ความคิดเห็นที่ 1 แนะนำกุ้งแม่น้ำขนาด3ตัวโลๆละ 800 ร้านลุงชุบ วัดตราชูครับ จากคุณ : มีใครไทยแลนด์ - [ 15 ม.ค. 49 15:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กึ๋น  นะ  มี  แต่  ไม่  ให้  ดู  ว้อย  5 5 5 จากคุณ : ART Sr. (ART Sr.) - [ 15 ม.ค. 49 15:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หึ หึ ถ้าตามอ่านกระทู้ 2-3 กระทู้คืนวันศุกร์ 13 ของผม น่าจะรู้นะ ผมไม่ใช่พวกใคร จริง ๆ หากจะมองปรากฎการณ์พวกนี้ เราต้องมองในหลาย ๆ มิติ เพราะความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ ในจิตใจของประชาชน หรือกลุ่มผลประโยชน์ กางแผนที่ออกมาดู ลองแยกแค่ พวกรัฐบาลกับพวกไม่ใช่รัฐบาล ก็จะเห็น "กลุ่มพลัง" กระจายตัวไปทัวทั้งประเทศ และกระจายอยู่ในทุกภาคส่วน ทั้งสภา สว. ภาคธุรกิจ ในมหาวิทยาลัย หรืออาจพูดได้ว่า..การเมืองภาคประชาชน... การบุกเข้าไปในทำเนียบ มันเป็นแค่การประนีประนอมของกลุ่มพลังทางความคิด ที่ยังไม่ "ประสานสนิท" หากแยก ๆ การเมืองฝั่ง ภาคประชาชน ดูสิมีกลุ่มใหนบ้าง จริง ๆ มันมีหลายกลุ่มนะครับ บางกลุ่มก็ทับซ้อนเชื่อมสัมพันธ์กันในบางเรื่อง ขัดแย้งกันในบางเรื่อง งานนี้มันแค่กลุ่มสนธิ ขอกำลัง 92.25 มาช่วยตบหน้าทักษิณ ผมไม่ได้มองอะไรลึกซึ้งเลยนะ แค่จัดลิเกมาเล่นกันนิด ๆ หน่อย ๆ หาก ยุทธ์ ตู้เย็น ไม่ไปแหย่เสือหลับ คงไม่มีปัญหา แต่เจ้าปุ้ม ( รมต.ปากมัน ) มันใจร้อน มันรู้จักกลุ่ม อ.สมาน เอกยุทธ อัญชลี น้อยเกินไป ถ้าละอ่อนทางการเมือง อย่างยุทธ์ ตู้เย็น ปุ้มปากมัน ยังดำเนินการหักล้าง กลุ่ม สนธิกับกลุ่ม 92.25 ไปเรื่อย ๆ ซักวันเลือดจะนองแผ่นดิน หากไม่อยากให้มีความรุนแรง หน้าเหลี่ยมต้องหยุด ยุทธ์ ตู้เย็น ยี้ห้อย และ เจ้าปุ้มปากมัน ใครรู้จัก "สามยี้"....จงกลับไปบอกมันด้วย มันจะทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ อย่ายั่วยุ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 15:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หากจะทำความเข้าใจปรากฎการณ์ ต้องลงในรายละเอียดเยอะ เอาเป็นว่าขณะที่ "สนธิ" นำกำลังเดินถนนแสดงพลังมาจากสวนลุมนั้น กลุ่ม "สมาน ศรีงาม" วางกำลังตรวจสอบรออยู่ที่หน้าทำเนียบ มอเตอร์ไซค์ วิ่งวนดูสถานการณ์ตลอด รายงานผ่าน 9225 และ วิทยุผู้จัดการ เหตุการณ์มันมีความเหมือนที่แตกต่าง เหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 แต่คราวนี้ "ฝั่งประชาชน" เป็นคนใช้ "สื่อ" ทั้ง โทรศัพท์มือถือ วิทยุ 9225 วิทยุและทีวีของผู้จัดการ เนชั่นบ้างบางโอกาส ในขณะที่ 6 ตุลา 19 รัฐบาลใช้ "สื่อยานเกราะ" ขณะที่เหยื่อ คือ "ทักษิณ" ซึ่งแน่นอน เชิงสัญญลักษณ์ ก็คือ "ทำเนียบรัฐบาล" เมื่อสนธิไปถึง พร้อม ๆ พวก สว. อดีต สว. และพันธมิตร ก็ขึ้นพูดนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วส่งมอบ "ไมค์" ให้กลุ่มสมาน ศรีงาม กลุ่มนี้ก็บอกแล้ว เย่อกับตำรวจมาจนจำหน้ากันได้ ลิเกต่าง ๆ จึงถูกดำเนินการไปเรื่อย ๆ ตัวแสดงฝั่ง สมาน ศรีงาม ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี เรื่อง "แมส" เรื่อง "ม้อบ" กัปตันที่ขึ้นไปน่ะ ก็พวกสมาน เค้าทดสอบพลัง อยากบุกเข้าไปฉี่ใส่ทำเนียบเท่านั้น เมื่อ"หัวเรือใหญ่" กดปุ่ม เฮ้ย..ออกมาข้างนอก เดี๋ยวหลงกล สมาน จึงมากล่อมให้สงบ จริง ๆ มีคนสั่งสมานได้ และสมานก็สั่งม้อบได้ ผมจึงไม่ห่วงไงครับ การทำงานแบบ"มืออาชีพ" เราเชื่อว่า กลุ่มที่เข้าไปเป็นตัวชนนั้น ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี รวมทั้งในกลุ่มนั้น มีอีกชุดหนึ่ง ที่จะคอยระงับเหตุในพวกเดียวกัน ตัวใหนซ่า-บ้าเกินเหตุ เค้าจะ อุ้มไปเก็บก่อน ส่วนกลุ่มสนธิและพวก สว.ต่าง ๆ เมื่อขึ้นมาพูดแล้ว ก็กลับบ้าน ปล่อยให้ ลิเกสมาน เย่อกับตำรวจ กลุ่มผู้จัดการจบเกมไปแล้ว แต่ 9225 ดำเนินการต่อ มันล่วงเลยมาจนถึงเรื่อง เอาหัวกระแทกโต๊ะเลือดอาบนั่นแหละครับ ประเด็น ถูกจับแล้วดิ้น โดนกดลงกับโต๊ะ หรือ เค้าแกล้งอาศัยแรงส่ง กระแทกให้แตกนั่นก็สุดคาดเดา แต่การตะโกน "ตำรวจทำร้ายประชาชน" ผมฟังแล้วขำ ๆ นึกถึงสมัย ข้างสวนจิตร เมื่อคืน 13-14 ตุลา 16 ลอกคำพูดมาโดยไม่แก้ไข จะเล่นทั้งที น่าจะเปลี่ยนสคริปบ้าง เช่น มาตีผมทำไม มาตีผมทำไม ตำรวจตีผมทำไม อิ อิ หากรู้จักแยกแยะแล้วเราจะเห็นคนที่ไปเจรจาให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมเป็นใคร....เอกยุทธ์-อัญชลี ใช่มั๊ย แล้วพวกสนธิไปใหน ก็จะไปทำไม ก็เพราะมันคนละกลุ่มไง คนละกลุ่มที่แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างกันอยู่ การผนวกกำลังสของ สนธิกับ 9225 ให้ดูช่วงเวลาที่ สนธิ เริ่มมาเชียร์ ประชัย เรื่อง ทีพีไอ นั่นแหละครับ สมานมาทำม้อบให้ ทีพีไอ ครับ แต่ผมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรของกลุ่มพวกนี้ แค่วิเคราะห์ให้เห็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ................................. เพราะถ้าหันไปมองการเมืองภาคประชาชน อีกหลายกลุ่ม ที่ยังไม่มาร่วมกับ สนธิ 9225 ยังอีกเยอะครับ ดู ๆกันไป...หากจำวันที่ไปไล่สุริยะหน้าสภา วันอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมานผิดหวัง ไม่ได้จับไมค์ โดนกลุ่มหมอเหวง บล็อค นั่งคอตกอยู่ข้างสนาม อิ อิ ลองรีไวน์เทปเก่า ๆ ดูซีครับ มันต่อเนื่องมาตั้งแต่คราวสนามหลวง กฟผ. หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วมา หน้าทำเนียบ ฮ่า ฮ่า จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 16:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 #3 คิดว่าพวกที่พาพวกบุกเข้าทำเนียบทำขนาดนี้ ยังจะมีหน้ามามาแสดงความคิดเห็นในเรื่องบ้านเมืองอีกเหรอ ไม่ต้องอะไรหรอกแค่กฎหมายธรรมดายังละเมิดกันเฉย แล้วคิดจะมาพูดถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด เฮอะ อยากจะให้ถึงวันศุกร์จัง อยากจะรู้ว่าสนธิจะพูดถึงเรื่องคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาหรือไม่ และถ้าพูดจะพูดอย่างไร จากคุณ : แม้วดอยหลวง - [ 15 ม.ค. 49 16:25:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ : แม้วดอยหลวง ต้องไปอ่านมุมมองเรื่อง นิติศาสตร์-รัฐสาตร์-การเมืองการปกครองที่ผมใส่ไว้ในกระทู้เรื่องม้อบนี้นะครับ ความคิดเห็นทางการเมืองทุกคนมีสิทธิ์ทั้งนั้น ไม่ว่าไอ้มหาโจรหรือพระภิกษุผู้เจริญ ทำไมต้องไปแบ่งแยกว่าคนนั้น มีหน้ามาออกความคิดเห็นทางการเมือง...คนนี้ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นทางการเมือง ไม่เผด็จการไปหน่อยเหรอแม้เราไม่เห็นด้วยแต่เราต้องปล่อยให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี เว้นแต่เผด็จการเท่านั้น ชอบปิดปากคนอื่น จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 16:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การจัดกำลังของสนธิ ... เป็นความชอบธรรมหรือไม่ ...? ตรงนี้เป็นคำถาม ที่ไปตอบกันเอาเอง มองจากคนอีกฟากฝั่ง ถ้าเป็นกระบวนการประชาชนที่เดือดร้อนจริง ... การแก้ไขให้ก็คลี่คลายได้ ถ้าเป็นกระบวนการประชาชนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นและชี้ทิศนโยบาย การโอนอ่อนรับฟังหรือแม้แต่ ชลอ แก้ไขนโยบาย ...เรื่องก็จบได้ แต่ถ้าเป็นม็อบแย่งชิงอำนาจ ...ม๊อบหักล้างกันทางการเมือง มันไม่มีทางประนอม ... เพราะจุดประสงค์คือหักล้างกัน ได้เสีย เป็นตายทางการเมือง ... และอาจมีการล้างแค้นทางการเมืองซุกอยู่ด้วย ใครยอมใคร ? การสนธิกำลังของฟากต่อต้าน จำนวนแค่นี้ขี้ประติ๋วจริงๆ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก็จัดได้ พินิจ ... เนวิน ...ยงยุทธ ... สมศักดิ์ ... สุวัจน์ ... ธรรมรักษ์ และบรรดาสหายทั้งสายจิ๋ว แต่ละเจ้าเพียงลำพัง ก็จัดมาให้ได้มากกว่าที่เอาทั้งนั้น แต่เหตุการไม่สุก อย่างดีก็ม็อบตีกัน  ...ชาวบ้านแท้ไม่เอาด้วย ใครทำบ้ายเมืองวุ่นวายเสียหายก็จะถูกด่า ...และจะทำให้ฝ่ายชนะต้องเป็นเผด็จการจำเป็น พวกสร้างม๊อบทั้งสองฝ่ายระวังให้ดีก็แล้วกัน ... อย่าเพิ่มเดิมพันจนเอาไม่อยู่ บ้านนี้เมืองนี้ก็ของพวกผมเหมือนกัน พวกท่านจะมาเล่นเกมมาทำชิงเมือง ... เห็นเป็นของตีกินได้หรือ พวกท่านเห็นประชาชนเป็นเพียงทาสติดแผ่นดินที่ท่านจะครอบครองเอาได้หรือ ? นี่ พ.ศ. ไหนแล้ว ? จากคุณ : X-CU - [ 15 ม.ค. 49 16:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพี้ยน จากคุณ : spc01 - [ 15 ม.ค. 49 16:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หิ๊ว.............หิว ~~ * * จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 15 ม.ค. 49 16:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก็บอกแล้วลิเกการเมือง ถ้าทักษิณยังลงมาเล่นอยู่แบบนี้ ซักวันลิ่วล้อจะทำให้ไม่มีแผ่นดินอยู่ เหตุการณ์บานปลาย บางทีมันสร้างกระแสความชอบธรรมได้ไม่ยาก หาทางลงกันเอาองก็แล้วกัน...อย่าท้าทายกัน... ปล่อยให้สนธิมันตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 17:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็น ถ้าเป็นไปตามกฎหมายกำหนดมันไม่เป็นไรหรอก อย่างที่จัดที่สวนลุมน่ะ จะทำอย่างไร จะพูดอย่างไรก็ทำไปเถอะ ในเมื่อบอกว่าคนอื่นทำผิดกฎหมาย แต่ตัวเองมาทำผิดเสียเองมันจะไหวเหรอ ที่จริงคืนวันศุกร์ก่อนที่จะมีการบุกเข้าทำเนียบก็อยู่ที่นั่น แต่กลับมาก่อน(เอ เหมือนคำแก้ตัวของใครต่อใครพิกลแฮะ....ฮา) จะมาบอกว่าคนละพวกกันมันจะไม่รับผิดชอบเป็นไปไม่ได้ เพราะคนที่ชวนให้คนเดินมาหน้าทำเนียบคือสนธิ เพราะเหตุแค่ต้องการประลองกำลัง แต่เมื่อพลาดพลั้งขึ้นมาก็หายไปทั้งตัวทั้งหัว ปล่อยให้คนที่ตัวเองชวนมารับชะตากรรมตามลำพัง เขาต้องดูหนังของเมล กิ๊บสัน เรื่อง We are Soldiersเสียแล้วหล่ะ จะได้รู้ว่านักรบที่แท้จริงเป็นอย่างไร แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 49 17:28:13 จากคุณ : แม้วดอยหลวง - [ 15 ม.ค. 49 17:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อืม อ่านๆแล้วเหมือนลุงแคนจะบอกว่า กลุ่มเอกยุทธ สนธิ และนายทุน 92.25 นั้นทำถูกต้องแล้ว!!!!! จากคุณ : ขยะสังคม - [ 15 ม.ค. 49 17:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ศึกครั้งนี้เหมือนสมัย 3 ก๊ก ที่ แม่ทัพได้ใจบุกเข้าเมือง ปรากฏว่า เมืองนั้นมีการต่อต้านน้อยเกินคาด พอเข้าไปก็โห่ร้องตะโกนดีใจ ว่าตนชนะแล้ว และก็ตั้งทัพไว้ในเมือง ปรากฏว่าถูกซ้อนแผน เมืองถูกวางเพลิงทหารส่วนใหญ่ตายเรียบเหลือแต่แม่ทัพผู้พ่ายแพ้กับทหารไม่กี่คน ถ้าเทียบกันกับม๊อบครังนี้แทนที่จะเป็นเพลิงจริง ๆ กลับกลางเป็นเพลิงในใจผู้คนที่ถูกจุดให้เกลียดชังผู้กระทำ ฉะนั้นจึงแยกสาเหตุของความผ่ายแพ้ไว้ดังนี้ 1.เพราะแม่ทัพกิ๊กก๊อกคนเดียวทำกองทัพล่มสลาย ในเวลาชั่วข้ามคืน 2.ผู้นำเหมือนเห็นเหตุการณ์ไม่ดีก็หายตัว ทิ้งทหารอาสาให้ผจญชะตากรรมเอง ซึ่งไม่มีผู้นำคนไหนหนีแบบนี้ (อ้อ มีคนหนึ่งคืออ้วนสุด) จากคุณ : davil amature - [ 15 ม.ค. 49 17:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 12   อืม อ่านๆแล้วเหมือนลุงแคนจะบอกว่า กลุ่มเอกยุทธ สนธิ และนายทุน 92.25 นั้นทำถูกต้องแล้ว!!!!! จากคุณ : ขยะสังคม   - [ 15 ม.ค. 49 17:29:55 ] """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ทำไมต้องไปตัดสิน ถูกหรือผิด ในเรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องตัดสินเพราะเราไม่ใช่ศาล แต่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการกระทำ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ต้องแยกแยะสิ...พวกไปเดินกับสนธิ พอเห็นสนธิกลับ เค้าก็กลับ บางคนเห็นการบุกเข้าทำเนียบ เค้าไม่เห็นด้วย เค้าก้กลับ ส่วนพวกที่ม้อบต่อ ก็พวก สมาน ศรีงามเท่านั้น มันต้องแยกส่วนออกมาสิ ถึงจะเห็นความจริง ใครทำถูกหรือผิด เราไม่ใช่ศาลนะอย่าลืม จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 17:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มองในมุมของสนธิ ก็ยุทธ์ ตู้เย็น ส่งคนไปป่วนที่สวนลุมตั้งแต่บ่าย มีตีกันตุ๊บตั๊บ สนธิมันก็บอก เมื่อมาเล่นม้อบ มันก็เล่นม้อบ ถ้าให้ผมตัดสินก็ต้องบอกเลวทั้งรัฐบาลและสนธิ พอใจมั๊ยล่ะ มันต้องถามว่าทำไมสนธิถึงสั่งเคลื่อนม้อบ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่อยากให้เขากระทำก็อย่าไปกระทำเค้าก่อน ก็แค่นั้น จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 17:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ : แม้วดอยหลวง สนธิมันก็บอกจะไปแค่ "เห่าโจรที่ทำเนียบ" เห่าเสร็จก็กลับไปนอน ส่วนพวกม้อบนั่นน่ะ โดนจับมาหลายหนแล้วนี่ ทำไมไม่ถามว่า ใครขนม้อบไปตีรวนสวนลุม ก่อนด่าคนอื่นต้องหันไปมองพวกรัฐบาล ไปเล่นเค้าก่อนมั๊ยล่ะ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 17:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอางี้ คนทำข่าวระดับเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ คุณคิดว่าเค้าส่งสัญญาณกับตำรวจได้หรือไม่ เอากันแค่นี้ก่อน...พอต่อสายได้ก้บอก เฮีย ผมจะไปเหยียบหน้ามันหน้าทำเนียบ มันเอาม้อบมากวนผมก่อน ผมจะไปสั่งสอนมันให้รู้ว่าผมทำได้นะ แค่บุกเข้าทำเนียบก็ทำได้ นะ นะ...อย่าเอาม้อบมากวนกัน ต่างคนต่างเห่า ผมเห่าวันศุกร์ หน้าเหลี่ยมเห่าวันเสาร์ เจ๊ากันไป ปล่อยให้เห่าบ้างสิ...อย่าเห่าคนเดียว มองปัญหาแบบพุทธ ก็ต้องบอก เหตุมาจากผล ผลมาจากเหตุ อย่ามองที่จุดสุดท้ายอย่างเดียวสิ พิจารณาจากต้นไปปลาย จากปลายมาหาต้น คิด คิด คิด ทำไม ทำไม ทำไม เดี๋ยวก็คิดออกเอง จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 18:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 "ปรากฎการณ์น้ำแตกแล้วแยกทาง" บทเรียนสำคัญของ"ม๊อบลูกกำพร้า" พึ่งจะรู้ว่าองค์การNATO (No Action - Talk Only) มีม๊อตโต้ ประจำองค์กรว่า "น้ำแยกแล้วแยกทาง" ก็วัน รวมพลคนอัปมงคลครั้งที่ 14 นี่แหละตอนทำตอนพูดก็มันส์ กันไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะเป็น หงอก เบนโล,คญ.สะตอบอรี่ ถุยส์ หมัดทะลวงใส้,โป้งสะเหน่ง เซ็กส์โฟน,สว.พันธ์หมู สว.หมูปิ้ง,แย้คาบไปท์,ทองก้อน ชายผู้มีแขนเดียว,อดีต สทง.(เสือกทุกงาน) เอาแบงค์พัน แบงค์ห้าร้อย มาโบกตรงหน้า ก็ยังมีหน้ามา บอกว่า "กรูยังไม่เสร็จ" พอเสร็จสมอารมณ์หมาย ถามใคร...ก็บ่ฮู้บ่หัน ถาม...ถุยส์ หมัดทะลวงใส้...ผ๊มกลับบ้านแล้ว,ผ๊มหลับแล้ว ถาม...หงอก เบนโล...ผ๊มต้องไปประชุมตอนเที่ยงคืน ถาม...คุณหญิงสะตอบอรี่...เดี๊ยนไปดูเจ๋ย เจย จาก "ปรากฎการณ์น้ำแตกแล้วแยกทาง" ทำให้เกิด "ม๊อบลูกกำพร้า" ขาดพ่อ ขาดแม่ ขาดผู้นำ ปล่อยทิ้ง ปล่อยขว้าง ดั่ง เด็กกำพร้า...ผู้หลงทาง "ถ้าพ่อแม่ฟังอยู่ คิดถึงหนูหน่อยหนา หนูขอสัญญาว่า หนูจะเป็นเด็กดี" จ้างมาแค่ 300 หนูแสดงไปตั้ง 3000 ยังไม่เห็นใจหนูอีกโต๊ะมันอยู่เฉยๆ หนูยังเอาหัวไปกระแทก โต๊ะ ซะ เลือดนอง 300 นี่ค่าทำแผลยังไม่พอเลยจ๊ะ แต่หนู ก็เสียสละ เผื่อว่าสักวัน"พ่อแม่จะไม่รังแกฉัน" เหมือนดั่ง วันนี้ ไม่รับผิดชอบก็ไม่เป็นไร ยังมาพูดให้หนูเจ็บใจอีกว่า "ทีทับทำไมไม่ร้อง ทีท้องจะมาให้หงอกรับ" ได้ไง ได้ไง อยากมีเซ็กส์ ต้องรู้จักป้องกัน อยากจะมันส์ต้องรู้จักรับผิด ชอบ ถ้าทำแล้วไม่รับผิดชอบกันแบบนี้ ทำไมปล่อยให้หนู เกิดมาเป็นปัญหาสังคม ล๊ะ ถ้าผู้ใหญ่ชอบทำแต่ไม่รับผิด ชอบแบบนี้ หนูแนะนำว่าไป"มาสสะเตอร์เบชั่น" อยู่กับบ้าน ดีกว่า มันส์ด้วย และก็ไม่เดือดร้อนใครด้วย นะจ๊ะ จากคุณ : ดินสอกับยางลบ - [ 15 ม.ค. 49 18:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ดินสอกบอ๊บ ๆ หมื่นปี ฯ ทำไมไม่พูดถึง "ม้อบหน้าเหลี่ยม" ที่ส่งไปก่อกวนที่สวนลุมล่ะ รถทัวร์ 13 คัน ที่เอาไปจอดรอที่หน้าตั้งฮั่วเส็ง เพื่อปิดทางเข้าออก กลัวม้อบสวนลุมจะไปบ้านจันทร์ส่องหล้า...จริงหรือเปล่า จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 18:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สรุปก็คือเข้าทางตีนรัฐบาล ฟอร์มให้นักเตะบุกไปยั่วหน้าประตู พออีกฝ่ายเห็นนึกว่าเล่นหลวมเลยบุก แต่กลัวสวนกลับตั้งรับแทบไม่ทัน เค้าเตอร์แอทแทคมันใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยแหล่ะ จากคุณ : แม้วดอยหลวง - [ 15 ม.ค. 49 19:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ารัฐบาลคิดแผนอุบาทว์ได้ลึกซึ้ง ขนาดยอมให้ม้อบเข้าเผาทำเนียบ ผมจะเป็นคนแรกที่จะเอากระสุนไปฝังหัวใครบางคน นี่มันเล่นเกมปล่อยให้เผาบ้านเผาเมือง เพียงเพื่อจะเอาชนะกัน ใครเป็นรัฐบาลคิดได้แค่นี้ ประเทศชาติล่มจมแน่ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 19:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาแสดงความนับถือลุงแคนครับ มีทั้งสติปัญญาและคุณธรรมจริง  ผมคิดว่าลุงแคนอ่านเกมอย่างเป็นกลาง และไม่ตอบโต้คนที่คิดตรงข้าม แม้ว่าบางคนอาจพูดยั่วยุหรือพูดไม่ดีก็ตาม  ประชาธิปไตยจริงๆ จากคุณ : derik - [ 15 ม.ค. 49 20:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ลุง can บอกว่า "สนธิมันก็บอก เมื่อมาเล่นม้อบ มันก็เล่นม้อบ ถ้าให้ผมตัดสินก็ต้องบอกเลวทั้งรัฐบาลและสนธิ พอใจมั๊ยล่ะ" ผมเห็นด้วยนะ  มันเลวทั้งคู่นั่นแหละ แต่กะธิก็เหลือเกิน  จะกลับบ้าน บอก "ประชาชนของกะธิที่สวนลุม" หน่อยก็ไม่ได้ บนเวทีนะ "ยาม" เล่นหนีกลับก่อน "เจ้าของ"  ก็แย่นะซิ อิอิอิ จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 15 ม.ค. 49 20:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 24   คุณ Can อย่าหลงยุค... จากคุณ : ชยะสังคม  - [ 15 ม.ค. 49 20:43:18 ] """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" บ้าสิตะเอง...เค้าเล่าให้เดะๆ ฟังนี่ยังไม่หมดเลยนะตะเอง จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 20:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมชอบคำนี้จังเลย "ซักวันเลือดจะนองแผ่นดิน" จะได้หมดยุคไดโนเสา ยุคฟ้าสีทองผ่องอำไพ เข้าสู่ยุคใหม่ยุคของคนหนุ่มสาว ที่มีพลังในการทำงานในการสร้างชาติ ยุคที่มีผู้นำประเทศมาจากประชาชน ไม่ใช่ยุคที่หลงกับอำนาจเก่าๆ มีหัวโบราณบางคนใฝ่ฝัน ที่จะหาอำนาจด้วยการเป็นนายกฯพระราชทาน แล้วจะเช็คบิลกับคนที่ไม่เข้าข้างตนเอง(ถ่ายรูปไว้หมดแล้ว) เมื่อไรหนอเลือดจะนองแผ่นดินซักที..รอนานแล้วนะเซ็ง จากคุณ : อ่างขาง - [ 15 ม.ค. 49 20:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วิเคราะห์ได้ดีครับ จากคุณ : tee_btc - [ 15 ม.ค. 49 21:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมบอกตั้งแต่คืนนั้นแล้ว มันม้อบมืออาชีพ กดปุ่มได้ทั้งนั้น กองหน้าน่ะ พวกเค้าจัดตั้งให้ทำตามคำสั่ง จะมีชาวบ้านแท้ ๆ ปนอยู่ในกลุ่มแรกน้อยมาก การตั้งเวทีก็จัดไว้ต้อนรับก่อนที่ กลุ่มสนธิจะมาถึงนานกว่าชั่วโมง เพราะกลุ่มนี้มีทุกหน่วย ตั้งแต่หน่วยเสบียงไปจนหน่วยแพทย์ หน่อย รปภ. คุณ ๆ ลองนึกดูสิ คนที่อยู่กลุ่มนำน่ะ เป็นบุคคลระดับบน ๆ ของสังคม ทำไมกล้าไปอยู่ในกลุ่มที่อาจโดนสลายทุกเวลา แต่ละคนก็มี "เครือข่าย" ของตนเองทั้งนั้นในระหว่างที่ไปปรากฎตัว คุณไม่คิดหรือว่า มีการติดต่อทางโทรศัพท์ไปหาเครือข่ายของตนเอง การทำม้อบระดับ "เหยียบหน้าทักษิณ" หากไม่มั่นใจและมีการ"ตกลง" กับกลุ่มใช้อำนาจระดับล่าง คุณคิดหรือว่า คนเหล่านั้นจะยอม...มันเป็นไปไม่ได้ครับ... ผมถึงบอกนี่แค่ "ซ้อมรบ" แสดงพลังให้หน้าเหลี่ยมเห็นเท่านั้น... รอให้ "สุกงอม" เมื่อไหร่...คุณจะเห็น "ตัวจริง" ที่จะออกมาปรากฎกาย... ถ้าคุณสร้าง "เงื่อนไขสงคราม" คุณย่อมเจอ "สงคราม" แต่ถ้าคุณจะปลดล็อคเงื่อนไขสงคราม มันก็ต้องมีแต่คุณ "หยุดโกง".....แสดงให้เห็นว่า คุณมีความจริงใจในเรื่องปราบโกง และต้องหยุดขายชาติ ก็เท่านั้น เงินตัวเองและพวกพ้องก่อนเข้ามามีเท่าไหร่ ตอนนี้มีเท่าไหร่ พอ...หรือยัง...กลับไปฟัง วันที่ 4 ธค. มีประโยคเด็ด ที่คนเฒ่าคนแก่ฟังแล้ว "ขนลุก" พอเพียงหรือยัง...นายหญิง... ผมมองแค่ว่า จุดมุ่งหมายของคนที่ไป มีเรื่องเดียว..."หยุดทักษิณ".....และคงมิได้มุ่งหวังที่จะเข้าไปเป็นคนเสวยสุขแทนทักษิณ มันเป็นไปไม่ได้หรอก อย่าคิดแบบเด็ก ๆ พวกที่ไปน่ะ คงไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นใหญ่ เพราะกลไกทางรัฐศาตร์ยังไม่ได้หันเข็มไปหาเพื่อยกให้เป็น "ผู้นำ" ของกลุ่มผลประโยชน์ ยังต้องพิสูจน์กันอีกนาน ถ้าแค่นั้นแล้วไปคิดว่าจะโค่นอำนาจ...ยังไม่พอ.. พวกเค้าคงไม่โง่หรอกน่า เค้าก็แค่ทหารกล้า...ทหารแนวหน้าหัวหมู่ทะลวงฟันแค่นั้นครับ แค่เกมตบหน้ากันของสนธิกับทักษิณ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 49 21:11:10 จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 15 ม.ค. 49 21:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณความคิดเห็นของลุงแคนมากๆครับ  ทำให้ได้มีสติ มองดูอะไรลึกไปอีกขั้น  ขอบคุณครับ จากคุณ : Cef_A31 - [ 15 ม.ค. 49 21:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คำว่า "ซ้อมรบ" บรรยายสถานการณ์ได้ดีนะครับลุงแคน ถ้าเป็นภาษาฝรั่ง คงบรรยายได้ว่า "this is just the end of the beginning" ใครรู้ตัวว่ามีพฤติกรรมเป็นทรราช ก็พึงระวังไว้เถิด... จากคุณ : ridkun - [ 15 ม.ค. 49 21:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ลุงแคนนะครับ "ใครทำถูกหรือผิด เราไม่ใช่ศาลนะอย่าลืม " คำนี้จะใช้กับสนธิได้ไหม จากคุณ : lucifer (Murano) - [ 15 ม.ค. 49 23:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คนบ้า ไม่กี่กลุ่ม แต่ทำให้ชาวบ้านไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ เดือดร้อน ทั้งประเทศ จากที่อ่านๆ มา ชาวบ้านควรจะต่อต้านม็อบ การเมืองทุกกลุ่มนะครับ ม๊อบคนบ้าๆ พวกนี้ รับจ้างมา สร้างความเดือดให้บ้านเมือง ช่วยๆ กันไล่ม็อบ เผยแพร่จุดยืนของเรา อย่าให้ม็อบรับจ้าง กลุ่มไหนๆ เอาไปสร้างกระแส จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 15 ม.ค. 49 23:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 3   หึ หึ ถ้าตามอ่านกระทู้ 2-3 กระทู้คืนวันศุกร์ 13 ของผม น่าจะรู้นะ ผมไม่ใช่พวกใคร จริง ๆ หากจะมองปรากฎการณ์พวกนี้ เราต้องมองในหลาย ๆ มิติ เพราะความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ ในจิตใจของประชาชน หรือกลุ่มผลประโยชน์ กางแผนที่ออกมาดู หาก ยุทธ์ ตู้เย็น ไม่ไปแหย่เสือหลับ คงไม่มีปัญหา ...................................................................... แต่เจ้าปุ้ม ( รมต.ปากมัน ) มันใจร้อน มันรู้จักกลุ่ม อ.สมาน เอกยุทธ อัญชลี น้อยเกินไป ถ้าละอ่อนทางการเมือง อย่างยุทธ์ ตู้เย็น ปุ้มปากมัน ยังดำเนินการหักล้าง กลุ่ม สนธิกับกลุ่ม 92.25 ไปเรื่อย ๆ ซักวันเลือดจะนองแผ่นดิน หากไม่อยากให้มีความรุนแรง หน้าเหลี่ยมต้องหยุด ยุทธ์ ตู้เย็น ยี้ห้อย และ เจ้าปุ้มปากมัน ใครรู้จัก "สามยี้"....จงกลับไปบอกมันด้วย มันจะทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ อย่ายั่วยุ จากคุณ : Can (ไทเมือง)  - [ 15 ม.ค. 49 15:58:26 ] ถ้ามองมิติเดียว แล้วได้ประโยชน์ ทำไมจะไม่ทำ...... คุณ can คิดว่า พวกเขา ไม่รู้ว่า กลุ่มสนธิ+วุฒิสมาชิก+ประสงค์ มีวัตถุประสงค์เพียงใด..... วันนั้น กลุ่มสนธิ+วุฒิสมาชิก+ประสงค์ น่าจะแยกจาก สมาน ศรีงาม ที่หน้าทำเนียบ...... แต่อาจจะคิดว่า สงวนจุดต่าง แสวงจุดร่วมกระมั่ง..... ถึงนาฑีนี้ นายกฯและผู้ดำเนินการ ก็มีจุดเล่นงานคุณสนธิแล้ว  ด้วยการชี้ชวนให้ประชาชนมองมิติเดียว ให้สาวกฯทึกทักอย่างเดียวก็พอ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 49 23:32:00 จากคุณ : ปุถุชน - [ 15 ม.ค. 49 23:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าคราวหน้า "นาย" ยังอนุญาตให้ "ยุทธ์ ตู้เย็น" จัดการอย่างนี้อีก และ กลุ่มสนธิ แค่แสดงพลังเท่านั้น....... วันนี้ การแสดงพลังของคุณสนธิ แม้จะไม่สวยงามนัก มีจุดอ่อนให้"ย้อนกลับ" ก็ตาม..... แต่"การเดินทางจากสวนลุมพินีถึงหน้าทำเนียบ" ด้วยเป้าหมายท้าทายอำนาจเด็ดขาด ที่ไม่เคยมีใครกระทำได้มาก่อนได้สำเร็จนั้น ก็เพียงพอแล้ว....... นอกจากนี้ "สำนักงานของต่างประเทศ" ที่ไม่เคยคิดว่าจะมี"การเดินทางจากสวนลุมพินีถึงหน้าทำเนียบ" มาก่อน จะต้องตั้งคำถามว่า จะมี "มาร์ชเดินทางแสนกิโลเมตร" อย่างเหมา เกิดขึ้นไหม มีครั้งหนึ่ง ไม่มีครั้งที่สองได้หรือ......... ตราบที่ยัง"โครตโกง" และ "มือซ้ายถือกฎ มือขวาถือเตารีด" อย่างนี้........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : ปุถุชน - [ 15 ม.ค. 49 23:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมมองแค่ว่า จุดมุ่งหมายของคนที่ไป มีเรื่องเดียว..."หยุดทักษิณ".....และคงมิได้มุ่งหวังที่จะเข้าไปเป็นคนเสวยสุขแทนทักษิณ มันเป็นไปไม่ได้หรอก อย่าคิดแบบเด็ก ๆ พวกที่ไปน่ะ คงไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นใหญ่ เพราะกลไกทางรัฐศาตร์ยังไม่ได้หันเข็มไปหาเพื่อยกให้เป็น "ผู้นำ" ของกลุ่มผลประโยชน์ ยังต้องพิสูจน์กันอีกนาน ถ้าแค่นั้นแล้วไปคิดว่าจะโค่นอำนาจ...ยังไม่พอ.. พวกเค้าคงไม่โง่หรอกน่า เค้าก็แค่ทหารกล้า...ทหารแนวหน้าหัวหมู่ทะลวงฟันแค่นั้นครับ แค่เกมตบหน้ากันของสนธิกับทักษิณ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 49 21:11:10 จากคุณ : Can (ไทเมือง)  - [ 15 ม.ค. 49 21:01:14 ] แค่ฉี่รด"กำแพงทำเนียบ" ที่ไม่มีใครกล้าทำ ได้สำเร็จ ก็พอแล้ว...... พวกที่นับเป็น"แกนนำ" เดินนำหน้าขบวนผู้ชุมนุมนั้น มองหน้ากันกี่เที่ยว ก็ไม่หลงตัวหรอก...... และไม่กล้าทำไปก่อน แล้วค่อยไปเชิญทีหลัง เหมือนคราวโน้น  คราวที่ทำให้ พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก ได้เป็นผู้ปราบขบถ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : ปุถุชน - [ 15 ม.ค. 49 23:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณลุง Can วิเคราะห์ได้ประเสริฐ จากคุณ : Haa (batseboy) - [ 16 ม.ค. 49 00:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณลุง Can วิเคราะห์ได้ประเสริฐ จากคุณ : Haa (batseboy)  - [ 16 ม.ค. 49 00:57:30 โถคุณ ผมก็มองอย่างนักสังเกตการณ์แค่นั้นเองครับ ชมกันเกินไป....อายหน้าแดงเลย อิ อิ ...................................................................... คุณปุถุชนก็ช่วยเน้นซะจนผมเขิน จริง ๆ ก็แค่คิดไปเขียนไป แยกฝ่าย แยกกลุ่ม แยกวัตถุประสงค์ออกให้ชัด แล้วลำดับเหตุการณ์ที่ดำเนินไปและมองความขัดแย้งให้ออกว่า "สาเหตุ" มันคืออะไร ผมเห็นหลาย ๆ ท่านกำลังไปโยนเรื่องบุกทำเนียบเป็นความผิดสนธิ ผมก็ขำ ๆ แต่ไม่อยากแย้ง เพราะทางสุดารีตน์กับเจ้าปุ้ม ออกข่าวทำนองนั้น เด็ก ๆ ก็หยิบมาเดินต่อ แค่หน้าเหลี่ยมบอกว่าต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อัดเทปตอน 6 โมงเช้า ออกอากาศ 8 โมง ตำรวจสลายม้อบ 7 โมงกว่า... พอสอบ ๆ ผมก็รู้แล้วมันแค่ข้อหาเกะกะการจราจร ตำรวจทำคดีก็ยุ่งสิ เพราะกฎหมายใหม่คุณต้องแจ้งข้อหา แจ้งแล้วคุณต้องอนุญาตให้ทนายความไปรับฟังด้วย ถ้าดึงกันไปมา มันก็จะควบคุมตัวเกินกฎหมายกำหนดไม่ได้ ต้องทำเรื่องไปขอศาล มองไปมองมาอ้าวขังไม่ได้แน่ ปล่อยดีกว่า...อิ อิ ผมถึงฟันธงก่อนข่าวผู้จัดการกับกรุงเทพธุรกิจว่า..."ปล่อยไม่ต้องประกัน" ....แต่ถึงกระนั้นผมกลัวว่าจะพลาดเพราะหน้าเหลี่ยมบอกว่าให้ดำเนินคดี....ตำรวจคงอึกอักพอสมควร เลยตั้งกระทู้กั๊ก ๆ ไว้อย่างที่เห็น จน soco เอาข่าวมาแปะว่าปล่อยโดยไม่มีข้อหาโน่นแหละผมถึงได้แต่หัวเราะ ก็บอกแล้ว สัญชาตญาณของการแสดงอำนาจ บางทีก็ไปเห่าหน้าบ้าน เห่าแล้วก็ยกขาฉี่ใส่ให้มันรู้ว่า กลิ่นฉี่ใครจะฉุนกว่ากัน สนธิมันก็บอกแล้ว "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" หากแลกกันหน้าเหลี่ยมพลาดพลั้งขึ้นมา ไม่มีแผ่นดินอยู่ มันคุ้มกันมั๊ยล่ะ ภาษิตโบราณก็บอกแล้ว อย่าไล่ให้หมาจนตรอก ถึงตอนนั้นหมามันบ้าขย้ำเอาง่าย ๆ ในเชิงสัญลักษณ์ มันคือชัยชนะของกลุ่มต่อต้านอีกขั้นหนึ่งแล้วครับ ถ้าเอากันจริง ๆ พวกบ้า ๆ นั่นมันเสียกระสุนนัดเดียวเจาะขมอง คุ้มเกินคุ้ม หน้าเหลี่ยมจะแลกมั๊ย คนเรามันไม่คิดถึงอนาคตตอนไร้อำนาจบ้างเหรอ พยายามสร้างเรื่องให้คนเกลียดชังจนถึงขีดสุดเข้าไปเถอะครับ ขนาดเอาหัวโขกโต๊ะให้แตกก็เห็นแล้ว....มันพร้อมจะนองเลือดทุกนาทีนะ ยั่วยุกันเข้าไปคงได้เห็นของจริงเข้าซักวัน แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 49 01:49:38 จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 01:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ใครจะคิดว่า ระดับป๋า ยังโดนกำปั้น.... อุทัยยังโดนขี้ปาหน้า... แล้วหน้าเหลี่ยมจะโดนอะไร ผมไม่อยากบรรยาย จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 01:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ระดับเหลี่ยมต้องเจอ เยี่ยวหมา ไงครับ ชอบว่าคนโน้นคนนี้เป็นหมาเห่า ก็ต้องเจอเยี่ยวหมา จะได้สำนึก จากคุณ : Haa (batseboy) - [ 16 ม.ค. 49 12:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตอบตามความรู้สึกของพี่น้องร่วมสถาบัน  อย่างจริงใจเลยเลยนะ ผมก็ชักรู้สึกว่า พี่ Can  เริ่มจะออกอาการหลงๆไปแล้วเหมือนกันแล้วละครับ หลงลืมไปว่า นี่มัน พ.ศ. 2549 แล้วนะครับ  ไม่ใช่ช่วง พ.ศ. 2511 -2515 จากคุณ : AQUANAUTS - [ 16 ม.ค. 49 18:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ : AQUANAUTS อยากฟัง สว. มั๊ย ผมพูดก่อนพวกนี้ทั้งนั้น ข่าวมติชนนะ .................................................................... "แก้วสรร"ชี้ไม่ควรใช้คดีความมั่นคง ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. กล่าวถึงการเอาผิดกับกลุ่มผู้ชุมนุมและแกนนำที่บุกเข้าทำเนียบฯว่า เรื่องนี้ถือว่ามีความชัดเจนเมื่อมีการบุกเข้าไปยังทำเนียบฯ แต่จะสั่งฟ้องหรือศาลจะรับฟ้องหรือไม่เป็นไปตามพยานหลักฐาน ถ้ามองว่าเป็นการสมคบคิดหรือเป็นกระบวนการแล้วใช้กฎหมายว่าด้วยความมั่นคง ตนเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรดำเนินการอย่างนั้น ส่วนตัวเห็นว่ากลุ่มที่ไปฟังนายสนธิพูดคงไม่มีใครที่เดินขบวนหรืออาละวาดง่ายๆ เป็นประชาชนทำมาหากิน พูดง่ายๆ คือเป็นชนชั้นกลางในกทม.เสียส่วนใหญ่ ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคไทยรักไทยเป็นฝ่ายกระทำโดยตลอด จนต้องทำอะไรเพื่อแสดงกำลังกันบ้าง โดยเฉพาะประชาชนที่มาชุมนุมกันเป็นหมื่นคน และสลายตัวกันไปเฉยๆ "ไม่มีใครแปลกใจบ้างหรือที่สลายกันไปง่ายๆ ก็เหมือนกับการมาแสดงความไม่พอใจ ส่วนกลุ่มที่ต้องการประท้วงมากกว่านั้นก็เคลื่อนไหวมาตลอด ไม่ใช่กลุ่มของคุณสนธิ โดยเฉพาะกลุ่มที่มาประท้วงที่สวนลุมฯ เสร็จก็เดินต่อไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า พวกนี้พอกลุ่มสนธิมาทำเนียบฯ ก็กลับมาร่วมด้วยแล้วก็บุกเข้าไปในทำเนียบฯ แต่ในที่สุดก็มีการเรียกกันออกมาได้" นายแก้วสรรกล่าว รัฐปิดกั้นเลยเกิดการเมืองนอกสภา นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ตนมองว่าผู้ชุมนุมไม่ได้ก่อความวุ่นวายอะไร เรื่องกฎหมายก็ว่ากันไป แต่ถ้ามองธรรมดาก็เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างกลุ่มไทยรักไทยกับกลุ่มที่ไม่เอาไทยรักไทย เมื่อไปกวนหรือปิดเขตแดนเขา และพอเขามาโผล่แสดงกำลังแล้วก็กลับบ้านกัน แต่ถ้ามีการรุกเขาปิดเขาเรื่องก็คงไม่จบ เพราะความไม่ชอบธรรมมีสูง ถ้าอยากจะให้หมดเรื่องก็ขอให้แสดงเจตนามาเลยว่าถ้ายอมให้ประกันตัวก็สั่งปล่อย ศาลเรียกมาก็ต้องมา แต่จะปรับหรือไม่ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า ทำไมรัฐบาลไม่เปิดเสรีภาพให้สื่อแสดงความคิดเห็น เปิดให้เต็มที่ โดยเฉพาะทุกวันศุกร์คนทำงานกันเหนื่อยๆ ใครอยากไปอยู่ตรงนั้น ถ้าเปิดสื่อให้พูดธรรมดาก็ไม่มีปัญหา อย่างรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ก็เปิดเผยข้อมูลกันตรงๆ เอาภาพของพ.ต.ท.ทักษิณ ในมุมมองมาเสนอ หากวิจารณ์โดยไม่สุจริตก็ฟ้องกันไป และที่ผ่านมาก็ถอนฟ้องทำไมไม่ทราบ ดังนั้นจึงต้องเปิดโอกาสให้ระบบทำงานกันไป ทั้งสื่อ ทั้งการตรวจสอบในสภา และองค์กรอิสระ ดังนั้นถ้าไม่ยอมให้ระบบทำงานก็ย่อมจะมีการเมืองนอกสภากันไป มีหลักฐาน"ยงยุทธ"โยงม็อบป่วน "ผมยังมีหลักฐานที่เชื่อว่า นายยงยุทธ(ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เกี่ยวข้องกับกลุ่มม็อบที่มาก่อเหตุที่สวนลุมพินี โดยจะเชิญนายยงยุทธมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาในเร็วๆ นี้" นายแก้วสรรกล่าว ขณะที่นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ ที่ไปร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวด้วย กล่าวถึงประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลอาจวางกับดักเพื่อล่อกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบฯว่า เมื่อมีการชุมนุมตรงนั้นก็เหมือนกับเปิดบ่อล่อปลาให้ประชาชนเข้าไป "จริงๆแล้วการเข้าไปในสนามหญ้าตรงนั้นก็ไม่มีใครเข้าไปทำอะไรเสียหาย และบังเอิญประตูตรงนั้น(ประตู 3) กลับเปิดเสียอีก ก็ยังมีประชาชนไปยืนคุยกับตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยตรงนั้น คุยไปคุยมาก็เลยเปิดประตูเลย ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันวันนั้นถ้าไม่มีกลุ่มมาต่อต้านหรือมาก่อกวนที่เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่สวนลุมพินี ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการเดินมาหน้าทำเนียบฯหรือไม่"นายการุณกล่าว ส.ว.ไปร่วมชุมนุมไม่เห็นแปลก ส่วนนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กทม. กล่าวถึงกรณีที่มีส.ว.และอดีตส.ว.เข้าร่วมชุมนุมต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณว่า การไปชุมนุมของส.ว. ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตย และสาเหตุที่ตนไปที่ทำเนียบฯด้วย เพราะมีประชาชนชาวกทม.ไปร่วมชุมนุมจำนวนมาก ในฐานะที่เป็นส.ว.กทม.จึงเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพล.ต.อ.ประทิน อดีตอ.ตร. และอดีตส.ว.กทม. เข้าร่วมชุมนุมด้วยนั้น นายเสรี กล่าวว่า อดีตส.ว.สามารถเข้าร่วมชุมนุมได้ ไม่ถือเป็นเรื่องไม่สมควร ทั้งนี้พล.ต.อ.ประทินพ้นจากการเป็นส.ว.แล้ว การไปร่วมชุมนุมถือเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนชาวไทยสามารถทำได้ ข่าวมติชน จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 18:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หรือจะเอาธีรยุทธ....ก็เห็นตรงกับผมนะ ................................................... "ธีรยุทธ"ออกโรงอัดรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีม็อบนายสนธิระหว่างแถลงข่าวว่า ในความเป็นจริง นายกฯกำลังพยายามล้มล้างทฤษฎีสองนรคราประชาธิปไตยที่บอกว่าชาวบ้านเลือก คนกรุงล้มรัฐบาล เป็นการสร้างการเมืองจังหวัด การเมืองภูมิภาคขึ้นมาทานการเมืองส่วนกลาง เพราะตลอดปี 2548 นายกฯ ถูกรุมเร้าหนักด้วยปัญหาคอร์รัปชั่นของญาติพวกพ้อง การใช้อำนาจมิชอบลิดรอนเสรีภาพและคุกคามสื่อมวลชน จนคนชั้นกลางและคนกทม.จำนวนหนึ่งไม่พอใจถึงขั้นเกลียดชังและต้องการขับไล่แบบเดียวกับคณะรสช.ดังปรากฏการณ์พล.ต.อ.ประทิน และสนธินำม็อบบุกทำเนียบฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "กรณีดังกล่าวน่าสนใจอย่างยิ่งเพราะกลุ่มคนฟังสนธิมีสองส่วนคือ ส่วนที่จงรักภักดีหรือเรียกได้ว่าเป็นพวกสถาบันพระมหากษัตริย์นิยมและศาสนานิยม ซึ่งมาจากหลายชนชั้น อีกส่วนเป็นชนชั้นกลางที่สนใจข้อมูลข่าวสารเรื่องคอร์รัปชั่น ซึ่งสนธิและคณะเปิดโปงติดต่อกันหลายเรื่อง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานบ่งบอกถึงสถาบันกลไกการตรวจสอบไม่ทำงาน สะท้อนการดำรงอยู่ของอำนาจและอิทธิพลซึ่งบีบบังคับสังคมไทยอยู่ การระเบิดออกมาในลักษณะข้อเรียกร้องสุดขั้วหรือรุนแรง แม้จะเป็นกลุ่มเล็กแต่ก็ยังจะมีต่อไป รัฐบาลต้องพึงสังวรไว้ว่าความรุนแรงนี้สามารถขยายตัวได้ เพราะปัญหานี้เหมือนยอดภูเขาน้ำแข็งของคนที่ไม่พอใจปัญหาคอร์รัปชั่นและอิทธิพลมืด ซึ่งทำลายระบบตรวจสอบของประเทศ คุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน การแสดงออกของประชาชนซึ่งมีมากขึ้นในสมัยรัฐบาลนี้ สังคมควรเร่งหาทางออกในลักษณะที่เป็นการแก้ไขระบบ ทำให้การตรวจสอบทำงานได้" นายธีรยุทธ กล่าว แนะเพิ่มพิธีกรขยายแนวร่วม นายธีรยุทธกล่าวต่อว่า สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของนายสนธิ ตนคิดว่ายังเร็วเกินไปและไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจนายสนธิ น.ส.สโรชา และพล.ต.อ.ประทิน ให้ทำงานต่อไปโดยเฉพาะการเปิดโปงคอร์รัปชั่นและเส้นทางแสวงผลประโยชน์ของนักการเมืองทุจริตของพรรคไทยรักไทย เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบในระบอบประชาธิปไตยและเป็นประโยชน์กับประชาชนมาก ซึ่งแนะนำว่าควรขยายแนวร่วมในการทำงาน เช่น เพิ่มพิธีกรร่วม เช่น คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา น.พ.เหวง โตจิราการ น.พ.นิรันดร์ นาควัชระ นายแก้วสรร อติโพธิ นายโสภณ สุภาพงษ์ ฯลฯ และเนื้อหารายการควรเน้นเปิดโปงคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ซึ่งเป็นจุดแข็งของสนธิ ขณะเดียวกันก็ขยายไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองและการต่อต้านอำนาจเผด็จการ ขณะเดียวกันควรสนใจสัญลักษณ์ คำขวัญการรณรงค์ ไม่ให้มีลักษณะที่ใช้สถาบัน ซึ่งอาจถูกตีความว่า เป็นการทำเพื่อทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะควรยกระดับคำขวัญให้เป็นการพัฒนาการปฏิรูปทางการเมือง การขจัดอำนาจเผด็จการ นายธีรยุทธกล่าวต่อว่า การอ้างพระราชอำนาจเพียงเรื่องเดียวไม่พอเพียงที่จะล้มล้างรัฐบาลทักษิณได้ เนื่องจากฐานความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ มีลักษณะเป็นความชอบธรรมเชิงซ้อน มีหลายด้านด้วยกัน และคนต่างกลุ่มต่างชนชั้นต่างความคิดอุดมการณ์ ไม่ว่าเศรษฐกิจ การเมือง ก็ให้น้ำหนักแต่ละปัจจัยต่างกันไป ขณะนี้ปัญหารุมเร้านายกฯหลายด้านแต่ยังไม่พอเพียง และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชั่นแบบโคตรานุวัตร หรือ kotraization of corruption ซึ่งขณะนี้ไม่ได้มีเพียงโคตรเดียวแต่นับรวมได้เกือบสิบโคตรแล้ว อย่าอ้าง19ล้านเสียงพร่ำเพรื่อ ภายหลังแถลงข่าว นายธีรยุทธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่ามีคนไม่กี่พันคนมาขับไล่พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ขณะที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน 19 ล้านคนว่า เหตุผลหลักในกรณีที่จะบอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณควรออกจากตำแหน่งนายกฯหรือไม่ น่าจะเป็นปัญหาการคอร์รัปชั่น เพราะชาวบ้านไม่ชอบคนโกงหรือคนไทยทนคนโกงไม่ได้ จึงได้ล้มคนโกงกับคนที่ใช้อำนาจเกินเลยมาแล้วหลายคน นายกฯไม่ควรคิดว่าตัวเองมี 19 ล้านเสียงแล้วเป็นความชอบธรรมให้ตัวเองเป็นนายกฯต่อไป หรือตลอดไป เพราะถ้าหากนายกฯ มีเจตนาคอร์รัปชั่นเงินหลวงเพียงบาทเดียว 19 ล้านเสียงก็ปกป้องไม่ได้ ก็ต้องออกจากนายกฯไป เมื่อถามว่าประเมินว่าสถานการณ์การต่อต้านนายกฯจะเป็นอย่างไรต่อไป นายธีรยุทธกล่าวว่า ยังประเมินไม่ได้ แต่เป็นห่วงในปีนี้ เพราะปี 2549 จะเป็นปีที่น่าจะตัดสินอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าแก้ไขปรับตัวได้ดีก็จะไม่รุนแรง โดยเฉพาะช่วงกลางๆ ปี ดังนั้น ในฐานะนักวิชาการจะพยายามหาทางให้เรามีวิธีการ ความรู้ มีสติปัญญาในการหาทางออกให้ได้ ซึ่งถ้ามองในแง่สุกงอมหมายถึงคอร์รัปชั่นมันมาก โคตรานุวัตรเป็นไปเต็มที่คนก็รับไม่ได้มากขึ้น และคนจะเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้คนเชื่อและอึดอัดถึงสะท้อนออกมา และถ้าคนเชื่อ มีเรื่องมากขึ้นมันจะสะท้อนออกมามากขึ้น จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 18:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าจะเอาคำว่า...ยังไม่สุกงอม ผมก็พูก่อนพวกนี้ทั้งนั้น .................................................................... ถ้าจับ"ประทิน"-"สนธิ"ยุ่งแน่ "เชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่จะขับไล่นายกรัฐมนตรีจึงยังไม่สุกงอมถึงขั้นบานปลายเหมือนเหตุการณ์"พฤษภาทมิฬ" แต่อาจจะเป็นเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง จึงอยากให้รัฐบาลพึงสังวรไว้ว่าอย่าประมาทและรีบแก้ไขปัญหาดีกว่าเพราะมันจะคู่ขนานไปกับการคอร์รัปชั่น ถ้าคอร์รัปชั่นมาก กับการใช้อำนาจมิชอบหากมีบ่อยขึ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อมโอกาสจะเกิดก็มีขึ้นได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายรีบแก้ไขปัญหา" นายธีรยุทธ กล่าว นายธีรยุทธ กล่าวด้วยว่า ในฐานะนักวิชาการสังคมวิทยาการเมืองคิดว่าไม่มีใครอ้าง และไม่ควรมีใครคิดว่าบุคคลคนใดคนหนึ่งเป็นคนที่ตั้งรัฐบาลได้ เหมือนอย่างที่นายเสนาะ เทียนทอง ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นคนตั้งรัฐบาลได้ หรือคิดว่าตัวเองสามารถล้มรัฐบาลได้ ถ้าคิดเช่นนั้นผิดแล้ว นำมาอ้างพร่ำเพรื่อไม่ได้ แต่มันเป็นการประจวบกันของปัจจัยความชอบธรรมเชิงซ้อน ซึ่งมีหลากหลายมาก ส่วนกรณีการสลายการชุมนุมหน้าทำเนียบฯนั้น นายธีรยุทธ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่มาชุมนุมไม่อยากเห็นการลบหลู่จาบจ้วงจึงเต็มใจแสดงออกซึ่งการจงรักภักดี ความจริงรัฐบาลควรนุ่มนวลมากกว่านี้ และถ้าทำได้ ควรยกเลิกเรื่องการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม และอย่าจับพวกพล.