ความคิดเห็นที่ 1 มันผิดปกติอะไร...ไม่เห็นเข้าใจ...มันก็คือข้อเท็จจริงตามนั้น... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 16:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองคลิกที่ชื่อหลักทรัพย์ SHIN ในแต่ละรายการ จะพบว่าชื่อ Contact person (บุคคลที่ติดต่อได้) ของทั้ง AmpleRich , ตระกูลชินฯ และ ตระกูลดามาฯ คือ Ms. Kanjanapa Honghern (นางกาญจนาภา หงษ์เหิน) โดยที่ไม่ระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้ได้มา/จำหน่าย ในขณะที่ บุคคลที่ติดต่อได้ของทางสิงคโปร์คือ นายเอส ไอสวาราน และ/หรือ นางสาว ไช ยู จู ระบุความสัมพันธ์กับผู้ได้มา/จำหน่ายเป็น กรรมการบริษัท ---------------------------------------------------------------------- โดยที่นางกาญจนาภา เป็นเลขาฯ ของกลุ่มชินฯ แต่กลับเป็น Contact Person ของ AmpleRich ด้วย??? เรื่องราวมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่านทั้งหลาย จากคุณ : , (jerasak) - [ 29 ม.ค. 49 16:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เซ็ง จากคุณ : คุณดี. ซี. - [ 29 ม.ค. 49 16:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นั่นดิ...แล้วมันผิดปกติยังงาย.....มีปัญญาวิเคราะห์รึปล่าว... ที่พูดมานั่น มันเป็นรายงาน ที่ปกติ...ไม่งั้นคุณจะเอามาได้เหรอ...ใครก็รู้...รายชื่อคนพวกนี้ ก็คือผู้ถือหุ้นตามรายงานของ กลต. และคนหนึ่ง ก็เป็น เลขาส่วนตัว... ยังไม่เห็นอะไรผิดปกติ...ลองอีกหน่อย...วิเคราะห์ซิ.. จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 16:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อมูลดีครับ ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้จะดีกว่า คุณเอาข้อมูลนี้ ไปให้พรรคประชาธิปัตย์ แล้วขอให้ ปชป. นำข้อมูลนี้ ไปแจ้งความ คราวนี้ คุณทักษิณจะได้ติดคุกเสียที ผมรอดูอยู่ครับ รอมาตั้งแต่คดีซุกหุ้น คดีทั้งหลายที่คุณทักษิณเป็นจำเลย รวมทั้งที่คุณถาวร เสนเนียมประกาศว่าจะเอาคุณทักษิณเข้าคุกตอนเครื่องซีทีเอ็กซ์ครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 16:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นายขนมต้ม...ไม่ต้องต่อความยาว สาวความยืดครับ...ผมอยากดูว่า เขาจะวิเคราะห์เป็นหรือไม่ จากข้อมูลที่เอามาลงอยูในตอนนี้...ว่ามันมีประเด็นอะไร...ซึ่งผมจะดูซิว่า...อ่านข้อมูลเป็นรึปล่าว... อยากดูว่า จขกท. จะเดินเรื่องยังไง...จากข้อมูลนี้... ส่วนนายยอดมือปราบ...นั่นตกไป....เข้ามาสบถ...แสดงว่าแค่ระดับกองเชียร์ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 16:47:50 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 16:46:25 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 16:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามอ่านเจ๋ย ๆ เรื่องแบบนี้ถ้าผิดกฏหมายฝ่ายค้านเอาตาย คอยดูฝ่ายค้านสิ จะแสดงอะไรอีก? อย่าพูดเรื่องจริยธรรมนะ เพราะมันไม่มีใครดีกว่าใคร ดีไม่ดีคนพูดจะเลวกว่าเสียอีก ยุคนี้ต้องใช้คนเลว ๆ มาเป็นฝ่ายค้านเนอะ แปลกดี จากคุณ : ขุนอิน - [ 29 ม.ค. 49 16:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าว...จขกท...ตกลงมันผิดปกติยังไง.ครับ...รออ่านครับ หลายคนจดจ่อ...ครับ จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 16:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ... สงสัยเอาข้อมูลไปให้ฝ่ายค้านแล้วมั๊ง ... จากคุณ : จำใจอยู่ สู้ต่อไป - [ 29 ม.ค. 49 16:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไอ้ผมไม่มีความรู้เรื่องหุ้น เรื่อง อะไรเท่าไร สรุปว่ามันผิดยังไง ผิดกฏหมายตรงไหนครับ ผมอยากได้ข้อมูล รอฟังอยู่เหมือนกัน จากคุณ : หน้าดำเปา - [ 29 ม.