเย็นถาวรได้ตลอดรอดฝั่ง

    บ้านเมืองก็เช่นกัน  เราต้องการประชากรที่มีคุณภาพทางสมองและคุณธรรม

    ในเวทีการเจรจาต่อรองระดับนานาชาติ...

    คนยิว คนอาหรับ คิดเก่ง เถียงเก่ง ต่อรองได้ทันทีทันควันเอาเรื่องนั้นโยงเรื่องนี้ลากไปลากมาเก่งมาก แตกแยกประเด็นไปได้ทุกแง่มุมไล่ไม่เคยจนหนทางเพราะพวกเขาพัฒนาทั้งสามสิ่งนี้ไปด้วยกัน แต่เรื่องคุณธรรมที่จะให้คู่ต่อสู้นั้น...ยังเป็นที่สงสัย??

    ในเวทีการเจรจาระดับนานาชาติ ฝรั่งหลายชาติใหญ่ๆที่มีคนยิวถือสัญชาตินั้นอยู่มักนิยมใช้พวกยิวที่ถือสัญชาตินั้นมาเป็นผู้ทำหน้าที่เจรจาต่อรองในเรื่องที่ต้องการ  ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้า เศรษฐกิจ  ถ้าสืบลงไปให้ลึกๆจะพบว่าคนหรือผู้แทยเจรจาเหล่านั้นมีเอี่ยวทางสายเลือดกับยิวไม่มากก็น้อยในที่สุดเสมอ เพราะอะไร?

    ทำไมหลายๆคนพูดว่าคนยิวถึงฉลาดมาแต่กำเหนิด?

    จริงๆแล้วไม่ใช่หรอกค่ะ
    ในตระกูลคนยิว สืบเนื่องมาจากการฝึกฝนอย่างหนักในด้านความจำ ความคิด และการพัฒนาสติปัญญาทุกรูปแบบที่สั่งสมและจดจำถ่ายทอดกันมาในหลายชั่วอายุคนต่างหาก ผสมกับนิสัยประจำพันธ์คือ มัธยัสถ์ ขี้เอาเปรียบ ได้เอาเสียไม่ร่วมด้วย ทั้งไม่จริงใจให้ฝ่ายตรงข้ามที่ถือว่าเป็นคนนอกวงศ์และพันธ์ ทำให้ในทุกเวทีการเจรจาต่อรองคนพวกนี้ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักและทำการบ้านมาทุกกระบวนยุทธ์แล้วจึงมีข้อได้เปรียบทางผลประโยชน์มากมาย.. ไม่ได้อย่างนั้นก็ต้องได้อย่างนี้ วัตุประสงค์ที่ตั้งไว้ภายในคือ Win only Policy ภายใต้ข้อสมมติฐานที่ตกแต่งให้ฟังดูดีไว้หลอกคนที่โง่กว่าภายนอกคือ Win Win Policy ซึ่งไม่มีซะละสำหรับคนยิวนี้ในใจจริง

    ส่วนคนอาหรับ เน้นการท่องจำคัมภีร์ทุกบททุกตอนทั้งเล่ม  มีเนื้อหาประเด็นต่างๆหลากหลายในคัมภีร์  พวกเขาสามารถจดจำและเล่าเรื่องในแต่ละตอนได้เหนือกว่าคนชาติอื่นๆที่ไม่ได้เน้นการท่องจำ  ดังนั้นในการเจรจาที่ว่า "ปากเป็นเอก เลขเป็นโท.นั้น" คนอาหรับก็มักเจรจาไม่แพ้ใคร

    ไม่เช่นนั้นแล้ว เจรจากันมาหลายสิบปี ยิวคงไม่ต้องย้ายออกไปจากฉนวนการ์ซาร์เมื่อเร็วๆนี้หรอกค่ะ  "สองชาตินี้ ไก่เห็นนมงู  งูเห็นตีนไก่"

    เมื่อท่านนายกพูดเรื่องเน้นให้ครูทุกระดับเลิกสอนให้เด็กพัฒนาความจำ และให้มาเน้นเรื่องความคิดและจินตนาการแทน แม้จะถูกและง่ายขึ้น แต่ก็ทำให้ดิฉันเป็นห่วงว่ากระบวนการพัฒนาอาวุธทางปัญญาให้เด็กไทยเก่งและดีจะขาดในเรื่องที่เห็นว่าสำคัญเช่นกันไป

    ไม่มีอะไรในโลกที่ได้มาง่ายๆทุกอย่างค่ะ  ทุกอย่างต้องผ่านการฝึกฝนพัฒนาจึงจะเจริญพร้อมขึ้นมาได้  จะทิ้งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปไม่ได้ค่ะ ถ้าจะเน้นให้น้อยลงบ้างก็พอจะได้  แต่จะทิ้งไปซะทั้งหมดภายหน้าคนของเราจะสู้พวกที่เค้าพัฒนาเข้มมาทุกด้านไม่ได้ในเวลาฉุกเฉินหรือเข้าด้ายเข้าเข็มค่ะ

    จึงขอให้หลายๆท่านเข้ามาถกประเด็นระดมสมองช่วยเด็กไทยค่ะ  พร้อมรับฟังความคิดเห็นหลายๆแง่มุมค่ะ

    ฝากประเด็นนี้ให้ท่านนายก รมตศึกษา และผู้ใหญ่ในกระทรวงได้พิจารณาด้วยค่ะ

    ด้วยความห่วงใยเด็กไทยที่จะเติบโตขึ้นไปต่อสู้ในเวทีโลกาภิวัฒน์

    จากคุณ : ** ผู้หญิงไทย ** - [ 15 ม.ค. 49 00:41:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป