PANTIP.COM : P4026654 ผมชอบเว็บผู้จัดการนะ อยากให้เว็บหนังสือพิมพ์หลายๆ ที่เป็นอย่างนี้จัง []

ความคิดเห็นที่ 6

เห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้นะคะถึงความหลากหลายในเนื้อหาของนสพผู้จัดการ ยกเว้นข่าวการเมืองภายในประเทศค่ะหลังจากที่มีปรากฏการณ์สนธิ

แต่ Web ผู้จัดการมีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ เอื้องคิดว่าหากคุณสนธิยังไม่ได้กลายมาเป็นปฏิปักษ์ยืนฝ่ายตรงข้ามกับท่านนายกฯนั้น ผู้จัดการจะยังเป็นเว็บที่มีคนเข้าไปเล่นมากที่สุดค่ะโดยเฉพาะคนจากเว็ปพันทิพนี่แหละ ... อิอิอิ และเอื้องคิดว่าความเห็นที่โพสต์ในเว็ปผู้จัดการเมื่อก่อนหน้านี้นี่มีความเห็นที่เต็มไปด้วยคุณภาพเยอะค่ะโดยเฉพาะการเมืองภายในประเทศ และต่างประเทศอย่างเช่น "คุณคนไทยคนที่ 2" ที่เป็นคอการเมืองเดียวกันกับเอื้องค่ะทั้งในเรื่องการเมืองไทยและเทศ เชียร์ทั้งจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชและท่านนายกฯทักษิณด้วยกัน (..ฮา..) สนุกมากค่ะ ก่อนที่คุณสนธิจะมีเรื่องกับนายกฯนี่ต้องยอมรับค่ะว่าเว็ปผู้จัดการเค้าใจกว้างและเปิดเสรีในการแสดงความคิดเห็นจริงๆเอื้องเป็นคนหนึ่งค่ะที่ย้ายไปเล่นที่นั่นเพราะไม่ต้องคอยกังวลว่าใครไม่พอใจความเห็นของเราแล้วสั่งลบอย่างเดียวเพราะเมื่อก่อนหน้านี้กระทู้เอื้องนี่โดนลบบ่อยมากที่ห้องราชดำเนินนี้ มาเฟียเยอะค่ะต้องคอยใช้วิชาตัวเบาตีฝ่าวงล้อมออกไป 5555++ ก็ยอมรับนะคะว่าเสียความรู้สึกกับพันทิพเยอะค่ะในตอนนั้นที่กระทู้ที่เราอุตส่าห์ตั้งใจเขียนนั้นโดนลบทิ้งซะส่วนใหญ่ …. แต่ตอนนี้ใครจะลบกระทู้เราก็ตามใจค่ะไม่สนใจเลยเพราะมีบ้านของตัวเองอันอบอุ่นอยู่ที่เว็ปผู้จัดการ 1 หลังและมีบ้านที่ Bloggang 1 หลังให้ได้เขียนในสิ่งที่เราต้องการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี สำหรับเฉพาะบทความที่เขียนเป็นภาษาไทย ….

โดยส่วนตัว ก่อนหน้านี้ที่คุณสนธิจะยังเป็นคนที่พูดว่า "ทักษิณเป็นนายกฯที่ดีที่สุดที่ประเทศนี้เคยมีมา" นั้นและมีคนในห้องนี้ชอบนำบทความของเซี่ยงเส้าหลงมาแปะในกระทู้ จากคอลัมน์ข่าวปนคนคนปนข่าว เอื้องก็ไม่เคยนิยมแนวความคิดทางการเมืองในตัวคุณสนธิเลยค่ะโดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศและอาจจะคิดว่าเอื้องเป็นคนเดียวในห้องนี้ที่ไม่เคยนิยมคุณสนธิเลยไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เพระแค่ดูจากที่คุณสนธิวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ สงครามอิรัคและสหรัฐอเมริกาก็พอจะมองออกค่ะว่าคุณสนธินั้นเขียนด้วยความอคติอย่างสุดๆ