ค. 49 17:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การออก พรบ.ให้ต่างชาติครองได้ เกือบ 50 % เพื่อเอื้อการขายหุ้นคราวนี้กระบือประจำราชดำเนินทำไร้เดียงสาไม่รู้เจตนา ยังแก้แทนไอ้ขี้โกงอยู่ได้ หนาและกระบือจริงๆ จากคุณ : ไม่แก่เพราะอยู่นาน - [ 29 ม.ค. 49 17:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 การออก พรบ.ให้ต่างชาติครองได้ เกือบ 50 %....นี่มันนอกประเด็น...เอาไว้ทีหลัง...ประเด็นนี้เด็กๆ...อย่าพึ่งเบี่ยงเบนหัวข้อ จขกท. เอาเรื่องที่ จขกท. เอามาลงนี่ มันมีอะไรผิดปกติ... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 17:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การออก พรบ.ให้ต่างชาติครองได้ เกือบ 50 % เพื่อเอื้อการขายหุ้นคราวนี้กระบือประจำราชดำเนินทำไร้เดียงสาไม่รู้เจตนา ยังแก้แทนไอ้ขี้โกงอยู่ได้ หนาและกระบือจริงๆ จากคุณ : ไม่แก่เพราะอยู่นาน ---------------- คุณไปเปิดกระทู้รอไว้เลย..ประเด็นนี้...เดี๋ยวผมตามไป... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 17:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลอกมาให้  TRAT  อ่าน....เมื่อยมือขี้เกียจพิมพ์ ความคิดเห็นที่ 12   ประเทศชาติ ต้องการผู้นำ เพื่อ ดำรงค์ความถูกต้อง ต่อประเทศ เมื่อเห็นว่า กฎหมาย  ที่ออกมามีช่องโหว่ ให้พวก ตัว เห  แต่  มีความรู้ใช้ช่องกฎหมาย เพื่อเอารัด เอาเปรียบในสังคม ถาม นายแตรด ว่า ผู้นำประเทศที่ดีควร 1. แก้กฎหมายดังกล่าว เพื่อป้องกัน การกระทำน่าละอายเยี่ยงหรือ 2. ใช้ช่องกฎหมายนั้นซะเอง เพื่อความร่ำรวย   และ ออกมา:-) ว่า ผมทำถูกกฎหมาย 3. สร้างกฎหมายใหม่ เพื่อให้ตัวเอง แดรก ได้มากกว่าเดิม กรุณาใช้ สมอง ด้านศีลธรรมก่อนตอบ ยิ้มครับ จากคุณ : ช้างยิ้ม  - [ 29 ม.ค. 49 17:17:56 ] จากคุณ : tropheus - [ 29 ม.ค. 49 17:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แสดงว่ากฏหมายนี้ออกมาใช้แค่ครั้งนี้ แล้วกฏหมายนี้ตกไปเลยใช่หรือไม่ กฏหมายนี้มีการนำเสนอตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นผู้ผ่านความเห็นชอบของกฏหมาย สภาล่างอย่างเดียว หรือว่าทั้งสองสภา คำว่าใช้ช่องของกฏหมาย นี่หมายถึง การดำเนินการตาม กฏหมายใช่หรือไม่ ผมกระบือจริง ๆ แต่ก็อยากทราบเพื่อจะฉลาดขึ้นบ้าง ไม่ได้กวนนะครับพูดจริง ๆ จากคุณ : หน้าดำเปา - [ 29 ม.ค. 49 17:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ้างอิง กรุงเทพธุรกิจ 29 มค. 48 หน้า 2 ครับ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ได้ตั้งข้อสังเกตดังนี้ครับ กฏหมายได้นิยามความหมายของคำว่า "หุ้น" กับ "หลักทรัพย์" ต่างกันกล่าวคือ เงินลงทุนของบ.มหาชน ก่อนเข้าตลาดหลักทรพย์เรียกว่าหุ้น และเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วมี 2 สถานะ คือเป็นได้ทั้งหุ้นนอกตลาด และ หลักทรัพย์ในตลาด ถ้าขายนอกตลาดต้องเสียภาษี ถ้าขายในตลาดไม่ต้องเสียภาษี ปัญหาคือการขายหุ้นจากครอบครับชินวัตรให้ บ.รวยเหลือเฟือ ก่อนหน้านี้ขายในลักษณะหุ้นนอกตลาด (John "เพื่อประหยัดไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชันให้แก่บริษัทหลักทรัพย์") แต่เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา บ. รวยเหลือเฟือได้ขายหุ้นในลักษณะ หลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์คืนให้แก่ครอบครัวชินวัตร (John "เพื่อหวังประหยัดภาษี") ประเด็นคือ เมื่อขายหุ้นนอกตลาดให้แก่ บ. รวยเหลือเฟือ หุ้นนอกตลาดดังกล่าว ยังคงสภาพการเป็น "หุ้น" (John "ตามการตีความตามกฏหมาย ต้องยึดถือเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติประชาชน เป็นที่ตั้ง") แล้วหุ้นดังกล่าวกลายสภาพเป็น "หลักทรัพย์" ในวันที่ 20 ม.