ต.อ.ประทิน นายสนธิเด็ดขาด เพราะจะขยายเป็นเรื่องใหญ่ ในแง่นักวิชาการอยากให้ปีนี้เป็นปีที่ทุกฝ่ายมาช่วยกัน มองว่าการปฏิรูปการเมืองซึ่งเดินขึ้นแต่ถูกบล็อกไป จะทำต่ออย่างไร เรื่องนี้ต้องใช้เหตุผลค่อนข้างสูงมาก จึงอยากให้ฝ่ายที่รุ่มร้อนคำนึงถึงปัจจัยนี้ด้วย จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 18:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ : AQUANAUTS ถ้าว่างก็อยากชวนไปอ่าน วิพากษ์แห่งวิพากษ์.... เหตุพลิกประวัติศาสตร์ทั้งหมด อยู่ที่ "รัฐธรรมนูญ" ทั้งนั้น จุดที่เหมือนกันคือเป้าหมายที่...รัฐธรรมนูญ...ลอง ๆไปอ่านดูนะครับ บางทีอาจจะรู้ว่าใครเพี้ยน ใครไม่เพี้ยน จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 18:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เจอพอดี ฝากไว้ตรงนี้ละกัน .................................. สถานการณ์ โค่นทักษิณ บทเรียน จาก ตุลาคม 2516 กับ พฤษภาคม 2535 คอลัมน์ วิภาคแห่งวิพากษ์ มีทั้งความต่างและความเหมือนระหว่างสถานการณ์ เมื่อเดือนตุลาคม 2516 กับ สถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ตรงที่สถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2516 เริ่มต้นจากการเรียกร้อง "รัฐธรรมนูญ" ตรงที่สถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 เริ่มต้นจากความไม่พอใจที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เข้ารับตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี" คล้ายกับ "รัฐธรรมนูญ" จะเป็นตัวจุดชนวนเมื่อเดือนตุลาคม 2516 คล้ายกับการจับกุมสมาชิก "กุล่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญ" ของรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร จะทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างสูงในหมู่ประชาชน แท้จริงแล้ว "รัฐธรรมนูญ" เสมอเป็นเพียง "สัญลักษณ์" เป็นสัญลักษณ์แห่งการปกครอง "ระบอบเผด็จการ" อันมี จอมพลถนอม กิตติขจร กับ จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เป็นตัวแทน เช่นเดียวกับ สถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 คล้ายกับว่าเป็นความไม่พอใจที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร กลืนคำสัตย์ที่เคยให้ไว้ว่าจะไม่เป็น "นายกรัฐมนตรี" จะทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างสูงในหมู่ประชาชน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วเป็นความไม่พอใจที่สั่งสมมาตั้งแต่สถานการณ์รัฐประหาร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ของคณะทหารแห่ง รสช.มากกว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร เสมอเป็นเพียงตัวแทน เป็นตัวแทนแห่งการสืบทอดอำนาจของคณะทหารแห่ง รสช. มีทั้งความต่างและความเหมือนระหว่างสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2516 สถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 กับ สถานการณ์เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2548 ความเหมือนอยู่ตรงที่มีความไม่พอใจต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นความไม่พอใจเช่นเดียวกับที่เคยไม่พอใจต่อ จอมพลถนอม กิตติขจร และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ประการ 1 เป็นความไม่พอใจในเรื่องของการบริหาร "อำนาจ" ประการ 1 เป็นความไม่พอใจในเรื่องของความโปร่งใสในเชิงการบริหาร อันเนื่องแต่ผลประโยชน์ของเครือญาติและพวกพ้อง น่าสนใจก็ตรงที่ในที่สุดเป็นความไม่พอใจที่เห็นว่าน่าจะมาจาก "รัฐธรรมนูญ" เพราะ "รัฐธรรมนูญ" ทำให้อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ เพราะ "รัฐธรรมนูญ" เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ครองอำนาจอย่างล้นเหลือ จึงนำไปสู่การเสนอยุทธศาสตร์ "ทวงคืนประเทศไทย" จึงนำไปสู่การเสนอยุทธศาสตร์ "ถวายคืนพระราชอำนาจ" เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองรอบ 2 จะบรรลุยุทธศาสตร์นี้ได้ก็จำเป็นต้องโค่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงไป เหมือนกับที่เคยโค่น จอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อเดือนตุลาคม 2516 เหมือนกับที่เคยโค่น พล.อ.สุจินดา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 กระนั้น จุดต่างอย่างมีนัยสำคัญก็คือพื้นฐานแห่ง "อำนาจ" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มาแตกต่างไปจากที่ จอมพลถนอม กิตติขจร และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้มา จอมพลถนอม กิตติขจร ได้อำนาจมาโดยวิธีการยึดอำนาจ ทำรัฐประหาร แม้อำนาจที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้มาจะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534 โดยกระบวนการเลือกตั้ง แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534 เป็นผลผลิตจากการยึดอำนาจ ทำรัฐประหาร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ฐานแห่งอำนาจของ จอมพลถนอม กิตติขจร ฐานแห่งอำนาจของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร จึงแตกต่างจากฐานแห่งอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ฐานแห่งอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ นายคณิน บุญสุวรรณ มีส่วนร่วมในฐานะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เป็นรัฐธรรมนูญที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงสมัครรับเลือกตั้งและพรรคไทยรักไทยของเขาได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนอย่างต่อเนื่องและมีพัฒนาการ เดือนมกราคม 2544 ได้ 248 คน จากทั้งสิ้น 500 คน และ 11 กว่าล้านคะแนน เดือนกุมภาพันธ์ 2548 ได้ 377 คน จากทั้งสิ้น 500 คน และกว่า 18 ล้านคะแนน การดำรงอยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงเป็นการดำรงอยู่โดยมีฐานทางการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชนในขอบเขตทั่วประเทศรองรับ เป็นอำนาจที่ประชาชนมอบให้มา มิได้ใช้ปืนและรถถังไปแย่งชิง ประเด็นอยู่ที่ว่าประชาชนที่เคยมอบ "อำนาจ" ให้มาจะยังอยู่ฝ่ายเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อไปอีกหรือไม่ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 16 ม.ค. 49 18:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เอานี่ด้วยครับ บทความนี้ นำมาจาก มติขนรายสัปดาห์ วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1324 นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในพระปรมาภิไธย และพระบรมราชโองการ          ผมไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงของผู้ที่ยกเอาพระราชอำนาจขึ้นมากล่าวถึงอย่างกว้างขวางเมื่อไม่นานมานี้ แต่ผมพบว่าข้อถกเถียงทั้งหมดก่อให้เกิดความสับสนในประเด็นที่มีความสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข         และผมทะเยอทะยานที่จะหาหลักสำหรับสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้         ถ้าว่าตามกฎหมายแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมีอำนาจเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังอาจกล่าวได้ด้วยว่า พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะบุคคลแทบจะไม่ได้แตกต่างจากบุคคลธรรมดาอื่นๆ เลย ซ้ำร้าย ยังถูกลิดรอนสิทธิ์บางอย่างอีกด้วย เช่น ทรงเษกสมรสกับหญิงต่างชาติไม่ได้ ทรงนับถือศาสนาอื่นนอกจากพระพุทธศาสนาไม่ได้ เป็นต้น         ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่า ไม่ว่าสถาบันหรือบุคคล ย่อมมี "อำนาจ" หรือไร้ "อำนาจ" นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดทั้งนั้น เช่น พ่อมี "อำนาจ" เหนือลูก, ครูและผู้อาวุโสเหนือศิษย์และผู้เยาว์ ชายเหนือหญิงในบางเรื่อง เป็นต้น ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่สถาบันพระมหากษัตริย์ย่อมทรงไว้ซึ่งอำนาจนอกจากที่กฎหมายกำหนดอีกมาก เช่น เมื่อเป็นที่เคารพสักการะ ก็ย่อมมีอำนาจทางวัฒนธรรมสูง         แต่ที่ถกเถียงอภิปรายกัน ไม่ได้มุ่งจะหมายถึงพระราชอำนาจทางวัฒนธรรม, ทางศีลธรรม หรือทางเศรษฐกิจ แต่หมายถึงพระราชอำนาจตามโครงสร้างการเมืองการปกครองที่เป็นทางการ จากคุณ : davil amature - [ 17 ม.