ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าขายในนามนิติบุคคล จะต้องเสียภาษี แต่นายกไม่ต้องการเสียภาษี จึงขายในนามส่วนตัว (ไม่แน่ใจนะครับ) ซึ่งช่องว่างของกฎหมายว่า ไม่ต้องเสียภาษี การกระทำนี้ ก็เรียกว่า เลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมาย ครับ ปล. ตามที่ผมเข้าใจก็ตามนั้นนะครับ ถ้าผิด-ถูกประการใด ก็ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : (ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z - [ 24 ม.ค. 49 17:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นที่ 1   ถ้าขายในนามนิติบุคคล จะต้องเสียภาษี แต่นายกไม่ต้องการเสียภาษี จึงขายในนามส่วนตัว (ไม่แน่ใจนะครับ) ซึ่งช่องว่างของกฎหมายว่า ไม่ต้องเสียภาษี การกระทำนี้ ก็เรียกว่า เลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมาย ครับ ปล. ตามที่ผมเข้าใจก็ตามนั้นนะครับ ถ้าผิด-ถูกประการใด ก็ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : (ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z   - [ 24 ม.ค. 49 17:31:40 ] ----------------------------------------------------------- เช่นกันครับ จากคุณ : yod_envi - [ 24 ม.ค. 49 17:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 #1 มันไม่ได้เรียกว่าเลี่ยงนะครับ เพราะว่าเราเลือกได้ว่าจะซื้อขายแบบไหน อย่างทุกปีที่เราขอลดหย่อนภาษี เราก็เรียกว่าช่องทาง ไม่ได้เลี่ยง ถูกไหมครับ จากคุณ : kenghot - [ 24 ม.ค. 49 17:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนแรกก็คิดว่า ทำอะไรได้กำไรมันก็ต้องเสียภาษีสิ แต่พอฟังไปฟังมา อ้าว ก็กฏหมายเขาว่าเอาไว้อย่างงี้ จะไปว่าเขาไม่ได้หรอก ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องแก้กฏหมายกันใหม่ จึงจะมีสิทธิไปเรียกเก็บภาษีจากการที่ทักษิณขายหุ้นในนามบุคคล เรื่องนี้ถึงจะเกลียดทักษิณแค่ไหน แต่ก็ไปว่าเขาไม่ได้ ถ้าเรียกเก็บทักษิณ มันมิต้องไปเรียกเก็บกันในตลาดหุ้นทั้งหมดให้วุ่นวายตายโหงหรือ กฏหมาย มันจะให้เลือกปฏิบัติได้ยังงัย จากคุณ : waytarn - [ 24 ม.ค. 49 17:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไปเจอกระทู้ที่ห้องสินธร เขาพูดถึงอีกกรณีหนึ่ง ของการขายหุ้น Big Lot รายหนึ่งผ่านตลาดเหมือนกัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนเรื่องเลี่ยงภาษีหรือไม่ไม่ขอพูดนะ เพราะเขาไม่ได้ระบุไว้ คงต้องวานผู้รู้ช่วยตอบ ................................ "บล.บัวหลวง"ขายไอพีโอ40ล้านหุ้น "เจ.พี.มอร์แกน-กรณ์" ทิ้งหมดพอร์ต ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งหุ้น บล.บัวหลวง เสนอขายไอพีโอ 40 ล้านหุ้น เป็นหุ้นเก่าที่ขายโดยกลุ่ม เจ.พี.มอร์แกน 12.5 ล้านหุ้น ขณะที่ "กรณ์ จาติกวณิช" เตรียมทำบิ๊กล็อต 5.65 ล้านหุ้น โยนให้พนักงาน-กรรมการบริษัทในกระดานวันแรก คาดเปิดขายหุ้นปลายเดือนม.ค.48 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานก.ล.ต.ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้น(ไฟลิ่ง) หุ้นบริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นวันแรก โดยบล.บัวหลวง จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) จำนวน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2 บาท ทั้งนี้หุ้นไอพีโอที่เสนอขายจำนวน 40 ล้านหุ้น แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 27.5 ล้านหุ้น ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บล.