ความคิดเห็นที่ 1 ตกลงถามว่าอะไร จากคุณ : ลุงชอบ - [ 18 ม.ค. 49 09:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดว่าเป็นเรื่องของช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ข้อความที่คุณ TRAT post FTA ไทย-จีน ---------------- โดยการค้ากับจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2548 ว่า ไทยมีมูลค่า..... ในตาราง FTA ที่คุณ Mr.Thailand post จะเป็นมูลค่าการค้าในช่วง มค.-พย. 48 แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือมูลค่าการส่งออกนำเข้า ที่ปรากฏในตาราง(ส่งออก 331204 ล้านบาท นำเข้า 408239 ล้าน)ซึ่งเป็นช่วงเวลาเพียง 11 เดือน  ทั้งๆที่เวลาน้อยกว่าข้อมูลที่ TRAT นำเสนอ(ส่งออกประมาณ 313,081 ล้านบาท นำเข้าประมาณ 303,852 ล้านบาท) ช่วงเวลาประมาณ 2 ปี แต่กลับมีมูลค่าการค้าที่มากกว่า เลยไม่รู้ว่าข้อมูลของใครที่ผิดถูกกันแน่ อาจจะจริงทั้งคู่ หรือ มีการเล่นแร่แปรธาตุทางการนำเสนอข้อมูล นอกจากนี้ยังอยู่ที่ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลอีกด้วย www.thaifta.com กับ รายงานของกระทรวงพาณิชย์ต่อครม. (ทั้งที่เป็นหน่วยงานเดียวกันแท้ๆ ตัวเลขน่าจะตรงกัน) ถ้าโดยรวม 2 ปี แม้จะได้ดุลก็ตาม แต่ถ้าในช่วงเวลา ปี 48 มีการขาดดุลข้อมูลที่นำเสนอมา ก็น่าเป็นห่วงอนาคตของ FTA กับจีนอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นแนวโน้มของการขาดดุลเพิ่มขึ้น กรณีข้อมูลที่ไม่ match หากใครมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลวานช่วยบอกที อยากทราบครับ จากคุณ : gongort2 - [ 18 ม.ค. 49 09:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองเอาข่าววันนี้มาให้อ่าน โบแดง‘เอฟทีเอ’ ได้ดุลหมื่นล้าน ปี’48อ่วมอรทัย โพสต์ทูเดย์ — ไทยได้ดุลการค้าจากการทำเอฟทีเอกับจีน อินเดีย และออสเตรเลีย มากกว่า 280 ล้านเหรียญสหรัฐ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการส่งออก-นำเข้าสินค้า ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ระหว่างไทย-จีน ไทย-อินเดีย และไทย-ออสเตรเลีย ปรากฏว่า ไทยได้ส่งออกสินค้าไปยัง 3 ประเทศดังกล่าวเป็นจำนวน 7.73 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.13 แสนล้านบาท และนำเข้าสินค้ามูลค่า 7.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.03 แสนล้านบาท เกินดุลอยู่ทั้งสิ้น 280 ล้านเหรียญสหรัฐ หากแยกเป็นแต่ละประเทศจะพบว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-พฤศจิกายน 2548 ไทยส่งออกสินค้าไปยังจีน 4.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าสินค้าจากจีน 4.31 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้ดุลการค้า 121.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การค้าระหว่างไทย-อินเดีย ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547–พฤศจิกายน 2548 ไทยได้ส่งออกสินค้าไปยังอินเดียเป็นมูลค่า 364.15 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าสินค้า 97.05 ล้านเหรียญสหรัฐ การค้าระหว่างไทย-ออสเตรเลียนั้น ตั้งแต่เดือนมกราคม–พฤศจิกายน 2548 ไทย ส่งออกสินค้าไปยังออสเตรเลียมูลค่า 2.92 พันล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าสินค้าจาก ออสเตรเลีย 3.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เฉพาะปี 2548 นั้นไทยเกินดุลกับอินเดียเท่านั้นแต่จีนขาดดุล 80 ล้านเหรียญสหรัฐ และออสเตรเลียอีก 111 ล้านเหรียญสหรัฐ http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=73786 จากคุณ : ลุงชอบ - [ 18 ม.ค. 49 09:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถามว่าใครโกหกครับ ขอโทษที่ทำให้สับสนครับ จากคุณ : Mr. Thailand - [ 18 ม.ค. 49 10:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่มีใครโกหก แต่มีฝ่ายที่เสนอข้อมูลไม่ครบ อยากได้หน้าว่าได้ดุลกับจีน ก็ให้ก้มหน้าก้มตาเสนอในส่วน early harvest ต่อไป เพราะถึงสิ้นปีนี้ ก็คงพูดไม่ออก จากคุณ : Mollusk - [ 18 ม.ค. 49 10:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เวลาที่นักเศรษฐศาสตร์มองเค้าจะมองเป็น trend หรือ แนวโน้มว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ตั้งแต่เริ่มแล้วจับมา รวมกันอย่างที่คุณ TRAT ทำแต่ขอบอกว่าน่ากลัวมากๆ โดยเฉพาะกับจีน ส่วนสหรัฐก็ยิ่งน่ากลัวกว่าเราเกินดุล มาตลอดถ้าทำ FTA จริงๆก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : Mr. Thailand - [ 18 ม.ค. 49 10:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากวลีที่ไปดูมานะ "โดยการค้ากับจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2548 ว่า " ของคุณมันแค่ มค48 - พย 48 เท่านั้นนี่ครับ ปีที่แล้วเป็นปีที่ไทยขาดดุลครับ เพราะราคาน้ำมัน และอะไรอีกอย่างจำไม่ได้ ซึนามิมั้งครับ จากคุณ : siwarut - [ 18 ม.ค. 49 10:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องแยกเป็น 2 ส่วนนะครับ.. ระหว่างสินค้าที่ นำเข้า-ส่งออก ตามปรกติ.. กับการซื้อขายสินค้าภายใต้กรอบ FTA ไทย-จีน.. ถ้าตามปรกติ ภาพรวมเราขาดดุลจีนอยู่แล้วครับ.. แต่สินค้าในกรอบ FTA เราได้ดุล.. ลองอ่าน ผลการวิจัยของ TDRI ตามลิงค์นี้ดูนะครับ.. http://ftadigest.com/pdf/miniResearch04_TCFTA.pdf . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 18 ม.ค. 49 10:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ๋อ แบ่งเป็น กรอบๆ ไปหรอ แต่ภาพกราฟที่คุณ  เพดาน ช่างฝัน หยิบมา มันเกี่ยวอะไรกันหรอ อธิบายหน่อยนะครับ จากคุณ : siwarut - [ 18 ม.ค. 49 10:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เกินดุลกับจีน ตั้งแต่เปิด FTA มา เกินดุลเฉพาะในกรอบข้อตกลงว่างั้น? แต่ขาดดุลในกรอบรวมที่มี่ FTA เป็นซับเซต? จากคุณ : siwarut - [ 18 ม.ค. 49 10:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอเป็นการนำเข้ากับส่งออกด้วยครับ และขอเป็นสินค้าอื่นๆด้วยครับ เราไม่ได้ค้าขายกับจีนแค่ผักผลไม้ ถ้าคิดเป็นมวลรวมนี่ไม่ทราบว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ที่คุณเพดานยกมานี่แค่ปริมาณการค้าใช่มั้ยครับ ซึ่งเป็นธรรมดาว่าพอจีนเข้า WTO สินค้าต้องทะลักอยู่แล้ว แล้วยิ่งพอทำ FTA แล้วก็อย่างที่เห็นแทบทุกบ้านต้องมีสินค้า made in China อย่างน้อยๆ 2 ชิ้นครับ จากคุณ : Mr. Thailand - [ 18 ม.ค. 49 10:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณSIWARUT ครับ ไทยไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากจีน ผมไม่ได้คุยไทยขาดดุลเป็นยอดเท่าไหร่กับจีน ไม่เกี่ยวกับ น้ำมัน ไม่เกี่ยวกันสึนามิ คุยถึงเรื่องการค้ากับจีน ลองไปดูตารางครับ อย่าหลงประเด็นครับ จากคุณ : Mr. Thailand - [ 18 ม.