ค. 49 13:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่กฎหมายกำหนดนั้นมีหลายอย่าง นับตั้งแต่แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งต่างๆ ไปจนถึงการพระราชทานอภัยโทษผู้ต้องคดี และทรงใช้อำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย         และหลักที่จะยึดเกี่ยวกับพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็อยู่ตรงนี้แหละครับ คือทรงใช้หรือเป็นตัวแทนของอำนาจอธิปไตยอันเป็นของปวงชนชาวไทย         จะว่าเป็นอำนาจศักสิทธิ์ หรืออำนาจสูงสุดก็ได้ เพราะเป็นอธิปไตยของปวงชน         ผมเคยได้ยินท่านผู้พิพากษาบางท่านย้ำเสมอว่า ท่านพิพากษาคดีในพระปรมาภิไธย ซึ่งถูกต้องตามหลักการ แต่จะเข้าใจผิดไม่ได้ว่าพิพากษาแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะบุคคล มิฉะนั้น พระองค์ก็ต้องเข้ามารับผิดชอบกับคำพิพากษาด้วย เรื่องมันจะมิยุ่งกันใหญ่หรือครับ                 แต่คำพิพากษาที่ทำในพระปรมาภิไธยนั้น ก็เพราะอำนาจตุลาการเป็นอำนาจอธิปไตยของปวงชน อย่าลืมนะครับว่าคำพิพากษาของศาลนั้นคือการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง เช่น ปรับ, เอาตัวไปจำขัง, หรือประหารชีวิต เรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องอิงอาศัยอำนาจของประชาชน หรือที่เราเรียกว่าอธิปไตยเท่านั้น         ที่ต้องแยกอำนาจตุลาการออกเป็นอีกส่วนหนึ่งของอธิปไตยก็เพราะเหตุนี้ เนื่องจากคำพิพากษาย่อมกระทบถึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง อำนาจตุลาการจึงต้องงอกออกมาจากอำนาจอธิปไตยโดยตรง ไม่ผ่านอำนาจนิติบัญญัติหรือบริหาร         พระปรมาภิไธยเป็นเครื่องหมายถึงอำนาจอธิปไตยของปวงชน เตือนให้ผู้พิพากษาสำนึกถึงฐานที่มาของอำนาจในคำพิพากษา จึงต้องใช้อำนาจนั้นอย่างรอบคอบและเที่ยงธรรม เพื่อประโยชน์สุขของสังคมหรือปวงชน         พูดกันตรงไปตรงมาก็คือไม่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่เป็นบุคคล แต่เกี่ยวอย่างแยกไม่ออกจากอธิปไตยของปวงชน ซึ่งพระมหากษัตริย์ในฐานะที่เป็นสถาบันทรงใช้แทนปวงชน         ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่าพระบรมราชโองการ โบราณอาจมีความหมายอย่างหนึ่ง แต่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ย่อมหมายถึงคำสั่งที่อาศัยอำนาจอธิปไตยของปวงชนสั่ง จากคุณ : davil amature - [ 17 ม.ค. 49 13:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 48 นั่นคือกฎหมายระดับ พ.ร.บ.ทุกฉบับจึงเป็นพระบรมราชโองการ เช่นเดียวกับประมวลกฎหมายอาญาและแพ่งพานิชย์ ในทางปฏิบัติคือต้องผ่านสภาผู้แทน และทรงลงพระปรมาภิไธย         กฎหมายเหล่านี้ย่อมจำกัดสิทธิเสรีภาพบางประการของปวงชน (เช่น ห้ามลักขโมย หรือห้ามค้าประเวณีประเจิดประเจ้อ) ดังนั้น จึงต้องอาศัยอำนาจอธิปไตยของปวงชนเท่านั้น จึงจะสั่งให้มีข้อจำกัดต่อเสรีภาพเหล่านั้นได้         และด้วยเหตุดังนั้น จึงต้องเป็นพระบรมราชโองการ ซึ่งเป็นเครื่องหมายถึงอำนาจอธิปไตยดังกล่าว         (ผมยอมรับว่ามีการปฏิบัติที่หละหลวมจากหลักการนี้ เช่น กฎกระทรวงซึ่งไม่ใช่พระบรมราชโองการ ควรเป็นเพียงคำสั่งในการบริหารที่ไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่สภาชอบออก พ.ร.บ.ที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารไว้ให้ออกระเบียบหรือกฎกระทรวงตามมาไว้กว้าง บางครั้งก็จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่าตัว พ.ร.บ.เสียอีก แม้ว่าระเบียบหรือกฎเหล่านี้อาศัยอำนาจจาก พ.ร.บ. ซึ่งเป็นพระบรมราชโองการ แต่ก็ห่างออกมาจากอธิปไตยของปวงชนไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว จึงต้องระวังไม่ให้อำนาจไว้เกินความจำเป็นของการบริหารให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.)         พระบรมราชโองการอีกประเภทหนึ่งคือ แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่ง         ผมคิดว่าหลักการก็อันเดียวกัน ตำแหน่งสาธารณะที่พึงได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ควรเป็นตำแหน่งที่เกิดจากอำนาจอธิปไตยของปวงชน         ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ ก็ เช่น นายกรัฐมนตรี และ ครม. เพราะบุคคลเหล่านี้ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเสนอชื่อขึ้นกราบบังคมทูล และสภาก็มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จึงเป็นเรื่องอำนาจอธิปไตยของปวงชนโดยตรงเช่นกัน         ที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งบุคคลเหล่านี้ให้ดำรงตำแหน่งก็เพราะมีที่มาจากอธิปไตยของปวงชนชาวไทย แต่ ส.ส.ไม่ต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง เพราะประชาชนได้ใช้อำนาจอธิปไตยของตัวโดยตรงในการเลือกตั้งแล้ว ไม่ได้ใช้ผ่านตัวแทน         ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็เช่นกัน ได้รับเลือกสรรจากวุฒิสภา จึงเป็นตำแหน่งที่สืบเนื่องกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน และต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็น ในขณะที่ครูระดับสามได้รับแต่งตั้งจากผู้บริหารของกระทรวงศึกษา เป็นการบริหารงานภายในของกระทรวงเอง ไม่เกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน จึงไม่ต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง จากคุณ : davil amature - [ 17 ม.ค. 49 13:05:34 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่ากระบวนการสรรหาผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีความซับซ้อนมากกว่าจะตัดสินไปง่ายๆ ว่า เหตุดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้นจึงอยู่ในฐานะเท่ากับยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง เพราะไม่ว่ากระบวนการจะผิดหรือถูกกฎหมายอย่างไรก็ตาม ได้ผ่านวุฒิสภาซึ่งเป็นส่วนสำคัญอีกอันหนึ่งของอำนาจอธิปไตยไปแล้ว และการที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑะกา เป็นผู้ว่าการ ก็เท่ากับได้รับการรับรองจากอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยอย่างแน่นอน         ข้ออ้างของคุณหญิงว่า เมื่อมีพระบรมราชโองการแล้ว จะให้พ้นจากตำแหน่งต้องมีพระบรมราชโองการถอดถอนเสียก่อนเท่านั้น ท่านจะมีความเข้าใจว่าอย่างไรผมไม่ทราบ แต่ความเข้าใจของผมไม่สู้ตรงกับที่หนังสือพิมพ์และคนที่เชียร์คุณหญิงเท่าไหร่นัก         เพราะท่านเหล่านั้นพูดให้เข้าใจว่า พระบรมราชโองการเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ฝืนไม่ได้ เพราะออกมาจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะ แต่ผมคิดว่าความเข้าใจอย่างนี้ผิด และก่อให้เกิดภัยพิบัติแก่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างยิ่ง         ในระบอบนี้ พระมหากษัตริย์จะไม่ทรงมีพระบรมราชโองการใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่ได้เป็นการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชน (เช่น ทรงสั่งให้ออกรถพระที่นั่งได้ ไม่ใช่พระบรมราชโองการ แต่เป็นรับสั่งธรรมดาเท่านั้น) ฉะนั้น พระบรมราชโองการแต่งตั้งคุณหญิงจึงเป็นคำสั่งของอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย ซึ่งไม่มีอะไรจะใหญ่เกินไปได้ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญด้วย         ดังนั้น ผมจึงเห็นด้วยกับความเห็นของ ส.