บัวหลวง จะนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการพัฒนาธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตตามความเหมาะสม และสำรองเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 12.5 ล้านหุ้น เป็นการเสนอขายโดยกลุ่ม เจ.พี.มอร์แกน นอกจากนี้หุ้นที่ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.พี.มอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งปัจจุบันถือ บล.บัวหลวง จำนวน 6.25 ล้านหุ้นนั้น นายกรณ์ จะนำหุ้นดังกล่าวออกมาจำนวน 5.65 ล้านหุ้น ขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท โดยจะทำการขายหุ้นดังกล่าวบนกระดานรายใหญ่(บิ๊กล็อต) ในวันแรกที่หุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเสนอขายในราคาเดียวกับราคาไอพีโอ และภายหลังการขายหุ้นออกมา นายกรณ์ จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นเพียง 6 แสนหุ้น คิดเป็น 0.33% สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บล.บัวหลวง ยังเป็นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยปัจจุบันถือหุ้นจำนวน 80.90 ล้านหุ้น คิดเป็น 61.29% อย่างไรก็ตามภายหลังการเสนอขายไอพีโอ สัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารกรุงเทพจะลดลงเหลือ 56.34% ซึ่งนับรวมสิทธิในการถือหุ้นจากหุ้นกู้แปลงภาพด้วยจำนวน 20.5 ล้านหุ้น ก่อนที่ จะเป็น บล.บัวหลวงนั้น เปลี่ยนชื่อมาจาก บล. เจเอฟ ธนาคม ของตระกูล จาติกวณิช และเปลี่ยนมาเป็นบล.เจเอฟ เจ.พี. มอร์แกน(ประเทศไทย) โดย จาดีน เฟลมมิ่ง ถือหุ้นใหญ่ ต่อมา จาดีนฯ ได้ขายหุ้นออก จึงเหลือเพียงชื่อ บล.เจ.พี.มอร์แกน(ประเทศไทย) จากนั้นธนาคารกรุงเทพเข้ามาถือหุ้นใหญ่ จึงเปลี่ยนมาเป็น บล.บัวหลวงในที่สุด "เมื่อเดือน พ.ย.2547 บริษัทได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 300 ล้านหุ้น อายุ 2 ปี ให้แก่ ธนาคารกรุงเทพ และได้ออกหุ้นสามัญรองรับการแปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 20.50 หุ้น โดยมีอัตราแปลงสภาพเท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นกู้แปลงสภาพหารด้วยราคาแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยราคาแปลงสภาพต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ จะต้องเท่ากับราคาหุ้นที่บริษัทเสนอขายไอพีโอ" ทั้งนี้ปัจจุบัน บล.บัวหลวง มีสาขาหลักทรัพย์รวมทั้งสิ้น 23 สาขา แบ่งเป็นสาขาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 14 แห่ง และในเขตต่างจังหวัดจำนวน 9 แห่งครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ ส่วนผลประกอบการมีการเติบโตต่อเนื่องโดยงวด 9 เดือนแรกปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 739.53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 115.61 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 1,504.23 ล้านบาท หนี้สินรวม 993.44 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 510.79 ล้านบาท เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิเท่ากับ 43.92% ส่วนปี 2546 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,042.22 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 187.11 ล้านบาท นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการของบล.บัวหลวง ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 52.80 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 0.40 บาท โดยจำนวนจากจำนวนหุ้นทั้งหมด 132 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นจำนวนภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่กรรมการและพนักงานจำนวน 7 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 2-3 ธ.