ความคิดเห็นที่ 1
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าความเป็นกลางนั้น เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมและความสงบสุข ถ้าหากทุกคนคิดและทำอะไรในลักษณะที่เป็นกลาง ไม่อคติลำเอียงแล้ว ความเดือดร้อน วุ่นวายทั้งหลายย่อมไม่เกิดขึ้น ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่คณะผู้พิพากษาในโอกาสที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ครั้งแรก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน ๒๕๒๙ "
ความเป็นกลาง นั้น อาจจะใช้คำว่าอุเบกขาก็ได้ แต่อุเบกขาโดยมากไปถือว่าเป็นความ นิ่งเฉย เป็นความไม่รับรู้ หรือเป็นความเรียกว่าความโง่ด้วยซ้ำ แต่ความจริงคำว่าอุเบกขาหรือความเป็นกลาง ไม่ได้หมายความว่านิ่งเฉย หรือไม่รับฟังใดๆ ตรงกันข้ามจะต้องรับฟัง แต่วิธีรับฟังนั้นทั้งฟัง ทั้งดู ทั้งรู้สึก อะไรจะต้องรู้ต้องฟังต้องดู แล้วนำสิ่งที่ฟังนั้นมาพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่างที่เรียกว่าเป็นกลาง
.." พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า แต่ว่าในคนทุกคนมีสิ่งที่สำคัญคือ ไม่เป็นกลาง เพราะว่าโดยมากคนเราก็ต้องเข้าข้างตัวเอง ด้วยความไม่รู้ก็ตาม หรือด้วยความไม่ตั้งใจก็ตาม แม้แต่ความรู้ของตัว เช่น วิชาความรู้ที่มีอยู่ในตัวบางทีไม่ถูกก็ได้ เพราะว่าไม่ถูกกับสถานการณ์นั้นๆ จึงต้องทำจิตใจให้เป็นกลาง หมายความว่าเป็นกลางนี้ จะต้องฟังจะต้องคิดและจะต้องปราศจากอคติ "
อคติ นี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ทำให้คนเราทำความผิดหรือผิดพลาดได้ง่าย เพราะว่าอคตินี้เป็นการไปที่ไม่ถูก หมายความว่าเวลาเราเจออะไร ฟังอะไร จะไปตามเหตุการณ์นั้นทันทีโดยไม่พิจารณา ถ้าหากพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า มันเป็นทางที่ควรไปหรือไม่ควรไป คำว่า ไปนี้ก็ไม่ใช่ว่าเดินไป แต่หมายถึงเดินขบวนทางความคิดไปในทางที่ไม่ถูก อคตินั้นก็มาจากหลายอย่าง มาจากกิเลสต่างๆ ที่มีคือความโลภ ความโกรธ ความกลัว หรือความไม่รู้ ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ
.."
จากคุณ :
noom_no1 (ป่ารักน้ำ)
- [
21 ม.ค. 49 19:16:30
]
|
|
|