CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **ขอเชิญเที่ยวงาน "สัปดาห์มหกรรมขายชาติ ตอนอวสานเซลส์แมน**

    ตอนที่ ๑..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4015115/P4015115.html
    ตอนที ๒..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4017356/P4017356.html
    ตอนที่ ๓..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4020064/P4020064.html

    ตอนที่๔
    อวสานเซลส์แมน

    นิทรรศการสุดท้ายวันนี้ ก็จะเป็นการปิดงานสัปดาห์มหกรรมขายชาติกันเสียที  หลังจากเปิดให้ชมงานกันมานานนับสัปดาห์แล้ว

    ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาวันนี้  ผมสงสัยสิ่งที่ท่านนายกพูดเมื่อตอนวันเด็กในรายการจ้อคนเดียววันเสาร์เป็นอย่างมาก..
    ๑/ ท่านบอกว่า ท่านบริหารจนปัจจุบันหนี้ต่างประเทศน้อยลงกว่าสมัยก่อน
    ๒/ ท่านบอกว่า ท่านบริหารจนสามารถจ่ายหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนล่วงหน้า ๒ ปี
    ๓/ ท่านบอกว่า ท่านบริหารจนปัจจุบันมีเงินทุนสำรองสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
    ๔/ ท่านบอกว่า เรามีเงินฝากต่างประเทศมากกว่ากู้ต่างประเทศแล้ว
    ๔/ ท่านบอกว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงฐานะจากประเทศที่กู้เงินต่างประเทศเป็นประเทศที่ให้กู้ได้
    ๕/ ท่านบอกว่า นอกจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มี ๕๒,๐๐๐ล้านดอลล่าร์แล้ว  ยังมีรายการสว็อป (SWAP) ที่ต่างประเทศอีกถึง ๔.๗ล้านเหรียญดอลล่าร์ ซึ่งถ้าเอามารวมกับเงินทุนสำรองแล้วเป็นเงินสำรองที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์นับแต่มีประเทศมา

    คนที่ฟังแล้ว อาจจะปลื้มในทันทีโดยไม่ได้คิด  แต่จะมีชาวบ้านตาดำๆ สักกี่คนครับที่เข้าใจเรื่องเงินทุนสำรอง  และเรื่องการSWAP น่ะ
    การทำสว็อปคือ การเปลี่ยนแปลงสกุลเงินตราในธุรกรรมทางการเงินจากสกุลหนึ่งไปสู่อีกสกุลหนึ่ง
    อยากจะบอกว่า  ที่ท่านพูดมานั้น ไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด เพราะท่านกั๊กความจริงบางสิ่งบางอย่างที่ท่านไม่บอกประชาชน  ธุรกรรมทางการเงินที่ท่านไปทำสว็อปเอาไว้คืออะไร? จะนำมารวมเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศได้อย่างไรมิทราบ?

    ผมพลิกตำราเศรษฐศาสตร์การเงินที่พอมีความรู้อยู่บ้างก็งงเป็นไก่ตาแตก???  แต่เอาล่ะ เงิน ๔.๗ล้านดอลล่าร์(นสพ.ที่ผมอ่านน่าจะผิดนะครับ น่าจะเป็นหลักพันๆล้านมากกว่า)
    คิดเทียบเป็นเงินบาทแล้วถือว่า จิ๊บจ๊อยมากหากคิดในแง่ของความเป็นประเทศ  เพราะมันแค่ ๑๗๐ล้านบาทเท่านั้น  เงินจำนวนแค่นี้ ไม่มีนัยสำคัญอะไรในแง่ของสถานะทางการเงินระหว่างประเทศหรอกครับ

    อาจมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ผมไม่รู้เรื่องนี้  ใครมีรายละเอียดก็ขอให้เอามาแบ่งปันกันด้วยจะขอบคุณมาก

    ข้ออื่นๆ..
    ๑/ การคืนเงินกู้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด
    จริงๆ ในปลายสมัยรัฐบาลชวน ภาวการณ์ทางการเงินของไทยดีขึ้นเป็นลำดับแล้ว  เราหยุดกู้เงินเพิ่มตามวาระมาก่อนหน้านั้นแล้ว  หากรัฐบาลชวนบริหารประเทศต่อไป  เมื่อหยุดกู้ก็จะเป็นวาระของการจ่ายคืนเงินกู้แล้ว  แต่เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามา  สิ่งที่ทำได้เหนือความคาดหมาย คือ ท่านจ่ายคืนก่อนกำหนดการ

    จะว่า..เป็นคุณ  ก็อาจใช่  แต่ท่านต้องพูดให้หมดด้วยว่า เงินกู้ไอเอ็มเอฟเป็นเงินกู้เอื้ออาทรที่ประเทศร่ำรวยแล้วจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสถานะการเงินของประเทศที่ด้อยพัฒนาและประสบอุบัติเหตุทางการเงินจนไม่อาจพึ่งพาตัวเองได้  ดอกเบี้ยไอเอ็มเอฟไม่ได้โหดร้ายกว่าที่รัฐบาลนี้ กู้จากประชาชนในประเทศในรูปของ  “กองทุนวายุภักดิ์”  ผมกล้าพูดอย่างนั้น

    ท่านต้องเร่งจ่ายคืน  เพราะเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟผูกพันประเทศไทย  โดยเฉพาะในเรื่องของการตรวจสอบการใช้จ่ายของภาครัฐใช่หรือไม่???
    เพราะเงื่อนไขบางอย่างกำหนดให้ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาด และรัฐบาลต้องให้เงินอุดหนุนอยู่ใช่หรือไม่???
    เพราะเงื่อนไขบางอย่างกำหนดให้ต้องขึ้นภาษีเพื่อชะลอการบริโภคของประชาชนใช่หรือไม่???

    สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจคืนเงินกู้ก่อนกำหนด  ไม่ใช่เพื่อลดภาระหนี้ต่างประเทศ  เพราะมีหนี้ต่างประเทศก้อนอื่นๆ ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่เรากู้เขามามากมายกว่า ๓ ล้านล้านบาท ( ณ ปัจจุบัน ดูได้จาก http://www.pdmo.mof.go.th/Debt/Monthly/2547/Thai/tdebt_1.xls)

    เรามีหนี้สาธารณะ ๔๘% ของรายได้มวลรวมของประเทศ(GDP)  ปีนี้เราขาดุลการค้า ขาดุลการชำระเงิน mad
    มีภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดินปีละ ๒๔% ของงบประมาณประจำปี

    ระดับหนี้ไม่ได้ลดลงกว่าสมัยนายชวน นายบรรหาร นายชวลิต สมัยบริหารประเทศอยู่นะครับ!! อาจมีภาพลวงตาเพิ่มขึ้นมาด้วยตรงที่มีการกู้ในประเทศเพิ่มขึ้นในรูปที่ไม่ปรากฏในบัญชีหนี้สาธารณะ  และเป็นการกู้ทางอ้อม นั่นคือ ตราสารหนี้ต่างๆ ที่ผ่านกองทุนของธนาคารกรุงไทย..และหน่วยงานในสังกัด กท.การคลัง แต่รัฐบาลเอามาใช้เป็นแหล่งเงินด้วยเช่นกัน

    ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตรงที่สถานะทางการเงินรัฐบาลของคุณทักษิณดีกว่าสามรัฐบาลก่อนหน้า  เพราะมีเงินทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นจากรายได้การส่งออกที่ขยายตัวและภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่างหาก

    ผมยังมองไม่เห็นว่า หนี้ต่างประเทศของเราหายไปไหน??? อย่างที่นายกคุยกับประชาชน

    ท่านพูดราวกับว่า ตอนนี้เราเป็นไทแล้ว ไม่เป็นหนี้ใครแล้ว มีเงินให้ต่างชาติกู้แล้ว  แต่ไปค้นตัวเลขของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กท.การคลังกลับพบคำตอบอีกอย่างหนึ่ง

    ถ้าเรามีเงินฝากเป็นเงินตราต่างประเทศจริงๆ  มีเงินให้ประเทศอื่นๆ กู้ยืมจริง ผมขอแนะนำให้ท่านนำเงินเหล่านั้นไปจ่ายคืนหนี้ ธนาคารโลก..  ธนาคารพัฒนาเอเชีย และเงินกู้จากญี่ปุ่น JBIC ซึ่งรวมกันแล้วเป็นเงินกว่า ๓ล้านล้านบาท ดีกว่าไหมครับ  เหมือนกับที่ท่านเร่งจ่ายคืนให้ไอเอ็มเอฟไงล่ะ  ทำไมไม่ทำแบบที่เคยทำ  จะได้คุยโวไปได้อีกหลายปี

    แปลก!! ทำไมต้องพูดความจริงไม่หมด ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

    คนที่ฟังวิทยุรายการนายกพบประชาชนมีทุกระดับชั้น  ท่านคิดว่า จะไม่มีพวกที่คิดและวิเคราะห์เป็นเลยหรือไร?
    “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

    เอาล่ะครับ  กลับเข้ามาที่เรื่องเดิมของเรานะครับ  “มหกรรมขายชาติ(เอาตัวรอด) ตอน อวสานเซลส์แมน”

    ข้อยืนยันประเด็นที่ผมพูดไปในคราวก่อนๆ ว่า สิงคโปร์กำลังคืบคลานเข้าไปยึดหัวหาดธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้  โดยมีรัฐบาลของสิงคโปร์เป็นหน้าม้าจัดฉาก

    และผมก็ได้รับลิงค์นี้มาจากคุณแม่หนูยิ้มด้วยความกรุณา (เพราะคุณแม่หนูยิ้มอยู่ออสเตรเลียมาหลายปี) เป็นความกังวลของสื่อมวลชนในออสเตรเลียเกี่ยวกับการเข้ามาซื้อกิจการของรัฐบาลสิงคโปร์ผ่านบริษัทSING TEL (ซิง เทล นี้เป็นใคร?  ก็เป็นเจ้าเดียวกันกับที่ถือหุ้นอยู่ในชินคอร์ป และกำลังมีข่าวว่าจะ เทคโอเวอร์หุ้นชินวัตรทั้งหมดนั่นแหละครับ)

    รายละเอียดในลิงค์ ผมจะไม่นำมาขยาย เพราะเป็นเรื่องของประเทศอื่น  แต่ถ้าใครสนใจความกังวลของชาวออสเตรเลียก็เข้าไปเปิดอ่านได้นะครับ

    แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 49 18:14:36

    แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 49 16:26:52

    แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 49 16:22:12

    จากคุณ : *bonny - [ 17 ม.ค. 49 16:10:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป