PANTIP.COM : P4031062 ช่วยกันโหวตเรื่องมีสาระๆเกี่ยวกับ FTA หน่อยครับ []

ความคิดเห็นที่ 3

Trade คือ การแลกเปลี่ยน การทำการตกลงซื้อขาย การจะมี Trade กันได้ก็จำเป็นต้องมีการเปิดตลาดหรือมีตลาดจุดสำคัญของทุนนิยมเสรีก็คือ หากไม่มีตลาดก็ไม่มีการแลกเปลี่ยนสินค้า...การบังคับให้เปิดตลาดแตกต่างจากการบังคับให้มีการ Trade เมื่อเปิดตลาดแล้วหากเราไม่อยากซื้อของหรือทำการแลกเปลี่ยนก็ไม่มีใครบังคับเราได้ เมื่อเปิดตลาดแล้วประเทศคู่้ค้่าอย่างอเมริกา ออสเตรเลียอาจเสียเปรียบเราก็ได้ขึ้นอยู่กับ ชนิดของสินค้่าในกลุ่มใดเป็นสินค้าส่งออกที่ประเทศคู่ค้าเปิดเสรีให้ หรือเป็นสินค้าที่แข่งขันกับสินค้านำเข้าที่นำมาแลกเปลี่ยน ตามทฤษฎีความได้เปรียบ(comparative advantage) ที่ว่าด้วยเรื่องการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่ทำให้มีประโยชน์ร่วมกันถ้าหากว่าแต่ละประเทศ ส่งออกสินค้าที่ประเทศนั้นมีความได้เปรียบในปัจจัยการผลิต(แรงงานและทุน)อยู่…กุญแจสู่แนวความคิดทฤษฎีความได้เปรียบก็คือคำว่า "เปรียบเทียบ (comparative)" ซึ่งมีนัยว่าแต่ละประเทศและทุกประเทศจะมีทั้งสองลักษณะคือ "ความได้เปรียบ (advantage)" ที่แน่นอนชัดเจนในบางสินค้าและมี "ความเสียเปรียบ (disadvantage)" ในสินค้าอื่น ๆ และกลยุทธ์ในการต่อรองของทั้งสองฝ่าย

และเอื้องคิดว่าการที่เราจะบอกว่าประชาชนไทยจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าหรือการทำFTAหรือไม่นั้น มองภาพรวมทั้งหมดคงจะไม่ได้คงต้องมองในแง่ที่ว่า ในฐานะเป็นผู้บริโภค ในฐานะเป็นผู้ผลิตเพราะแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ในฐานะผู้บริโภค ประชาชนไทยโดยทั่วไปจะได้รับทางเลือกในการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้นซึ่งจะทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นหรือมีราคาที่ถูกลงแต่ก็อาจเสี่ยงกับการบริโภคสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหากมาตรการการนำเข้าของเราอ่อนแอ

ในฐานะผู้ผลิต หากผู้ผลิตผลิตสินค้าในสาขาที่ประเทศคู่ค้าเปิดเสรีให้ เช่น ได้รับการลดอัตราภาษีศุลกากรผู้ผลิตไทยก็จะมีโอกาสเข้าไปทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร หรือเสียในอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศคู่แข่งและจะไม่ถูกกีดกันการเข้าสู่ตลาดในตลาดต่างประเทศ แต่หากเป็นผู้ผลิตที่ผลิตสินค้าแข่งขันกับสินค้านำเข้าที่ไทยเปิดเสรีทางการค้าให้แก่ต่างประเทศ ผู้ผลิตไทยก็จะไ้ด้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นหากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