ค. "ไม่มีกฏหมายที่ไหนในโลก ที่ยอมให้วันหนึ่งเป็นหุ้น แต่อีกวันหนึ่งพอจะเอา ประโยชน์ก็บอกเป็นหลักทรัพย์ นี่เป็นหลักของความซื่อสัตย์" แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 17:45:38 จากคุณ : *John* - [ 29 ม.ค. 49 17:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : tropheus คห. 16 ไปนั่งรอรวมกันกับ..คห. 13  เรื่องเดียวกัน... ----------------------- ตอนนี้เอาเรื่องแอมเพิลริช...ให้เคลียจากผู้สงสัย..ว่าเขามีประเด็นอะไร....ตอนนี้รออยู่... จากตารางนี้ ซึ่ง กลต. เขาเปิดเผยต่อสธารณะอยู่แล้วเนี่ย...มันมีอะรผิดปกติ....เรื่องราวมันคืออะไร... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 17:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ยังมีประเด็นย่อยถามถึงการทำงานของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครับ เช่น ทำไมไม่มีการแจ้งแก่นักลงทุนในวันที่ 20 ม.ค. ถึงการซื้อขายหุ้นที่เกิดขึ้นในกระดาน Big Lot หากเป็นการซื้อขายผ่านตลาดจริง (ไม่ใช่มาตามแก้กันทีหลัง) ประเด็นการระงับการซื้อขายในวันที่ 23 ม.ค. เมื่อมีการซื้อขายผิดปกติ ฯลฯ จากคุณ : *John* - [ 29 ม.ค. 49 17:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แสดงว่ากฏหมายนี้ออกมาใช้แค่ครั้งนี้ แล้วกฏหมายนี้ตกไปเลยใช่หรือไม่ -------ตามที่ผมเข้าใจ : กฎหมายนี้ออกมาเพื่อการนี้ แล้วยังคงใช้ต่อไป กฏหมายนี้มีการนำเสนอตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นผู้ผ่านความเห็นชอบของกฏหมาย สภาล่างอย่างเดียว หรือว่าทั้งสองสภา -------กฎหมายนี้ : มีมาก่อนแต่มีการแก้ไขในรัฐบาลนี้ ต้องผ่านสภาแน่นอน แต่ ทรท. + สว.ทรท = 375 + เกินร้อย คำว่าใช้ช่องของกฏหมาย นี่หมายถึง การดำเนินการตาม กฏหมายใช่หรือไม่ -------ดำเนินตามกฎหมาย : ถูกต้อง แต่ไม่สมควร ถ้ายังอยู่ในฐานะ นายกรัฐมนตรี แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 17:54:33 จากคุณ : tropheus - [ 29 ม.ค. 49 17:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขออนุญาตสงสัยหน่อยนะครับ  คือ  เห็นหนังสือพิมพ์ลงว่า AmpleRich ขายหุ้นให้ ลูก ๆ เขานั้นน่ะ ในราคา 1 บาท  คือ ขาย 1 บาทจริง ๆ เหรอครับ  เพราะดูจากรายงานของ กลต. ตาม Link ของ จขกท. ให้มา ก็ไม่ได้ระบุราคาซื้อหรือขายมาด้วย  จริง ๆ กลต. น่าจะระบุมาด้วยนะ จากคุณ : แบดแมน - [ 29 ม.ค. 49 17:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ : *John* นิยามมีความหมายเดียว ตาม พรบ. หลักทรัพย์ 2535 มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "หลักทรัพย์" หมายความว่า (1) ตั๋วเงินคลัง (2) พันธบัตร (3) ตั๋วเงิน (4) หุ้น (5) หุ้นกู้ (6) หน่วยลงทุนอันได้แก่ ตราสารหรือหลักฐานแสดงสิทธิในทรัพย์ สินของกองทุนรวม (7) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (8) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ (9) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน (10) ตราสารอื่นใดที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด และให้ความหมายการค้าหลัทรัพย์ ว่า... "การค้าหลักทรัพย์" หมายความว่า การซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนหลัก ทรัพย์ ในนามของตนเองเป็นทางค้าปกติโดยกระทำนอกตลาดหลักทรัพย์ หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ ----------- จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 17:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ยังมีประเด็นย่อยถามถึงการทำงานของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครับ เช่น ทำไมไม่มีการแจ้งแก่นักลงทุนในวันที่ 20 ม.