ค.2547 ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท โดยหุ้นที่เสนอขายแก่กรรมการและพนักงานในครั้งนี้ มีกำหนดระยะเวลาห้ามขายเป็นเวลา 2 ปี แหล่งข่าวบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดิมแผนเสนอขายหุ้นของบริษัทนั้นได้กำหนดไว้กลางเดือนธ.ค.นี้ เนื่องจากเป็นช่วงครบรอบ 3 ปี การก่อตั้งบริษัท แต่เนื่องจากเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้กระบวนการตรวจสอบแบบไฟลิ่ง ของบริษัทล่าช้าไป อย่างไรก็ตามบริษัทได้กำหนดช่วงเวลาเสนอขายหุ้นใหม่ไว้แล้ว โดยจะขายในช่วงปลายเดือนม.ค.ปีหน้า http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I4048932/I4048932.html จากคุณ : TSC - [ 24 ม.ค. 49 17:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คห.3 ขอบคุณที่ชี้แนะครับ งั้นเปลี่ยนใหม่เป็นนายกขายหุ้นโดยใช้ช่องทางที่ไม่ต้องเสียภาษี <-- ถูกต้องไหมครับ จากคุณ : (ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z - [ 24 ม.ค. 49 18:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กระทู้นี้บอกให้เห็นพวกไม่เล่นหุ้นหลายคน ไม่เพราะว่าไม่มีกะตังเล่น ไม่เพราะว่าไม่กล้าเล่น ไม่เพราะอายุไม่ถึง อิ อิ อิ จากคุณ : Cool Popstick - [ 24 ม.ค. 49 18:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลำดับ   ผู้ถือหุ้นรายใหญ่   จำนวนหุ้น (หุ้น)   % หุ้น 1 น.ส.พินทองทา ชินวัตร 440,000,000 14.67 2 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 404,430,300 13.49 3 UBS AG,SINGAPORE BRANCH-FOR A/C AMPLE RI 329,200,000 10.98 4 นายพานทองแท้ ชินวัตร 293,950,220 9.80 นี่คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ shin มีลำดับที่สามเท่านั้นที่อยู่ในนามนิติบุคคล(อันนี้ไม่แน่ใจนะว่านิติบุลคลหรือเปล่านะ) แล้วคุณจะเอากฏหมายที่ไหนไปเรียกเก็บเงินภาษีกับเขาหละครับ ใจกว้างๆหน่อย เขาถือในนามบุคคลธรรมดา จะให้เขาเปลี่ยนเป็นในนามนิติบุคคลแล้วเสียภาษีเหรอ ทำได้เหรอหละ ???????? แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 49 18:24:52 จากคุณ : waytarn - [ 24 ม.ค. 49 18:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในตลาดถึงมีแต่บุคคลธรรมดาเต็มไปหมด เจอนิติบุคคลมาตีตั๋วเด็ก ซึ่งออก กม.ไว้ส่งเสริมการลงทุน แอบตกลงกันนอกตลาด คิดดู โอนที่ดินให้ลูกยังเสียภาษีบานเลย นี่โอน บริษิทกัน ทรัพย์สินขนาดไหน ไม่เสียสักบาท เสียแต่ vat 7% ของค่าคอมอีกที ไม่กี่สิบล้าน เชื่อปะว่าเดี๋ยวทักษิณจะอุดช่องหมารอดนี้เอง จากคุณ : Dr.slump - [ 24 ม.ค. 49 18:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทำจำกันไม่ได้ ก่อนเป็นนายก ก็ให้คนใช้ยืมหุ้นไปถือเล่น ๆ พักใหญ่  เพราะไม่เจตนา ก็ไม่ผิด  ครั้งนี้ก็ไม่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายเปิดช่องไว้สำหรับคนระดับด๊อกเตอร์   คนความรู้ดีเขารู้จักหาช่องทางให้ตัวเองอยู่เหนือคนอื่นทั้งนั้น พวกคุณเรียนมาน้อยเองโทษตัวเองดีกว่าที่ฉลาดไม่เท่าเขา จากคุณ : heto39 - [ 24 ม.ค. 49 18:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อยากเก่งต้องขยันอ่านขยันคิด นะจ๊ะเด็กๆ จากคุณ : Dr.slump - [ 24 ม.