ค. 49 10:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลองไปอ่านรายละเอียด"ผลการวิจัยของ TDRI" ตามที่ผมทำลิงค์ไว้ให้สิครับ.. TDRI เขาอธิบายไว้ละเอียดในการเปรียบเทียบผลจากข้อตกลง.. . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 18 ม.ค. 49 10:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สมมติในกรณี"ไม่มี FTA ไทย-จีน" นะครับ.. การนำเข้าวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆ เราก็เลือกสั่งจากประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน หรืออื่นๆ.. ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านราคาและคุณภาพ.. ซึ่งในปีหลังๆนี่ สินค้าจากจีนมีคุณภาพมากขึ้น ราคาก็ไม่แพง จึงย่อมมีการสั่งซื้อจากจีนมากขึ้น ก็คือการย้ายแหล่งที่ซื้อนั่นเอง.. เพราะฉนั้น การขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นกับจีน(ไม่เกี่ยวกับ FTA) จึงเป็นเรื่องปรกติ.. แต่ขณะเดียวกัน เราก็ไปลดการขาดดุล หรือเพิ่มการได้ดุล จากประเทศอื่นๆ ที่เราเคยนำเข้ามาก่อน.. แต่ถ้าจะดู"ผลกระทบ จากข้อตกลง FTA"  เราก็ต้องเปรียบเฉพาะการซื้อขายสินค้าตามข้อตกลง ตามที่ TDRI ได้ประเมินผลมา.. . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 18 ม.ค. 49 10:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมยายามคุยกับคุณด้วยเหตุผลและข้อมูลที่มีอยู่แล้วนะ แต่เหมือนคุณพยามยามจะเอาชะนะทุกคนที่คิดตรงข้ามกับคุณ ว่าจะพูดตั้งแต่คุณเริ่มมาตั้งกระทู้ใหม่เพื่อเอาชนะ เพื่อจับผิดว่าใครโกหก แทนที่จะเถียงไปในกระทู้เดิมให้จบๆ แค่คุณคิดว่ามีข้อมูลเป็นชิ้นเป็นอันกว่า ก็เอาอีกคนมาประจานซะแล้ว เห็นมีข้อมูลผมก็พยายามคุยด้วยดีๆแล้วนะครับ ใครมองก็รู้ว่ามันเป็น คนละช่วงเวลากัน แต่คุณกลับมองว่าเป็นเรื่องโกหก? และที่ผมพูดเป็นการขาดดุลภาพรวมนะครับ ไม่ได้บอกว่า ขาดดุลกับจีน ข่าวออกทางทีวีผมก็บอกมาแบบนั้นว่าไทยขาดดุลกับต่างชาติ ผมไม่ได้เจาะจงว่า จีนเพราะผมเองไม่รู้ว่าเรามูลค่าเรากับจีนนั้นเป็นไง ไม่งั้นไม่เข้ามาถามหรอก พูดด้วยดีๆแต่กลับมาหาว่า ผมหลงประเด็น คนที่คิดแต่จะเอาชนะแบบนี้ ป่วยการที่จะคุยด้วย จากคุณ : siwarut - [ 18 ม.ค. 49 11:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องขอโทษคุณ siwarut อย่างมากด้วย พอดีผมแค่อยากทราบเรื่องกับ ไทย-จีนแค่นั้นนะครับ และในกระทู้ทั้ง 2 เรื่องก็คุยกันแต่เรื่องของไทย จีน และสหรัฐ ส่วนเรื่อง overall ของทุกประเทศผมก็ไม่ได้ดูเหมือนกัน รู้แต่ว่าเรา ขาดดุลก็แค่นั้นเอง ต้องขอโทษอีกครั้งที่ทำให้ไม่พอใจครับ จากคุณ : Mr. Thailand - [ 18 ม.ค. 49 11:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยังไม่เข้าใจอีก....5555 ป่วยการอธิบาย..ปล่อยไปเถอะครับ... จากคุณ : TRAT - [ 18 ม.ค. 49 11:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลองย้อนกลับไปได้กระทู้ที่คุณโพสต์ไว้เมื่อวานซิครับ มีคนไม่เข้าใจเหมือนผมอีกเยอะ ช่วยอธิบายแบบมีตาราง เปรียบเทียบ ในปี 48 และ trend ในปีหน้าว่าเป็นอย่างไร ขอเป็นปีต่อปีนะครับ เค้าดูกันเป็นปีไม่เอาอดีตมารวมครับ จากคุณ : Mr. Thailand - [ 18 ม.