PANTIP.COM : P4043272 ไปอ่านมติชน บทความพิเศษมา..วิจารณ์สนธิเละ (ผู้อ่านเข้ามาโพสด่าสนธิ 100%) []

ความคิดเห็นที่ 9

นับวัน ปรากฏการณ์สนธิ เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นจนทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสื่อมทรุดในสายตาประชาชนลงไปทุกที

ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช เคยวิเคราะห์ว่า ความกล้าปนบ้าของสนธิมีมากกว่าทักษิณหลายร้อยเท่า

"สนธิจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญ สนธิคงไม่เล่นการเมือง แต่จะเป็นสิ่งที่บั่นทอนความนิยมของทักษิณ จนพรรคไทยรักไทยมีผลกระทบในทางเสียมากขึ้น ผมอยู่กับการเมืองมานาน เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเห็นคลื่นมหาชนในกรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง ถ้าผมเป็นทักษิณ ผมจะคิดหนัก และหาทางหนีทีไล่ไว้ตั้งแต่บัดนี้"

ทว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หลายคนกลับรู้สึกเสียดายภาพลักษณ์ของม็อบเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งที่ 14 ที่เคลื่อนขบวนจากสวนลุมพินีไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อค่ำวันศุกร์ 13 มกราคม เพื่อขับไล่นายกฯทักษิณออกจากตำแหน่ง กระทั่งเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมอย่างโกลาหล

เปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์ ฉบับวันจันทร์ที่ 16 มกราคม แสดงทรรศนะไว้อย่างน่าสนใจว่า

ผมอยากจะบอกว่า การพูดปลุกม็อบ และการทำด้วยการนำม็อบนั้นมันต่างกันมาก "การพูด" มันใช้แค่ลิ้นกับน้ำลาย ส่วน "การนำ" มันต้องใช้ "ใจและบารมีที่ถึง" ครับ

ขณะที่บทบรรณาธิการของ "กรุงเทพธุรกิจ" ฉบับวันเดียวกัน ตั้งข้อสรุปว่า จุดจบของรัฐบาลทักษิณกำลังใกล้เข้ามาจากการทำลายตัวเอง ที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศและการทุจริตที่เกิดขึ้นทุกหัวระแหง แต่หากขบวนการต่อต้านนายกรัฐมนตรีทักษิณใช้ความรุนแรงเพื่อเร่งสถานการณ์ให้แตกหัก ย่อมกลายเป็นการยืดอายุของนายกรัฐมนตรีทักษิณในการใช้ความชอบธรรมจากคะแนนเสียง 19 ล้านเสียง

นอกจากนี้ คนที่มองปรากฏการณ์สนธิได้อยางทะลุปรุโปร่งมากที่สุดอีกคนก็คือ "ธีรยุทธ บุญมี" อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขาประจำผู้ที่ลุกขึ้น วิพากษ์การเมืองปีละหน

ครั้งหลังสุดที่ธีรยุทธ ออกจากห้องสมุดมา วิพากษ์การเมืองคือ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2548 ว่าด้วย ระบบซูเปอร์พรรค ซูเปอร์การเมือง และซูเปอร์นายกฯ พร้อมกับลอกคราบวัฒนธรรมคอร์รัปชั่นของรัฐบาลทักษิณ 2 ได้อย่างหมดเปลือก บนเวทีราชดำเนินเสวนา ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

ครั้งนี้ อดีตผู้นำนักศึกษา วิเคราะห์ถึงปรากฏการณ์สนธิว่า "ปรากฏการณ์สนธิน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยกลุ่มคนฟังมี 2 ส่วน ส่วนที่กล่าวได้ว่าเป็นพวกจงรักภักดี หรือเรียกว่าเป็นพวกสถาบันกษัตริย์นิยม ศาสนานิยม และชาตินิยม ซึ่งมาจากหลายชนชั้น และทุกที่ รวมทั้งต่างจังหวัด จึงเป็นเหตุผลให้รายการคุณสนธิมีคนฟังผ่านทั้งอินเทอร์เน็ต และวิทยุชุมชนค่อนข้างมากอีกส่วนหนึ่งเป็นชนชั้นกลางที่สนใจข้อมูลข่าวสารเรื่องคอร์รัปชั่น แต่ก็ยังต้องการข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมเรื่อยๆ ซึ่ง "ปรากฏการณ์สนธิ" เกิดขึ้นยืดเยื้อยาวนาน บ่งถึงสถาบันกลไกการตรวจสอบของบ้านเราไม่ทำงาน สะท้อนการดำรงอยู่ของอำนาจ และอิทธิพล ซึ่งบีบคั้นกดดันสังคมไทยอยู่ มันถึงเกิดรายการนี้ และอยู่มาอย่างยาวนาน"