ค. ถึงการซื้อขายหุ้นที่เกิดขึ้นในกระดาน Big Lot หากเป็นการซื้อขายผ่านตลาดจริง (ไม่ใช่มาตามแก้กันทีหลัง) ประเด็นการระงับการซื้อขายในวันที่ 23 ม.ค. เมื่อมีการซื้อขายผิดปกติ ฯลฯ จากคุณ : *John* --------------------- มันเป็นการซื้อขายนอกตลาด ในวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ ปิดทำการ ก็มาแจ้งในวันจันทร์...ก็ถูกต้องแล้ว...เพราะในกฎหมาย กลต. ต้องแจ้งหากมีการเปลี่ยนแปลงใดในหุ้นเกิน5 % ซึ่งเขาก็ได้แจ้ง กลต. ตามรายงานดังกล่าวถูกต้อง... เรื่องประหยัด ค่าคอม...โอย...แค่ 0.25 %  มันไม่ใช่ประเด็นเลยครับ สำหรับนักเล่นหุ้น... ส่วนประเด็น มีการระงับการซื้อขาย ในช่วงเวลาหลังจากมีการซื้อขายล็อตใหญ่...นั่นก็เป็นหน้าที่ ของ ตลท. ที่ต้องดูแลการเปลี่ยนแปลง หากมีการซื้อขายที่มากกว่าเกินกว่า 25% บนกระดานในคราวเดียว เขาก็ต้องระงับและขึ้นเครื่องหมายตามหน้าที่ของตลาด เพื่อดูความเคลื่อนไหวว่ามีอะไรเกิดขึ้นในหุ้นดังกล่าว...ซึ่งใกล้เวลาปิดตลาดช่วงเที่ยง...มันไม่ได้มีผลอะไรกับรายย่อย.... แล้วหากดูราคารับซื้อ 49.25 มันสูงกว่าราคาบนกระดาน...นักลงทุนรายย่อยไม่มีใครเสียหายจากการดิวครั้งนี้....มีแต่เทามาเสกเท่านั้น ที่ต้องจ่ายมากขึ้น...เมื่อตั้งโต๊ะรับซื้อ เพราะการซื้อขายนั้นสูงกว่าราคาบนกระดาน... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 18:10:12 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตาม ม. 71/1 ของประมวลรัษฎากร บอกว่า “การขาย” หมายความว่า การจำหน่ายถ่ายโอนสินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ และให้รวมถึงการส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขาย ดังนั้นในวันที่คุณเปลี่ยนใจส่งมอบหุ้นเพื่อให้ตัวแทนหรือโบรกเกอร์ไปขายนั้น เท่ากับว่าคุณส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขายแล้ว ก็ต้องเสียภาษีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น กฎหมายบอกว่าสินค้านั้นรวมถึงทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจจะมีราคา และถือเอาได้ว่าจะมีไว้เพื่อขายเพื่อใช้หรือเพื่อการใดๆ แสดงว่าทรัพย์สินไม่ว่าจะมีรูปร่างอะไรก็ได้ ส่งทางอิเล็กทรอนิคส์ก็ถือว่าส่งมอบสำเร็จแล้ว เมื่อมีการเปลี่ยนหุ้นเป็นหลักทรัพย์แล้วมอบให้กับตัวแทน จังหวะนั้นคือการขาย ต้องมีการประเมินภาษี ไม่มีกฎหมายในโลกนี้ยอมหรอก ให้วันหนึ่งเป็นหุ้นแต่อีกวันหนึ่งพอจะเอาประโยชน์บอกเป็นหลักทรัพย์ นี่เป็นหลักแห่งความซื่อสัตย์  ถ้าเป็นอย่างนี้อีกหน่อยคนทำเหมือนนายกฯหมดเลย ประชาชนไม่ได้ภาษี นั่งมองกันตาปริบๆ  วางแผนโดยนักภาษีเต็มรูปแบบ นายกพลาดตั้งแต่ตอนแรก ถ้าขายให้ลูกเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งแต่ต้นก็ไม่มีปัญหา จากคุณ : tropheus - [ 29 ม.ค. 49 18:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าบริษัทนิติบุคคล ขายหุ้นมีกำไรต้องเสียภาษีเงินได้ ในกรณีบริษัทแอมเพิลริช ถ้าขายหุ้นให้สิงคโปร์ต้องเสียภาษีราว ๆ 3000 ล้านบาท แต่บริษัทนี้ใจดีมากกก ขายหุ้นในราคาขาดทุนยับเยิน 1 บาทให้ลูกรักของนายทักกี้จนหมด ประมาณ 160ล้าน จากนั้นวันรุ่งขึ้น เหล่าลูก ๆ ที่รักพ่อเป็นห่วงพ่อเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ขายหุ้นที่ดนมีไปให้กับสิงคโปร์ เมื่อเป็นบุคคลทั่วไป ขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี --------- ประเด็นน่าสงสัย จะมีบริษัทที่ไหนในโลกนี้ที่ยอมขายหุ้นตัวเองในราคาขาดทุน ให้กับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่หุ้นชินก็ไม่ได้แย่อะไร ที่สำคัญสิงคโปร์ยังซื้อต่อไปในราคาเกือบ 50 บาท --- แบบนี้ซุกหุ้นหรือไม่ หลบภาษีหรือไม่ มีจริยธรรมในการดำเนินการหรือไม่ .... ตื่นซะทีคนไทย แล้วพวกลิ่วล้อทั้งหลาย วันไหนชาติพังขึ้นมาช่วยออกมารับผิดชอบบนหน้ากระทู้ด้วยนะ ไม่ใช่เงินหมด ก็หายหัวไปประกอบอาชีพสกปรกอย่างอื่น แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 18:23:24 จากคุณ : หนูมลิน - [ 29 ม.