จริงๆนี่การค้าเสรีเป็นสิ่งที่ดีนะคะในภาพรวมเพราะในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมานี่ประชาชนทั่วโลกเกือบ 300 ล้านคนได้ถูกยกฐานะจากความยากจนแบบสมบูรณ์ ก็เพราะ liberal reforms และ increased barrier-free trade( เพื่อปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศ) นี่ล่ะคะ เืมื่อเร็วๆนี้ได้อ่านรายงานของ World Bank report นี่เค้าก็สรุปว่าประเทศที่กำลังพัฒนา 24 ประเทศกับประชากร 3 พันล้านคนนั้นกำลังผันตัวเข้าสู่ global economy มากกว่าที่เคยเ็ป็น per capita growth กระโดดเพิ่มขึ้นจาก 1% ไปเป็น 5% รายไ้ด้ของประชากรในประเทศกำลังพัฒนาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าภายใน 5 ปีเลยทีเดียวเห็นได้ชัดเลยค่ะว่า Free trade นี้ทำให้ demand for rich world exports แข็งแกร่งขึ้นมากขนาดไหน แต่ีมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียค่ะคืิอมีหลายประเทศที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในรอบ 50 ปีี่ที่ผ่านมาเนื่องจาก liberalization of trade ไม่ได้ให้ความจริงจังเหลียวแลเอาใจใส่ในภาคการเกษตร เสื้อผ้าและสิ่งทอเท่าที่ควรจากประเทศที่พัฒนาแล้วเพราะิสินค้าจำพวกการเกษตร เสื้อผ้าและสิ่งทอนั้นเ็ป็นประเภท labor-intensive goods คือเป็นประเภทใช้แรงงานประเทศที่ยากจนกว่าสามารถผลิตและขายได้ในราคา competitive prices ด้วยเหตุนี้ปริมาณการค้าในส่วนภาคการเกษตร เสื้อผ้าและสิ่งทอจึงเพิ่มขึ้นเพียง 6 เท่าๆนั้นในขณะที่ปริมาณการค้าภาคการผลิตอื่นๆเพิ่มขึ้นถึงเท่า 45 เลยทีเดียวค่ะ

ด้วยเหตุนี้ค่ะเอื้องจึงเห็นด้วยกับที่ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อกล่าวสนับสนุนเปิดการค้าเสรีในแบบพหุภาคี ภายใต้ WTO เพราะเป็นองค์การระหว่างประเทศถูกตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้าและส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศสมาชิกพัฒนามาจาก GATTข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรกฎข้อบังคับของสำนักงาน WTO มีลักษณะเป็นข้อผูกพันแบบพหุภาคี (Multilateral) มีผลบังคับใช้กับประเทศสมาชิกทั้งหมดนอกจากใช้กับตัวสินค้าแล้วยังครอบคลุมไปถึงธุรกิจบริการและทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้าด้วยการตั้ง WTO ขึ้นมาทำให้การระงับกรณีพิพาททางการค้าของประเทศสมาชิกทำได้เร็วกว่าและมีผลบังคับใช้ได้ง่ายกว่าระบบ GATT ในสมัยก่อน

เมื่อมีคู่เจรจาเป็นร้อยประเทศ สิ่งกีดกันทางการค้าของแต่ละประเทศ(protectionism) จึงไม่ต้องลดลงมาก ทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง และการต่อต้านจากฝ่ายต่างๆ มีไม่มากนัก และก็เห็นด้วยเช่นกันค่ะว่าเจรจาเขตการค้าเสรีเป็นคู่ซึ่งไม่ดีเท่ากับเปิดเสรีการค้าทั่วโลก แต่หากทำด้วยความระมัดระวัง ก็จะยังเป็นประโยชน์เพิ่มประสิทธิภาพ และเกิดความเป็นธรรมกับคู่เจรจาทั้งสอง ด้วยเหตุนี้กฏ ระเบียบ มาตรการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเราตรงนี้ค่ะเพราะอย่างอเมริกานี่จะมีกฏหมายที่เรียกว่า U.S.Trade Act เป็นหลักยึดในการเจรจาทำความตกลงทางการค้าระหว่างประเทศในเวทีต่างๆทั้งพหุภาคี (WTO) และการเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ นอกจากนี้กฎหมาย U.S. Trade Act นี้ยังเป็นกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลโดยรัฐสภาอีกด้วยค่ะ....

โดยส่วนตัวสนับสนุนการเปิดการค้าเสรีกับอเมริกาค่ะจึงไม่สามารถโหวตให้เจ้าของกระทู้ได้เพราะคำถามของเจ้าของกระทู้ยังเป็นการคาดเดาอยู่...

จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 17 ม.ค. 49 15:45:59 ]