ธีรยุทธทำนายว่า แรงกระเพื่อมและพลังเงียบที่สนับสนุน ปรากฏการณ์สนธิ จะขยายตัวและรุนแรงขึ้น เสมือนยอดภูเขาน้ำแข็งของคนที่ไม่พอใจการทุจริตคอร์รัปชั่น

"นี่จึงเป็นเหตุผลทำให้เกิดการระเบิดออกมาในลักษณะรุนแรงสุดขั้ว คิดว่าจะเกิดอีก แม้จะเป็น กลุ่มเล็กๆ แต่จะยังมีอีกต่อไป" รัฐบาลพึงสังวรว่าความรุนแรงนี้สามารถขยายตัวได้ เพราะนี่เป็นเสมือนยอดภูเขาน้ำแข็งของคนที่ไม่พอใจปัญหาคอร์รัปชั่น และอิทธิพลมืด ซึ่งทำลายระบบตรวจสอบของประเทศอยู่ และคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน ขณะที่สังคมควรเร่งหาทางออกในลักษณะการแก้ไขที่เป็นระบบ"

อย่างไรก็ตาม ธีรยุทธเห็นว่า การออกมาขับไล่นายกรัฐมนตรีหรือถวายคืนพระราชอำนาจ ยังเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป มากไปกว่านั้น การเรียกร้องทั้ง 2 วิธีนี้ไม่เพียงพอที่จะล้มรัฐบาลทักษิณได้ เนื่องจากปัจจุบันประชาธิปไตยเมืองไทยเป็นไปในลักษณะความชอบธรรมเชิงซ้อน

"ผมอยากจะติงว่าการเคลื่อนไหวเรียกร้องขับไล่คุณทักษิณ หรือว่าจะถวายคืนพระราชอำนาจถือว่าเร็วเกินไป และไม่เหมาะสม แต่ก็ขอให้กำลังใจคุณสนธิ และ พล.ต.อ.ประทินให้ทำงานต่อไป โดยเฉพาะในด้านการเปิดโปงคอร์รัปชั่น และเส้นทางแสวงประโยชน์ของนักการเมืองทุจริตของพรรคไทยรักไทย"

"จากประสบการณ์ทางการเมือง และนักวิชาการด้านการเมือง สังคม การอ้างพระราชอำนาจเพียงเรื่องเดียวไม่พอเพียงที่จะล้มล้างรัฐบาลทักษิณได้ เนื่องจากความชอบธรรมของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่มีลักษณะเป็น "ความชอบธรรมเชิงซ้อน" โดยมีหลายด้านด้วยกัน และต่างกลุ่มต่างชนชั้น หรือต่างความคิดอุดมการณ์ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ก็ให้น้ำหนักแต่ละปัจจัยต่างกันไป ดังนั้น ปัจจัยเรื่องพระราชอำนาจอย่างเดียวไม่พอเพียงล้มรัฐบาลทักษิณได้"

มากไปกว่านั้น ธีรยุทธยังมีข้อเสนอต่อปรากฏการณ์สนธิว่า ควรมีการดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรต่อไป โดยขยายแนวร่วมในการทำงานเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มพิธีกรร่วม อาทิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา น.พ.เหวง โตจิราการ นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษวัชระ อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ นางรสนา โฆสิตระกูล เป็นต้น

ในส่วนเนื้อหารายการธีรยุทธเสนอว่า ควรเน้นการเปิดโปงปัญหาคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ขยายไปสู่การปฏิรูปการเมือง นอกจากนี้ควรงดใช้สถาบัน เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์หรือคำขวัญการรณรงค์ เพื่อทำลายอีกฝั่งหนึ่ง แต่ควรยกระดับคำขวัญให้เป็นการพัฒนาการปฏิรูปการเมือง

ประชาชาติ

จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 22 ม.ค. 49 04:41:29 ]