ค. 49 18:21:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณในความเห็นครับ ก่อนอื่น ความคิดเห็นในข้อ 23 ของคุณ Trat ไม่ได้หักล้างใดๆ ต่อความคิดเห็นที่ 18 ของผมเลยครับ ความเห็นที่ 18 ที่ผมอ้างอิงมานั้น ผมเองไม่ใช่นักกฎหมาย และคุณ Trat ก็คงไม่มีความชำนาญในกฎหมายนี้เช่นกัน คงต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือศาลเป็นคนตัดสินครับ แต่อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรจะละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่มิได้ ส่วนการขายหุ้นของ บ.รวยเหลือเฟือคืนให้แก่ตระกูลชิน ในวันศุกร์ที่ 20 นั้นไม่คุณก็ผมเข้าใจผิดครับ ตามที่ปรากฏในข่าว มีความพยายามทำให้การขายคืน deal นี้เป็นการขายในตลาด เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีครับ กล่าวคือถ้ามีการขายคืนนอกตลาด ต้องมีการประเมินภาษีเสียภาษี แม้จะมีการแจ้งและทำบัญชีว่าขายกันที่ราคาหุ้นละ 1 บาท โดยกรมสรรพากรสามารถประเมินราคาหุ้นใหม่ตามราคาตลาด แล้วบังคับให้เสียภาษีจากกำไรตรงนั้นครับ แต่ถ้าขายในหลักทรัพย์ก็หลีกเลี่ยงประเด็นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำไมไม่มีการแจ้งในกระดาน Big Lot จะซื้อขายกี่โมงก็ตาม ตลาดก็ต้องแจ้งให้นักลงทุนทราบครับ ประเด็นประหยัดค่า Commission ใช้่ครับนักลงทุนทั่วไปเขาไม่คิดหรอกครับ 0.25% แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่ครับ ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน โอนให้ บ. รวยเหลือเฟือ เพื่ออะไรครับ ไม่ใช่ขายจริงแน่นอน ดังนี้นเมื่อไม่เกิดรายได้ก็ไม่อยากเกิดรายจ่ายครับ และต้องจ่ายทั้งฝ่ายซื้อและขาย รวมเป็น 0.5 % ของเงินกว่าหมื่นล้านคุณว่า มากหรือน้อยครับ คุณ Trat ยินดีเสียเงินก้อนนั้นไหมครับ จากคุณ : *John* - [ 29 ม.ค. 49 18:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 18:29:03 จากคุณ : *John* - [ 29 ม.ค. 49 18:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นหนังสือพิมพ์ลงว่า AmpleRich ขายหุ้นให้ ลูก ๆ เขานั้นน่ะ ในราคา 1 บาท  คือ ขาย 1 บาทจริง ๆ เหรอครับ  เพราะดูจากรายงานของ กลต. ตาม Link ของ จขกท. ให้มา ก็ไม่ได้ระบุราคาซื้อหรือขายมาด้วย  จริง ๆ กลต. น่าจะระบุมาด้วยนะ จากคุณ : แบดแมน ------------------------- หุ้นที่ดีลเฉพาะในส่วนของลูกนายก..เดิมมีอยู่ 2ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือถือเอง และส่วนหนึ่งถือในนามแอมเพิลริช...ซึ่งเป็นอินเวสเม้นท์ ปกติของนักลงทุน..ซึ่งสามารถทำได้ และมันก็ปรากฎในรายงานของ ตลท. ต่อนักลงทุนตั้งแต่ ปี 2542  ไม่ใช่สิ่งซ่อนเร้นอะไร...เขาแจ้งด้วยว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ไม่มีผลต่อโครงสร้างของบริษัท...แล้วมีการรายงานการเปลี่ยนแปลงของหุ้นตามกฎหมายทุกครั้ง ที่เกิน 5% ครั้งนั้นก็รายงาน ตามที่ข่าวเสนอ....นักลงทุนทั่วไปที่ศึกษาโครงสร้างหุ้นชิน ก็รู้ดี...แอมเพิลริช จึงมีหุ้นที่มีอยู่แล้ว ตามสัดส่วนตั้งแต่ต้น แต่แบ่งตะกร้าเก็บ... เหมือนคุณมีเงินในบัญชี หลายธนาคาร...ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคน...ในการจัดการทรัพย์สินของตน... เมื่อมันเป็นหุ้นของตนเอง(ในที่นี้หมายถึงลูกนายก ที่รับหุ้นซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว)..คุณจะเอามาซื้อขายกันเองในตลาดไม่ได้ นี่มันผิดกฎหมายเข้าข่ายปั่นหุ้น....มันถึงต้องขายกันนอกตลาด...