ว. ท่านหนึ่งที่กล่าวว่า หากปฏิบัติตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไม่รอบคอบ ก็เท่ากับปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาใช้อำนาจวินิจฉัยจำกัดอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ (ซึ่งเป็นอธิปไตยของปวงชน) ที่ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ         อำนาจวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีเหนือสภาได้ มีอยู่อย่างเดียว คือวินิจฉัยว่าการดำเนินงานของสภาละเมิดรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น         เรื่องนี้จึงไม่ง่ายที่จะด่วนตัดสินว่า คุณหญิงยังไม่ได้เป็นผู้ว่าการ ทั้งๆ ที่มีพระบรมราชโองการแล้ว เพราะเนื้อแท้แล้วเป็นการถ่วงดุลกันระหว่างอำนาจอธิปไตยสองด้าน ซึ่งถ้าดำเนินการผิดจะกลายเป็นต้นแบบให้อำนาจอธิปไตยบางด้านของปวงชนถูกจำกัดลง         ผมจึงเห็นด้วยกับข้ออ้างของคุณหญิง ที่ว่า ต้องมีพระบรมราชโองการถอดเสียก่อน (แต่อาจจะด้วยเหตุผลที่ต่างกัน) เพราะพระบรมราชโองการที่แต่งตั้งคุณหญิงเป็นการใช้อำนาจอธิปไตย หากจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ก่อนวาระ ก็ต้องผ่านอำนาจอธิปไตยก่อน นั่นคือวุฒิสภาต้องมีมติที่ชัดเจนให้ถอดและกราบบังคมทูลให้มีพระบรมราชโองการถอด เนื่องจากพระบรมราชโองการ คือ อำนาจอธิปไตยของปวงชน จะเปลี่ยนแปลงเพิกถอนได้ก็ด้วยอำนาจอธิปไตยของปวงชนเท่านั้น ไม่ใช่การตีความของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และไม่ใช่พระราชดำริส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ในฐานะบุคคล จากคุณ : davil amature - [ 17 ม.ค. 49 13:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อย่างไรก็ตาม มีความสับสนในระบบแต่งตั้งในเมืองไทยว่า เมื่อไรจึงควรเป็นพระบรมราชโองการ เมื่อไรควรเป็นเพียงคำสั่งของรัฐมนตรี เพราะเรารับเอาประเพณีของสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาใช้ โดยไม่จับหลักเรื่องอธิปไตยของปวงชนให้มั่น (อันที่จริงหลักอธิปไตยของปวงชนก็ถูกกระทำชำเรายับเยินจากคณะทหารที่ใช้กำลังเข้ายึดอำนาจ และเหล่าเนติบริกรซึ่งเป็นสมุนรับใช้ เป็นส่วนใหญ่ในช่วงที่เรามีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข)         การได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงๆ โดยพระบรมราชโองการจึงถือเป็นเกียรติยศ ระบบราชการเลื่อนเปื้อนไปว่าตำแหน่งสูงๆ ทั้งหมดต้องเป็นพระบรมราชโองการ ทั้งๆ ที่การเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านั้นล้วนเป็นการใช้อำนาจบริหารภายในของราชการเอง ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน         เช่น ตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย ยังต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยนะครับกับอำนาจอธิปไตยของปวงชน ทั้งการใช้อำนาจของศาสตราจารย์ (ถ้าจะมี) ก็ไม่กระทบอะไรกับอำนาจอธิปไตยของปวงชนด้วย พระบรมราชโองการแต่งตั้งจึงเป็นเรื่องเกียรติยศของผู้ได้ดำรงตำแหน่งเท่านั้นไม่มีหลักอะไรมากไปกว่านั้น         หลักการเกี่ยวกับเรื่องของพระปรมาภิไธยและพระบรมราชโองการนั้น ผมคิดว่ามีความสำคัญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างยิ่ง ไม่ควรปล่อยให้สับสน เพราะจะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยและสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสองอย่าง         เช่น จากความสับสนในเรื่องนี้ มีผู้เสนอให้ "คืนพระราชอำนาจ" เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง         ลัทธิ "คืนพระราชอำนาจ" นั้น เพิ่งเกิดในเมืองไทยหลัง พ.ศ. 2500 คือหลังการยึดอำนาจของ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และมักใช้กันเป็นประจำในหมู่ผู้ที่คัดค้านต่อต้านรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารหรือการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการคัดค้านต่อต้านที่มีอันตรายน้อยที่สุด นั่นคือสมัยก่อนจะกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ก็ไม่ได้ ในสมัยหลังจะว่าเป็นหน้าม้าของฝ่ายค้านก็ไม่ได้         แต่นับจาก พ.ศ.2500 เป็นต้นมาเช่นกัน ที่เราจะพบว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกนักการเมือง (ทั้งในและนอกระบบ) ใช้เป็นข้ออ้างในการเผด็จอำนาจบ้าง หรือรังแกศัตรูทางการเมืองของตนบ้าง หรือทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน โดยสังคมไม่อาจตรวจสอบทัดทานได้ และในขณะเดียวกัน ก็ก่อปัญหาให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์เอง (ดังเช่นการใช้คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือรังแกศัตรูของตน ก่อให้เกิดความยากลำบากแก่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันมาก เนื่องจากเป็นกฎหมายอาญา ผู้ที่จะพิจารณาตัดสินใจฟ้องร้องจึงล้วนอยู่นอกสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น แต่สถาบันกลับเป็นผู้รับผลกระทบทางสังคมจากการฟ้องร้องไปเองแต่ผู้เดียว) จากคุณ : davil amature - [ 17 ม.ค. 49 13:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ฉะนั้น ถ้าอดีตจะช่วยให้เราคาดเดาอนาคตได้บ้าง การ "คืนพระราชอำนาจ" ในการเมืองไทยจึงมีความหมายแต่เพียง อำนาจเปลี่ยนมือจากกลุ่มที่ถืออยู่ไปยังกลุ่มที่ต่อต้านคัดค้านเท่านั้น         ถ้าใช้สำนวนของนักคิดคนสำคัญของไทยท่านหนึ่งก็คือ "[^_^]ไป [^_^]มา" โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้พระราชอำนาจกลับคืนไปจริงแต่อย่างใด         ยังมีความจริงที่ควรสำเหนียกกันด้วยว่า การ "คืนพระราชอำนาจ" ไม่ได้หมายถึงคืนพระราชอำนาจ (ของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์) ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ในรัชกาลปัจจุบัน แต่หมายถึงคืนพระราชอำนาจนั้นแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็ตั้งความหวังกันว่าจะดำรงอยู่คู่กันไปกับชาติไทยอีกนานเท่านาน         จริงอยู่หรอกที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นระบอบปกครองอะไร ตราบเท่าที่มีคนดีคนเหมาะสมมาถืออำนาจปกครองบ้านเมืองได้ เป็นดีที่สุด แต่จุดอ่อนอย่างหนึ่งของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งแม้แต่ผู้นำของระบอบนั้น เช่น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เองก็ทรงตระหนักเช่นกันคือ ไม่มีหลักประกันอะไรในระบอบนั้นที่ผู้ซึ่งจะดำรงตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินจะเป็นคนดีหรือเหมาะสมเสมอไปทุกรัชกาล         ฉะนั้น ลัทธิ "คืนพระราชอำนาจ" จึงเป็นภัยร้ายแรงแก่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กล่าวคือ อันตรายทั้งแก่ระบอบประชาธิปไตยและสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกัน         เคยได้ยินเรื่องกษัตริย์เยอรมันพระองค์หนึ่งปฏิเสธการ "คืนพระราชอำนาจ" ไหมครับ ท่านดำรัสว่า "เราไม่อาจรับมงกุฎจากมือลิงได้" อาจฟังดูยโสโอหัง แต่ที่จริงแล้วถูกต้องตามหลักการเป๊ะเลย นั่นก็คือ ถ้าพระราชอำนาจในระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์อาจ "ถวาย" ได้ ผู้ถวายย่อมเรียกคืนเมื่อไรก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่ต้น หน้า 16 จากคุณ : davil amature - [ 17 ม.ค. 49 13:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณ : davil amature ประเด็น "ถวายคืนพระราชอำนาจ" มันยังมิใช่การ "ตกผลึก" ของสังคม เป็นแค่ "ข้อเสนอ" ของกลุ่มสนธิ แม้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่ก็มีอีกเป็นจำนวนมาก ที่เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มิใช่ตัวปัญหา มันอยู่ "ตัวบุคคล" ส่วนประเด็นถวายคืนพระราชอำนาจ ผมคิดว่าคงเป็นไปได้ยากครับ ในราชดำเนินก็รู้สึกจะมีเสียงไม่เห็นด้วยมากกว่าเห็นด้วยครับ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 17 ม.ค. 49 15:39:33 ]