ค. 49 18:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นายแน่มาก 20-1-49 ประกาศเป็นกฏหมาย 21-1-49 ลงในกิจจานุเบกษา 23-1-49 ขายหุ้น มิน่าก่อนป็นนายก ยังไม่เห็นฝุ่น เป็นนายก 5 ปีเป็นเศษฐีอันดับ 14 ของโลก ถ้าเป็น 8 ปี คงเป็นอันดับ 1 ของโลก มิน่าคนใน รดน จำนวนมาก จึงเชียรท่านเหลือเกิน ท่านเก่งอย่างนี้นี่เอง(ดีใจเหลือเกิน ที่คนไทย จะได้เป็นเศษฐีอันดับ 1 ของโลก ฮิฯฯ) จากคุณ : ตาสว่าง (rat & cat) - [ 24 ม.ค. 49 20:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กองทุนวายุฯ กองทุนกบข ซื้อหุ้นเรียกว่าตีตั๋วเด็กมั๊ย ทำไมไม่โวยล่ะท่าน ปลจะใครก็แล้วแต่ซื้อหุ้นไม่ต้องจ่ายอยู่แล้น ขืนจ่ายก็เลิกเล่นหุ้น ยุบตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นเอง ไม่ได้เล่นหุ้น เล่นไม่เป็น ช่ายมั๊ยเนี่ย?????? ปล สารพัดคนจนไม่มีปัญญาตั้งบริษัทเองเล่นหุ้นให้กำไรล้างมือบนอ่างทองคำก็หัดเอาไว้ ไม่ใช่หัดทำตาร้อนแขวะนะท่าน ตาร้านไปเงินประเป๋าก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น ต้องซื้อยามาลดความดัน ทุรังสูงอีกต่างหาก อ่ะๆ...... กระป๋มไม่ได้เลียนะคร๊าบ แต่ว่ากติกาของตลาดหุ้นมันว่าอย่างนั้น สะใจจริงๆยังไม่มีพวกที่โวยให้เขาขาย ท้าเขาเหยงๆ วันนี้เขาขาย แบะๆๆๆๆเป็นแพะกิน พอตั้งตัวได้เอาเรื่องภาษี ทั้งๆที่เข้าใจผิดๆปล่อยให้สัตว์ปีกบินว่อนเก็บแทบไม่ทัน เห็นชัดๆ จะๆ เจ๋งๆ เลยทีนี้ว่ามิน่า ทำไมไปไหนไม่รอด อิ อิ อิ จากคุณ : Cool Popstick - [ 24 ม.ค. 49 21:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 # 8  ถูกต้อง ที่ บุคคลธรรมดา สามรายนั้น ไม่ต้องเสียภาษี     แต่  ตอน ที่ จะได้หุ้น มานั่นหละ     ช็อตปัญหามันอยู่ ตรงนั้น            ไม่ได้อยู่  ตอนขายให้เทมาเซค   บรรณพจน์ - โอ๊ค - เอม - อุ๊งอิ๊ง - ยิ่งลักษณ์   เหล่านี้ ได้หุ้น มาในราคา ที่แจ้งไว้ ต่ำกว่าการซื้อขายในตลาดมาก  สำหรับกรณีชาวบ้าน ทั่วไป สรรพากร เรียกพบ และประเมินส่วนต่างเป็นเงินได้ และเรียกเก็บ เลย ..   แต่กรณีนี้ สรรพากร  เคยชี้แจง  ต่อคณะกรรมการตรวจสอบทุจริตของรัฐสภาว่า  ผู้รับโอน ไม่ได้ขายออก  จึงยังถือไม่ได้ว่าเกิดเงินได้ ....  ตอนนั้น คงไม่คิดสินะ   ว่า ทักษิณ จะสั่งขายหุ้นให้หมด  มาถึงตอนนี้ เลยตะแบงจนสีข้างแดงเถือกทั้งกรม จากคุณ : รักที่นี่จังเลย - [ 24 ม.ค. 49 21:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #14 รู้ทันหมดเลย แหะๆ จากคุณ : Dr.slump - [ 24 ม.ค. 49 22:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #14 อย่างนี้ตอนขายก็ต้องเสียภาษี ในส่วนที่เกิดเป็นรายได้ซิครับ (ไม่เสียภาษีเพราะขายหุ้น แต่เสียเพราะมีรายได้จากการรับหุ้นมาแล้วขายออกไป) ? จากคุณ : MAX - [ 24 ม.ค. 49 23:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ #16   ก็ประมาณ สองหมื่น ล้าน ครับ  ..  ใครจะยอม จากคุณ : รักที่นี่จังเลย - [ 24 ม.ค. 49 23:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขายหุ้นไม่เสียภาษีผิดไหม กฏหมายบอกว่าไม่ผิด ผมก็คิดว่าไม่ผิดเพราะเราเลือกปฏิบัติกับใครบางคนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกฏหมายก็จะไม่ใช่กฏหมาย ถ้าคนส่วนใหญ่คิดว่ากฏหมายไม่ดี ก็ต้องไปแก้กฏหมาย ซึ่งก็คือการเลือกนักการเมืองเข้าไปเป็นตัวแทนเรานั้นเอง ... สำหรับคุณทักษิณขายหุ้นคราวนี้ผมว่าไม่ผิด แต่ผิดที่เป็นนายกมาห้าปี ออกกฏหมายเอื้อประโยชน์ (ล่าสุดจาก 25 เป็น 49%) ห้าปีที่ผ่านมาเข้าควบกิจการผู้อื่นโดยใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง ใครสนับสนุนก็เอื้อ ใครคัดค้านก็กลั่นแกล้ง อันนี้ถ้าใครจะเถียงว่าไม่ผิดหรือไร้หลักฐานก็เถียงไปเถอะ แต่สำหรับผมห้าปีที่ผ่านคุณทักษิณและพวกทำเช่นนี้อยู่บ่อยมากจริง ๆ จากคุณ : internetsmile - [ 24 ม.