จุดประสงค์ก็เพื่อโอนกลับมาจากนิติบุคคลดังกล่าว...ซึ่งไม่ได้ต้องการกำไร...(คนบ้าเท่านั้น ที่เอากำไรจากตนเอง)...เหตุผลตรงนี้ มันเป็นเรื่องทั่วไป...เพื่อนำมาจำหน่ายรวมกันกับหุ้นที่ถือในนามส่วนตัว...ในประเทศ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 09:02:06 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ : *John* ผมไม่ได้ต้องการหักล้าง มันเป็นข้อเท็จจริงของนิยาม ตามกฎหมาย แล้วก็ไม่มีนิยามอื่นๆอีก...ที่อธิบายความแตกต่างของคำว่าหุ้น...กับหลักทรัพย์ จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ TRAT ถือพวงมาลัยรถให้ดี ระวังจะแหกโค้งล่ะ คุณ * John * มีเหตุมีผล สนับสนุน จขกท น่าฟังน่ะครับ จากคุณ : tropheus - [ 29 ม.ค. 49 18:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ส่วนการขายหุ้นของ บ.รวยเหลือเฟือคืนให้แก่ตระกูลชิน ในวันศุกร์ที่ 20 นั้น ไม่คุณก็ผมเข้าใจผิดครับ ตามที่ปรากฏในข่าว มีความพยายามทำให้การขายคืน deal นี้เป็นการขายในตลาด เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีครับ กล่าวคือถ้ามีการขายคืนนอกตลาด ต้องมีการประเมินภาษีเสียภาษี แม้จะมีการแจ้งและทำบัญชีว่าขายกันที่ราคาหุ้นละ 1 บาท โดยกรมสรรพากรสามารถประเมินราคาหุ้นใหม่ตามราคาตลาด แล้วบังคับให้เสียภาษีจากกำไรตรงนั้นครับ คุณ : *John* --------------------- ไม่ใช่ครับ...มันเป็นการขายนอกตลาด...การขายในตลาดทำไม่ได้ จะเข้าข่ายปั่นหุ้นทันที....เพราะผู้ถือหลักทรัพย์นั้น โยนหุ้นกันไปมา ในราคาซื้อขายในตลาด...ยังงั้น..อย่างที่คุณว่า...มันผิดกฎหมาย กลต. ครับ... ถ้าพี่น้อง อยากให้หุ้นกัน...หรือพ่อให้ลูก...แล้วจะให้เอาไปขายในตลาด...มันก็จะเป็นอย่างที่ผมกล่าวมา...คือเข้าข่ายปั่นหุ้น...อาจจะเป็นการดันราคาหุ้นในตลาด...หรือสร้างราคายิ่งไปกันใหญ่...ทำให้เห็นว่ามีการเล่นในหุ้นตัวนี้มากผิดสังเกตเพื่อให้คนเข้ามาตาม นักลงทุนเข้าใจผิด...อย่างนี้เข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งมีความผิดครับ...จึงทำไม่ได้... แล้วเรื่องภาษี...แอมเพิลริช ตั้งอยู่ในสิงคโปร์...หุ้นที่ซื้อขายนั้น มันมีการยกเว้นภาษีซ้อน ตามอนุสัญญาภาษีซ้อนอยู่แล้ว...ยังไงก็ไม่ต้องเสีย...สัญญานี้มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ. ชาติชาย...เป็นรัฐบาล และมีการทำสัญญานี้มาแล้วรวม 44 ประเทศ ในปัจจุบัน จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ TRAT ถือพวงมาลัยรถให้ดี ระวังจะแหกโค้งล่ะ คุณ * John * มีเหตุมีผล สนับสนุน จขกท น่าฟังน่ะครับ จากคุณ : tropheus ------------------ ไปตั้งกระทู้ใหม่ไป...ประเด็นกฎหมาย 49% แล้วเอาข้อมูลมากล่าวหาให้ครบถ้วน..ว่ากฎหมายมันผิดยังไง....อย่าเสียเวลา... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน โอนให้ บ. รวยเหลือเฟือ เพื่ออะไรครับ ไม่ใช่ขายจริงแน่นอน ดังนี้นเมื่อไม่เกิดรายได้ก็ไม่อยากเกิดรายจ่ายครับ และต้องจ่ายทั้งฝ่ายซื้อและขาย รวมเป็น 0.5 % ของเงินกว่าหมื่นล้านคุณว่า มากหรือน้อยครับ คุณ Trat ยินดีเสียเงินก้อนนั้นไหมครับ จากคุณ : *John* ------------------------- ปัดโธ่....เสียสิครับ..ค่าคอมเล็กๆน้อยๆ...ไปนั่งกินกาแฟ ตากแอร์เย็นๆรับข่าวสารจาก โบรเกอร์ จะใจดำขนาดนั้นเลยเหรอครับ...ไม่ใช่สาระสำคัญ... แล้วเรื่องการขายคืนให้แก่กันในราคาทุน...ที่ตนได้มา..มันเป็นเหตุผลส่วนตัว ความพอใจ...สรรพากร จะเอามาประเมินราคาหุ้น แล้วเก็บภาษี...มันจะเอาอะไรมาวัด..สรรพากรเล่นหุ้นเหรอ....มันไม่ใช่จะมาตั้งประเมินแบบราคาที่ดินพึงประเมิน...หุ้นมันลงวันต่อวัน...แล้วการซื้อขายไม่เกินกว่าราคาทุนที่ได้มา...มันก็เป็นข้อยกเว้นภาษีตามมาตรา 40(4)(ช) ในประมวลรัษฎากร แล้วอย่างที่บอกตั้งแต่แรกในกระทู้ข้างบนแล้วว่า...พี่ให้น้อง พ่อให้ลูก จะมาโยนหุ้นในตลาดไม่ได้....ปั่นหุ้นแน่นอน..ถ้าทำแบบนี้...มันผิดเต็มๆ...ตามข้อแนะนำของนักการเมืองสมองกลวงทั้งหลาย...เพราะเขาถือว่าเป็นบุคคลเดียวกัน...ตาม พรบ. ตลาดหลักทรัพย์ 2535 แล้วยังถูกเพ่งเล็งว่าปั่นหุ้นด้วย... แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 00:52:40 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 18:53:04 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ้าว ย้อนกลับมา..จขกท. แอมเพิลริช....หายไปไหน...เนี่ย.. รอประเด็นอยู่...ว่ามันเป็นยังไง....ผิดปกติยังไง... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 18:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ต่ออีกหน่อย...เรื่อง แอมเพิลริช...ช่วยเปิดเรื่องให้ จขกท. กล่าวหา...ท่าทางคงจะมืด...มองไม่ออก..ผมขยายความต่อแล้วกัน... --------------------------- เรื่องนี้มันมีการรายงานมาตลอดใน ตลท. นักลงทุนในตลาดทราบดี รู้จักดี เพราะหลักเกณฑ์ของการเปลี่ยนแปลงหุ้น เพิ่ม ลด เกิน 5% มันต้องแจ้งตลาด เพื่อเป็นข้อมูลกับนักลงทุน... ใครก็ทราบ...เรื่อง แอมเพิล ริช อินเวสเม้นท์...ถือหุ้นชิน...เพราะตามกฎหมาย ตลท. นิติบุคคล(ที่ผู้ถือหุ้นมีอำนาจจัดการ) หรือคู่สมรส หรือบุตรที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ถือเป็นบุคคลเดียวกัน..ตามกฎหมาย ตลท. มันจึงไม่มีอะไรที่เป็นการปกปิดอะไร....หากคนที่เล่นหุ้นในตลาด...ตั้งแต่ปี 42 ใครก็รู้ทั้งนั้น.. แล้วถ้าถามว่าซุกรึปล่าว...มันจะซุกยังไง...ในเมื่อรายงานใน กลต. ก็มี...แล้วมันก็มีมาก่อนการเมือง...เมื่อมาเล่นการเมือง ก็โอนให้อยู่ในความดูแลของหน่วยจัดการกองทุนตามกฎหมาย คือ ธนาคาร ยูบีเอส เอจี(UBS AG สิงคโปร์)...ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุน...ตามรูปการณ์มันน่าจะเป็นอย่างนั้น...คือการฝากหลักทรัพย์ในบัญชีเอาไว้..ซึ่งมันก็เป็นตามกฎหมายสากลทั่วไป...(บ้านเราก็มีกฎหมาย ตลท. ว่าด้วยเรื่องนี้ กองทุนส่วนบุคคล )ในการรับฝากหุ้นหรือหลักทรัพย์ ในการดูแลผลประโยชน์ของลูกค้า...ซึ่งในที่นี้คือ แอมเพิล ริช...อำนาจในการจัดการกองทุนจึงอยู่ที่ธนาคารยูบีเอส บีจี..ซึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น และดูแลผลประโยชน์จากหุ้น เช่น ปันผล หรือการนำไปออกเป็นหลักทรัพย์ให้กู้...อะไรก็ตามแต่แล้วแต่สัญญาที่ตกลงกันกับผู้ดูแลกองทุน แทนแอมเพิล ริช  ซึ่งก็ปรากฎในรายนามผู้ถือหุ้นชิน มาตลอด จนกระทั่งมีการโอนกลับมาให้เจ้าของเดิมซึ่งในที่นี้คือลูกนายก..ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในแอมเพิล ริช แทนพ่อ..หลังจากที่เข้าการเมืองในปี 44..แล้วเมื่อเขาต้องการขายหุ้นนั้นออกไป....มันก็เป็นสิทธิของเขา...ก็ยกเลิกสัญญาการดูแลผลประโยชน์ของหลักทรัพย์นั้น กลับคืนเจ้าของหลักทรัพย์ การส่งมอบคืน ก็คือการส่งกลับในราคาทุน...เพื่อให้เจ้าของเดิมนำไปทำธุรกรรมตามสิทธิของเขาต่อไป... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 20:32:17 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 19:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ว่าไง..จขกท. รอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน... มัน..ผิดปกติยังไง?.... จากคุณ : รอฟัง.. (eaglenews) - [ 29 ม.