ความคิดเห็นที่ 7
Machiavell
ในสารานุกรม Britannica ฉบับเดียวกันนี้ในเรื่องประวัติศาสตร์ปรัชญาการเมืองตะวันตก ช่วงศตวรรษที่ 16-18 โดยเฉพาะในตอนที่ว่าด้วยเรื่อง Machiavelli ก็ได้มีการพูดถึงเรื่องของทรราชเอาไว้เช่นกัน คือ...
ในความคิดของนักปรัชญาการเมืองอิตาเลี่ยน Niccol Machiavelli อาจได้รับการมองว่าเป็นปรัชญาการเมืองแบบทางโลก(secularization)ที่สมบูรณ์. Machiavelli เป็นนักการฑูตและนักบริหารที่มีประสบการณ์ และเมื่อเขาพูดถึงการต่อสู้กันด้วยอำนาจ เขาได้อธิบายว่า การต่อสู้กันด้วยอำนาจนั้น มันได้รับการชักนำขึ้นมาอย่างไรในสมัยเรอเนสซองค์ของอิตาลี, จากการบรรยายถึงเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว. แต่อย่างไรก็ตาม เขามิได้ไม่มีแนวคิดอุดมคติเกี่ยวกับสาธารณรัฐโรมัน และเขาชื่นชมต่อจิตวิญญานอันเป็นอิสระของนครต่างๆของเยอรมันและสวิสส์. อุดมคติอันนี้ทำให้เขารังเกียจเดียดฉันท์มากต่อการเมืองต่างๆของอิตาลี ซึ่งเขาได้ทำการวิเคราะห์มันอย่างเป็นวัตถุวิสัย และขจัดมายาภาพต่างๆออกไปจนหมดสิ้น.
งานเขียนในช่วงปลดเกษียณหลังจากการถูกถอดถอนทางการเมือง, Machiavelli ได้พูดอย่างราบเรียบว่า เมื่ออันนี้ได้รับการยืนยันโดยทั่วไปเกี่ยวมนุษย์, ซึ่งพวกเขาไม่มีความสำนึกในบุญคุณ เอาแน่ไม่ได้ ผิดพลาด ขี้ขลาด มีกิเลสความต้องการ และตราบเท่าที่ท่านประสบความสำเร็จ ทั้งหมดมันคือของๆท่าน; พวกเขาจะให้เลือดของพวกเขากับท่าน, ให้ทรัพย์สมบัติ, ให้ชีวิต, และลูกๆ...เมื่อความต้องการมันอยู่ไกลห่างมากๆ, แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้หรือมาถึง พวกเขาก็จะเปลี่ยนมาต่อต้านท่าน. และมันจะเป็นเช่นนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
เมื่อความปรารถนาของมนุษย์มิได้รับการสนองตอบตามความพึงพอใจ ธรรมชาติจะกระตุ้นและสนับสนุนให้พวกเขาแสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างๆ และรวมถึงโชคชะตาด้วย. บางครั้งโชคชะตาได้ให้สัญญาแก่พวกเขาถึงความสนุกเพลิดเพลิน แต่ก็ประสบผลเป็นจริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นจะส่งผลต่อความไม่พึงพอใจอยู่เสมอในจิตใจของพวกเขา, และสร้างความเกลียดชังในสิ่งที่พวกเขาครอบครองอยู่
ทัศนะอันนี้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ได้ถูกแสดงออกโดย Plato และ St. Augustine มาแล้ว. Machiavelli ยอมรับข้อเท็จจริงและแนะนำบรรดาผู้ปกครองทั้งหลายให้ปฏิบัติตามหลักการอันนี้. ในเรื่อง The Prince เขาได้กล่าวว่า จะต้องรวมความเข้มแข็งของสิงโตเข้ากับความหลักแหลม(ฉลาดแกมโกง)ของสุนัขจิ้งจอกเอาไว้ด้วยกัน: เขาจะต้องระมัดระวังตัว ไหวตัว ไร้ความเมตตา และมีความพร้อมทันที ฆ่าหรือขจัดปรปักษ์ หรือทำให้ศัตรูเป็นอัมพาตโดยปราศจากการเตือนให้รู้ล่วงหน้า. และเมื่อเขากระทำการอันใดที่เป็นอันตรายมันก็จะต้องเป็นไปพร้อมกันทั้งหมด. สำหรับมนุษย์แล้ว ควรจะได้รับการปฏิบัติด้วยดีหรือไม่ก็บดขยี้ เพราะพวกเขาสามารถที่จะแก้แค้นและนำอันตรายมาถึงตัวท่านได้เป็นขบวน แต่ถ้าเอาจริงเอาจังพวกเขาจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้. ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าชายหรือนักปกครองที่มีความลังเลใจ ผู้ซึ่งดำเนินรอยตามหนทางที่เป็นกลาง โดยทั่วไปแล้ว จะประสบกับความพินาศ.
เขาแนะนำว่า มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะลงจากอำนาจในช่วงเวลาที่เหมาะสมตอนที่เป็นฝ่ายชนะ และนครต่างๆที่พ่ายแพ้ควรที่จะถูกปกครองโดยตรงโดยทรราชเอง ด้วยการพำนักอยู่ที่นั่นหรือไม่ก็ทำลายมันเสีย. นอกจากนั้น บรรดาเจ้าชาย(นักปกครอง)ไม่เหมือนกับคนที่สันโดษทั่วไป ไม่ต้องรักษาศรัทธาใดๆไว้: นับแต่ที่การเมืองต่างๆได้สะท้อนถึงกฎหมายที่สับสนยุ่งเหยิงและรกรุงรัง รัฐก็คือกฎหมายของตัวมันเอง, และการปกครองที่มีศีลธรรมธรรมดาไม่จำต้องใช้มันแต่อย่างใด.
ในข้อเท็จจริง Machiavelli ได้กล่าวอย่างไม่เกรงกลัวต่อความจริงเกี่ยวกับการประพฤติตัวของบรรดาทรราชทั้งหลาย; และ วิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้ เขาได้แบ่งแยกระหว่างเจ้าชาย(นักปกครอง)ผู้ซึ่งปกครองโดยกฎหมาย และทรราชซึ่งนำเอากฎหมายมาใช้ตามแต่อารมณ์ของเขา, เขาคิดว่า ผู้ปกครองที่ประสบความสำเร็จจะต้องอยู่เหนือ หรือพ้นไปจากเรื่องศีลธรรม เมื่อความปลอดภัยและการแผ่ขยายของรัฐคือเป้าหมายที่สูงสุด.
ในทัศนะที่สายตาสั้นเช่นนี้, จักรวาลทัศน์(cosmic vision)ของ Aquinas และ Dante จึงถูกมองข้ามและไม่ได้รับความเอาใจใส่, และการเมืองหรือรัฐศาสตร์ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด. ในเทอมต่างๆของการอ้างอิง, Machiavelli ได้สร้างกรณีที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่น ในฐานะที่เป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์ เขาตระหนักว่า มีความเป็นไปได้และน่าเชื่อในความเป็นจริงที่ว่า กลโกงและการหลอกลวงที่เป็นระบบ, การทรยศหักหลัง และความรุนแรง ปกติแล้วจะนำมาซึ่งการแก้แค้น และการจองเวร.
(อ้างอิง : Encyclopedia Britannica CD97)
จากคุณ :
Can (ไทเมือง)
- [
21 ม.ค. 49 23:19:16
]
|
|
|