ค. 49 11:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ก็พวกเดียวกัน ไม่เข้าใจเหมือนกัน...ก็แล้วแต่... เพราะมีประโยชน์อะไร ที่จะมาบิดเบือน...ผมได้อะไร...ตามที่คุณกล่าวหาผมในกระทู้เมื่อวานนี้ วันนี้ สื่อทุกฉบับก็รายงาน...เรื่องนี้ทั้งสิ้น..ก็เป็นข้อมูลเดียวกันกับผมที่รายงานไป...ซึ่งเป็นรายงานจากข่าว สำนักข่าวไทย...เมื่อวานนี้... คุณไม่เชื่อข่าวสารของรัฐ ก็เป็นเรื่องของคุณ..ไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะไปอธิบาย...ความเห็นผม base on ข้อมูลจากรัฐบาล..ซึ่งผมย้ำหลายครั้งว่า เป็นรายงานต่อที่ประชุม ครม. ผลสรุปดุลการค้านับตั้งทำ FTA มา...กับประเทศสำคัญ 3ประเทศ ที่มีข้อตกลงลงนามแล้ว..และเป็นข้อมูลจากแหล่งเดียวกัน กับที่คุณตั้งโหวต...แต่ในนั้นแสดงช่วงเดียว..ไม่ใช่ยอดดุลสะสม นับตั้งแต่ทำ FTA ถ้าคุณไม่เข้าใจ ว่ายอดรายวัน ยอดรายเดือน ยอดรายปี ยอดสะสม..คืออะไร...มันก็ป่วยการอธิบายอะไรอีก...ผมบอกแล้วหลายครั้ง ว่ามันคือรายงานยอดสะสม...คุณก็ไปพูดยอดรายปี..หรือตามตารางมันคือราย 11 เดือน...ทั้งที่มันเป็นแหล่งข้อมูลเดียวกัน...แต่มันสรุปคนละยอด. แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 49 12:37:56 จากคุณ : TRAT - [ 18 ม.ค. 49 12:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ก็น่าจะถามกันดีๆก่อน ว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้น ผมเองก็อาจจะพูดไม่เคลียร์ ก็ถามมา ผมก็จะตอบดีๆ มันคุยกันได้อยู่แล้ว ผมอ่ะ จากคุณ : siwarut - [ 18 ม.ค. 49 12:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วนี่มาตั้งกระทู้โหวตว่า ผมโกหก..มาให้โหวต...บ้ารึปล่าว...ผมโกหก ไปทำเบื๊อกอะไร...ผมได้อะไรกับการมานั่งโกหก...ในเมื่อข้อมูล มันคือ รายงานของ ครม. เมื่อวานนี้...เขารายงานยอดดุลสะสม...ไม่ใช่ยอดรายปี รายเดือน...เพราะแต่ละปี แต่ละเดือน..ยอดการค้า มันก็แล้วสถานการณ์..ของการค้าขาย...ความต้องการของตลาด..ปัจจัยทางธุรกิจ...มันขึ้นลงตลอดเวลา...แต่ภายใต้กรอบข้อตกลง..แล้ว...มันสรุปว่ายังเกินดุล...นี่คือข้อสรุปของรัฐบาล ไม่ใช่ของผม... โหวตไร้สาระ... จากคุณ : TRAT - [ 18 ม.ค. 49 12:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เราเปิดเสรีการค้า หรือ FTA กับจีน เฉพาะ หมวดผักผลไม้ ครับ ซึ่งเราเป็นฝ่ายเกินดุลจีน ตัวเลขล่าสุด ผมอ่านไทยรัฐ รู้สึก 9 พันกว่าล้าน แต่ภาพรวม เรายังขาดดุลกับจีนครับ ในหมวด เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและเหล็กกล้า คอมพิวเตอร์ เครื่องจักรกลโต และเคมีภัณฑ์ แต่สินค้าพวกนี้ เราไม่ได้เปิดเสรีกับจีนนะครับ เป็นเรื่องการค้ากันนอกกรอบ FTA http://www.ftamonitoring.org/FTA%20RelatedTopics/FTArelated11.asp อันนี้ ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจ ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/thairath1/2549/scoop/economic/jan/16/s_economic.php ความเป็นจริงการทำเอฟทีเอไทย-จีน ในส่วนสินค้าผักและผลไม้นั้น ช่วยทำให้ไทยได้ดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้น โดยช่วง 10 เดือนแรกของปี 48 เฉพาะผักและผลไม้ ไทยได้ดุลการค้า 9,377 ล้านบาท เพิ่ม 39.91% แต่ภาพรวมการค้านอกกรอบเอฟทีเอไทยขาดดุล 71,333 ล้านบาท ลดลง 96.46% ขณะที่เอฟทีเอไทย-อินเดีย หลังจากทำแล้วไทยได้ดุลการค้า 5,911 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162.13% และไทย-ออสเตรเลีย มีปัญหาการโหมนำเข้าทองคำมาเก็งกำไรช่วงต้นปี 48 กว่าเท่าตัว หากตัดส่วนนี้ออกไปไทยก็ได้ดุลการค้าเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 49 12:58:00 จากคุณ : ขาจร...