ในเรื่อง "การเมืองระหว่างประเทศ"นั้นพูดกันตามตรงก็คือว่ามุมมองของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลหรือคุณเซี่ยงเส้าหลง (คุณพายัพอาจเป็นคนเดียวกันกับคุณสนธิ) จะต่อต้านตะวันตกมากโดยเฉพาะ"อเมริกา" เรียกว่ามีทัศนะคติแบบถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านตะวันตกค่ะด้วยเหตุนี้เอื้องคิดว่าคุณสนธิมีมุมมองเรื่องการเมืองระหว่างประเทศผิดไปจากความเป็นจริงมากเลยทีเดียว...หลายหลายประเด็นที่คุณสนธิทำนายไว้ไม่ถูกเลยเมื่อความจริงของคำตอบถูกพิสูจน์ด้วยกาลเวลา..เรื่องการเมืองระหว่างประเทศเอื้องไม่คิดว่าบทความของคุณสนธิมีน้ำหนักที่เชื่อถือได้เท่าไรนักค่ะก็รู้อยู่ว่าคุณสนธินั้น "Anti-American" และ "โปรจีน" ตัวยงเป็นพวกที่ยืนอยู่อีกมุมของจุดสมดุลย์ ไม่ใช่พวกที่ยืนอยู่ตรงกลางความจริงที่คุณคงทราบคำตอบแล้วใช่มั๊ยคะ? ..ดังนั้นความเห็นของคุณสนธิจึงดูเอนเอียงมากไปทางด้านใดด้านหนึ่งของตาชั่งค่ะ…..

อย่างเรื่อง US-China relations นั้น เอื้องก็แปลกใจจริงๆค่ะที่คุณสนธิ และคอลัมนิสต์บางคนในเวป manager พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอเมริกากลัวจีนจะเติบโตในภูมิภาคเอเชียเป็นภัยคุกคามกับอเมริกา....อิอิ อันนี้คงต้องกลับไปอ่านเรื่องประวัติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนกับอเมริกาใหม่อีกครั้งค่ะ อย่างในปี1968 สมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันนั้นหลายคนก็เข้าใจไปว่าอเมริกาข่มขู่จีน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วอเมริกาในตอนนั้นนี่อ่อนแอนะคะต้องพึ่งพาจีนมากเพื่อคานอำนาจการแผ่อิทธิพลของสหภาพโซเวียต....ก่อนเหตุการณ์ 9-11 นั้นผู้นำระดับสูงของจีนหลายคนมองและเรียกอเมริกาว่าเป็น "Hegemonic Regime" โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมาคือ"สมัยคลินตัน" ....และเชื่อรึเปล่าคะว่าสมัยบุชและหลังเหตุการณ์9-11นี่แหละค่ะที่ผู้นำระดับสูงของจีนหยุดเรียกอเมริกาว่าเป็น Hegemonic Regime ไปเลยเหตุการณ์ 9-11นี่เปลี่ยนภาพพจน์ของอเมริกาในสายตาจีนมากทีเดียวค่ะเพราะทางวอชิงตันนั้นไม่ได้ถือว่าทางปักกิ่งเป็นภัยคุกคามเลยค่ะดังนั้นเมื่อทางบริษัทน้ำมันของจีนต้องการซื้อยูโนแคลเราจึงเห็นทางทำเนียบขาวออกมาเคลื่อนไหวช้ามากนั่นเองหรือแทบให้ความสำคัญน้อยมากนั่นเองแต่ทางวอชิงตันให้ความสำคัญกับ "การก่อการร้าย" เป็นภัยคุกคามกับความมั่นคงของอเมริกาเป็นอันดับหนึ่งค่ะ คือเรียกว่า China's rising is not a threat to USA ค่ะ หรือให้น้ำหนักมากที่สุดก็แค่ "possible threat" เท่านั้น ในทางตรงกันข้ามค่ะรัฐบาลอเมริกันภายใต้จอร์จ บุชนี่มองความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอเมริกาเป็น "great opportunity" เป็น "constructive relationship" ที่ต้องฟื้นฟูระหว่างสองประเทศค่ะและในแง่ "เศรษฐกิจ" เองจีนต้องอาศัยผู้บริโภคขนาดใหญ่อย่างอเมริกาและสหภาพยุโรปค่ะเพราะทั้งอเมริกาและสหภาพยุโรป เป็น "Final buyers" ของจีนในระบบการค้าแบบ "Processing trade" โดยเฉพาะอเมริกาถือว่าเป็น Final buyer รายใหญ่ที่สุดที่จีนต้องการมากในขณะนี้ค่ะ...อันนี้ต้องยกเครดิตให้กับ Richard Lee Armitage ที่เป็นคีย์สำคัญสำหรับนโยบายต่างประเทศของอเมริกาที่มีต่อจีนค่ะ …จีนกับอเมริกานี่เค้าไม่รบกันอย่างที่กลุ่มโปรจีนทั้งหลายฮึ่มๆเชียร์อยู่ข้างหลังหรอกค่ะปัจจุบันนี้แต่ละประเทศก็เห็นผลประโยชน์ของชาติตนเป็นสิ่งสำคัญมีแต่ "นักเขียนหัวเอียงซ้ายที่ปลุกผีทุนนิยม" แบบพวกคอมมิวนิสต์สมัยก่อนนำมาใช้โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้นล่ะค่ะที่ยังคิดว่าอเมริกากลัวการก้าวขึ้นสู่มหาำอำนาจของจีนแต่ในทางตรงกันข้ามทั้งจีนและอเมริกาจะกลายเป็นเพื่อนร่วมผลประโยชน์กันต่างหาก ในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศนั้นไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรค่ะ ตอนนี้ต้องตั้งคำถามแล้วว่าประเทศไทยเราล่ะตอนนี้เตรียมพร้อมกับการขยายตัวทางการค้าของจีนหรือยัง?

ส่วนในเรื่อง "การเมืองภายในประเทศ" นั้น ก่อนหน้าที่คุณสนธิยังไม่ได้กลายมาเป็นปฏิปักษ์ยืนฝ่ายตรงข้ามกับท่านนายกฯ เอื้องคิดว่าความคิดเห็นของคุณสนธิ มีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งค่ะเพราะคุณสนธิมีข้อมูลเชิงลึกในฐานะเป็นคนภายในสื่อการวิจารณ์การเมืองไทยจึงมีประโยชน์แก่ผู้ที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างเอื้องระดับหนึ่งค่ะแม้ว่าแนวความคิดทางการเมืองของเอื้องและคุณสนธิจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ ณ ตอนนี้ ข่าวการเมืองไทยในเว็ปผู้จัดการนั้นลงข่าวแบบเข้าข้างตัวเองเป็นอย่างมากประเภท "เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น" และก็เป็นเรื่องจริงที่หากต้องการโพสต์ข้อความที่ไม่เห็นด้วยกับคุณสนธินี่แทบจะโพสต์ไม่ขึ้นเลยค่ะ ความคิดเห็นท้ายข่าวผู้จัดการหรือคอลัมน์ของคุณสนธิจึงมีแต่เสียงสนับสนุนคุณสนธิอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า 99% ค่ะ .... มีเพื่อนหลายคนนะคะที่เค้าพูดกับเอื้องว่า เหตุผลเดียวที่เค้าจะเข้ามา ที่เว็ปผู้จัดการ ก็เพราะเว็ปนี้มีการอัพเดทข้อมูลข่าวอยู่เสมอทำให้ไม่ตกข่าวสารส่วนเนื้อหาต้องพยายามอ่านให้ละเอียดและใช้วิจารณญาณอย่างสูงมากๆ และเนื่องจากว่าคุณสนธิได้ เรียกตัวเองว่าเป็น "ฮีโร่" ไปแล้ว ฮีโร่ที่เลือกพูดเฉพาะข้อมูลที่ตนเองได้ประโยชน์ ปกปิดข้อมูลบางส่วนเพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง บวกกับคุณสนธิประกาศจุดยืนตัวเองชัดเจนว่า "...ผมเป็นสื่อมวลชนที่ไม่เป็นกลาง." ....ด้วยเหตุนี้การวิจารณ์รัฐบาลของคุณสนธิจึงเอียงไปทางด้านหนึ่งของตาชั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้และข้อมูลที่นำเสนอก็ย่อมต้องมีอคติจริตผสมลงไปในบทความและเนื้อหาของข่าวอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกันค่ะ และเอื้องคิดว่าการที่จะเอาข่าวออกมาแสดงสักข่าวก็ต้องค้นหาข้อมูลประกอบเพื่อให้เรื่องเหล่านั้นวางอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงโดยไม่ใช้อารมณ์และการนำเสนอที่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่งจนมากเกินไปนัก อันจะทำให้ข่าวออกมาเป็น ข้อมูล ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง แต่เมื่อใดที่สื่อขาดความเป็นกลางแล้ว ทุกๆการกระทำของรัฐบาล ก็จะถูกนำเสนอเพียงแง่มุมเดียว หรือการนำเสนอของข่าวก็จะมีแต่ประเด็นที่ไม่ดีเท่านั้นขึ้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ค่ะ...

จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 16 ม.ค. 49 02:14:32 ]