ค. 49 23:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นมันอยู่ที่ ตาแม้วเป็นนายยกรัฐมนตรี เห็นช่องว่างของกฏหมายก็ต้องรีบอุด รีบแก้เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่รีบหยิบเอามาเป็นประโยชน์แกตนและญาติมิตรเช่นนี้ แค่นี้ก๊สะท้อนจิตใจนายคนนี้ชัดเจนแล้วพี่น้อง.......อิ อิ อิ จากคุณ : นายกเมีย (4+4=Dd) - [ 25 ม.ค. 49 06:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การโอนหุ้นหรือซื้อขายหุ้นในราคาต่ำให้กับเครือญาติ แล้วไม่ต้องเสียภาษีจากส่วนต่าง สรรพากรบอกว่า ยังไม่ได้ขายเลยยังไม่ถือเป็นรายได้ (แต่ที่บริษัทแจกหุ้นให้พนักงาน และบังคับให้พนักงานถือหุ้น 2 - 3 ปี สรรพากรบอกให้นำไปคำนวณภาษีประจำปีด้วย) แต่พอขายจริง สรรพากรบอกว่า ไม่ต้องเสียภาษี เพราะซื้อขายในตลาด อย่างนี้ต้องเรียก Multi-Standard ครับ แค่ Double คงไม่พอ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 49 10:33:42 จากคุณ : ึิคิดเองก็เป็น เลือกข้อนี้ (กาเฉม) - [ 25 ม.ค. 49 10:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บริษัทแจกหุ้นให้พนักงาน ก็แทนเงินโบนัส เป็นรายได้ ก็ต้องเสียภาษีถูกต้องแล้วนี่นา  ไม่ได้ให้เครือญาติสักหน่อย ยกตัวอย่างให้ตรงหน่อยสิ เช่น คนที่โอนหุ้นให้ญาติแล้วต้องเสียภาษี จากคุณ : ZtahC - [ 25 ม.ค. 49 14:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หุ้นยังไม่ได้ขาย ยังไม่มีตัวเงินเหมือนกัน แต่สรรพากรให้นำไปคำนวนเสียภาษีในปีนั้น ๆ เลยน่ะสิ ส่วนที่ขายให้ญาติต่ำกว่าทุนหรือมอบให้ฟรี ๆ น่ะ ไม่รู้ชาตินี้ จะได้ภาษีจากตรงนั้นหรือเปล่า ตัวอย่างน่ะตรงแล้ว อ่านให้เข้าใจก่อนค่อยพูด แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 49 17:27:59 จากคุณ : กาเฉม - [ 25 ม.ค. 49 17:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บอกแล้น...มีแต่พรรคพวกไม่มีสมบัติที่จะโอนให้ลูก เลยออกมาเย้วๆๆ.... อ้าจะให้เขาจ่ายระวังเถอะมรดกจากญาติผู้ใหญ่คุณจะจ่ายมั๊ย..... เช่นพ่อซื้อรถให้ จ่ายภาษีดีมั๊ย........... ตอบได้คำเดียวของพ่อกรู...ไม่จ่ายเฟ้ย..... มันก็ดับเบิ้ลนั่นแหละว้า....... กรุณาเก็บสัตว์ปีกที่ปล่อยออกมาด้วย อิ อิ อิ จากคุณ : Cool Popstick - [ 25 ม.ค. 49 19:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คงไม่ช่ว่าพอตัวเองขายหุ้นแล้ว ค่อยแก้กฎหมายอุดช่องโหว่นี้นะ จากคุณ : (ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z - [ 26 ม.ค. 49 00:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ(ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z เห็นว่านายกลอนที่ขายบ.หลักทรัพย์ของตัวเอง แบบ big lot ผ่านตลาดหุ้นในนามบุคคลไปแล้วเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน จะเสนอแนวคิดให้เพิ่มภาษีที่ว่าอยู่พอดี อย่างนี้เข้าข่าย... "พอตัวเองขายหุ้นแล้ว ค่อยแก้กฎหมายอุดช่องโหว่นี้" หรือเปล่า ? ตอนนี้นักลงทุนรายย่อยเขากำลังอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่นี่แหละคุณเอ๊ย! จากคุณ : TSC - [ 26 ม.ค. 49 15:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ TSC ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นผมไม่ได้ติดตามข่าว แต่ถ้าทำจริงมันก็น่าเกลียดหน่อยนะครับ จากคุณ : (ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z - [ 28 ม.ค. 49 10:14:42 ]