ขอแจม - [ 18 ม.ค. 49 12:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คห. 22...อย่างที่ผมชี้แจง...การค้าปกติ กับการค้าตามกรอบข้อตกลง...มันคนละตัว...ถ้าจะวัดประสิทธิผลของข้อตกลง..มันก็ต้องดูสินค้าตามกรอบข้อตกลง ก่อนหน้ามีข้อตกลง กับหลังมีข้อตกลง เป็นยังไง...ซึ่งก็แสดงไว้ตามข้อมูลของคุณเพดาน ช่างฝัน.. ผมเพิ่มเติม คห. 22 ครับว่า...การเปิดเสรีตามกรอบ อาเซียน จีน...ซึ่งไทยเป็นภาคีอาเซียนอยู่นั้น....เราเปิดกว่า 500 รายการ...ไม่ใช่เฉพาะผักและผลไม้เท่านั้น... จากคุณ : TRAT - [ 18 ม.ค. 49 13:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พอมองอะไรเป็นเงินเป็นทองก็ บอกว่า หน้าเลือด ไม่มีมนุษยธรรม พอมองเป็นมนุษย์ธรรมก็บอกว่า จน  รัฐบาลห่วยไม่แก้ไข พอบอกให้เปลี่ยนอาชีพ ก็บอกว่า ขายเม็ดก๋วยจี๊มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดแล้ว จะให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้ไง  แล้วก็บ่น จนๆๆ ขายเม็ดก๋วยจี๊ไม่รวยซักที รัฐบาลห่วย ทำให้คนขายเม็ดก๋วยจี๊รวยไม่ได้ จากคุณ : โบโซ่จำแลง - [ 18 ม.ค. 49 13:28:16 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นายแตร๊ดยืนยันว่า base on ข้อมูลรัฐบาลเท่านั้น อย่างอื่นไม่รับพิจารณา ... กร๊าก กกก กกกกกกกกก อ้อ! ขำ 2 ประโยคข้างบนๆด้วยนะครับ ... - "ป่วยการที่จะคุยด้วย" ... ของนายสิว - "ป่วยการอธิบาย..ปล่อยไปเถอะครับ..." ... ของนายแต๊ด ขำที่พูดยังกะเป็นผู้รู้ ผู้ชำนาญ ผู้เซ็นต์สัญญา FTA ซะเอง ผมขอสรุปเรื่องข้างบน ในมุมมองของผม ... ไทยได้ดุลการค้าจากการทำ FTA กับ ตปท.ที่เดียวคือ อินเดีย บังเอิญว่าได้มากว่า 282 ล้านดอลล์ ตัวเลขขนาดนี้ก็เลย clover กลบตัวเลขขาดดุลกับจีนและออสเตรเลียลงได้ โอเค ครับ ...  ตรงนี้ถือว่ารอดตัวในส่วนนี้ แต่ส่วนปลีกย่อยอื่นๆไม่ต้องไป base on มันซะ ... กร๊าก กกก กกกกกกกกก จากคุณ : 100600 - [ 18 ม.ค. 49 13:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 น่าเห็นใจ คนความคิดเล็กก็จะมองได้แค่ภาพเล็ก ๆ คนตัวใหญ่ก็มองได้ในภาพใหญ่ ๆ ไม่เป็นไรค่อย ๆ เรียนรู้ไป เดี๋ยวก็เก่งเอง จากคุณ : ให้กำลังใจคนมองภาพเล็ก (meiyi) - [ 18 ม.ค. 49 17:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^ กร๊าก กกก ศาสตร์ไหนเนี่ย สมัยนี้นะ ... นาโนเทคนอลอจิ รู้จักป่ะ สิ่งของยิ่งเล็กยิ่งเปี่ยมประสิทธิภาพ การจับสิ่งของมาย่อยเล็กๆ เช่น ยาปฏิชีวนะถูกลดขนาดโมเลกุลให้ลดลงไปกว่าเดิมมากๆ ก็จะสามารถเพิ่มพท.ผิวในการปะทะเชื้อโรค เพราะงั้นไอ้พวกมองภาพใหญ่อย่างเดียว ละเลยสิ่งเล็กสิ่งน้อย ฝันไปเหอะชาตินี้จะก้าวหน้า เอิ๊ก เอิ๊ก กกก จากคุณ : 100600 - [ 18 ม.ค. 49 18:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตั้งกระทู้ได้เยี่ยมจริงๆ น่าจะมีอีกข้อที่ว่า ไม่มีใครโกหก แต่ให้ข้อมูลไม่ครบ น่าจะดีกว่านะ จากคุณ : ++GuyTips++ - [ 21 ม.ค. 49 12:45:15 ]