ค. 49 19:07:53 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ข้อมูลคุณ TRAT นี่แน่นอนดี หักล้างได้แทบทุกประเด็น ผมอยากให้คนที่เข้ามาอ่าน อ่านข้อมูลของทั้งสองฝ่ายให้ดี และช่วยกันหาข้อมูลมาชี้แจงฝ่ายที่ตัวเองคิดว่าใช่ อย่ามาโยนกันว่า คนนั้นคนนี้เป็นลิ่วล้อของใคร ไม่สร้างสรรค์ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ขอนั่งอ่านต่อครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 19:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าบริษัทนิติบุคคล ขายหุ้นมีกำไรต้องเสียภาษีเงินได้ ในกรณีบริษัทแอมเพิลริช ถ้าขายหุ้นให้สิงคโปร์ต้องเสียภาษีราว ๆ 3000 ล้านบาท จากคุณ : หนูมลิน ------------------------ เข้าใจผิดแล้วครับ....ประเทศไทยและสิงคโปร์ มีการทำอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างกัน จึงได้รับการยกเว้นภาษีในส่วนนี้ด้วย เพราะถือว่าเงินได้ส่วนนี้จะมีการเสียภาษีในสิงคโปร์อยู่แล้ว หากไทยมีการจัดเก็บอีกก็จะเป็นการซ้ำซ้อนกัน แอมเพิลริช สถานที่จดทะเบียนที่ไหนก็ตามแต่ แต่ในความเป็นจริงมันถูกรับฝากให้ดูแลผลประโยชน์โดย UBS AG อยู่ในสิงคโปร์..ภาษีก็จะจ่ายที่สิงคโปร์ นะครับท่าน...แล้วไทยก็เก็บซ้อนไม่ได้ตามอนุสัญญาดังกล่าว....ถ้าผู้ขายอยู่ในสิงคโปร์...เป็นนิติบุคคล...นี่เท่ากับว่า เอาเงินออกนอกประเทศด้วยซ้ำ... กลายเป็นเสียหายกับประเทศ...ขายทรัพย์สินคือหุ้น ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศแท้ๆ...แล้วไปทำตามคำแนะนำฝ่ายค้านยันเต..เงินก็ไหลออก...ภาษีแวตก็ไม่ได้.... การที่โอนหุ้นกลับมา นั่นหล่ะครับ..ถูกต้อง ดีกับประเทศ... แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 00:58:16 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 19:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หุหุ กะว่าจะไปไม่ตอบซะแล้ว แต่อ่านรู้สึก เห็นแล้วต้องช่วยเจ้าของกะทู้ เอาละ การซื้อหุ้นนั้นแล้วเนี่ย ถ้าใครยังไม่ได้สัมผัสบอกได้เลยว่า มึนเพราะว่ามันหลายอย่างที่ หลายๆคนยังไม่รู้  แต่วิธีที่ทักษิณ ที่ใช้นั้นคือการตั้งบริษัทลูก ถามว่าทำยังไง อันนี้ผมสอนไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นความลับทางธุรกิจของแต่ละคน ถ้าเปิดขึ้นมา ผมอาจจะอยู่ไม่ได้ 48 ชม เพราะในห้องนี้ รู้สึกว่ามีคนของพรรคไทยลัก ประเทศไทย เยอะมาก เพราะชื่ออมยิ้ม ก็แปลกๆเยอะมาก ไม่ค่อยได้เห็น แต่เรื่องนั้นชังมัน   การไปตั้งบริษัทต่างประเทศทั่วโลก เขาทำมานานแม้กระทั่ง ธนาคารกรุงเทพ ก็ยังมีสาขาอยู่บนเกาะเคย์แมน หลายๆคนไม่รู้  หมู่เกาะที่ปลอดภาษี คือหมู่เกาะที่ใครก็ได้จดทะเบียนธุรกิจไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม โอนเงินก็ไม่ต้องกลัวคนตรวจสอบอะไรมากมายนัก แต่ ณ ปัจจุบัน ธุรกิจเริ่มมีความน่ากลัวทำให้กฎหมาย ฟอกเงินออกมา  สวิส ณ ตอนนี้เลยไม่ค่อยปลอดภัยเท่าใด นัก แต่ก็วิธีการที่ คุณไม่ต้องโดนสอบ นั้นคือการตั้งบริษัทลูก แทบไม่ต้องใช้เงิน แต่ต้องใช้อย่างอื่นใครอยากรู้เขียนถามหลังไมค์มาแล้วจะบอก ส่วนการซื้อหุ้น ภายในตลาดหลักทรัพย์ มีหลายวิธี แลกหุ้น ก็เป็นอีกวิธี ที่นิยมใช้ ซื้อโดยการตีทรัพย์สิน ให้เท่ากับหรือมากกว่าราคาหุ้น ก็ได้ อันนี้คือสิ่งที่ทุกคน แม้กระทั้งห้องเล่นหุ้นสินธร รู้แต่ก็ไม่บอก แต่ผมจะบอกเพื่อให้นักเก่งกฎหมายทั้งหลายในห้องนี้ ที่เอามาเป็นข้ออ้างได้เข้าใจ คำว่าหลักการ หลักการคือการเขียนลงไปในกระดาษ เป็นการบัญญัติไว้ ส่วนวิธีการนั้นอีกเรื่อง ยกตัวอย่างสำหรับคนที่ไมเข้าใจ หลักการ เช่นผมขายหุ้นคนนี้โดยต้องแจ้ง กลต นะถ้าหุ้นเกิน 10 ล้านหุ้น เป็นต้น อันนี้คือหลักการ แต่ถามว่าวิธีการจะแจ้งไหม คิดกันเอาเอง คนรู้กฎหมายก็ดี คนไม่รู้กฎหมายก็ดี  แต่สำหรับคนรู้กฎหมายแล้วชอบเอาเข้าข้างในเรื่องที่ผิด เนี่ย ประสาชาวบ้าน เขาเรียกว่า หัวหมอ และชอบดีเข้าข้างตัวเอง ผมรู้ว่าตอนนี้ห้องราชดำเนิน มีคนจัดตั้งเยอะ ที่คอยตอบและคอยปั้นทอนความน่าเชื่อถือ ซี่งพูดไปแล้วในเว็บบล็อกผม  ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่อยากพูด เพราะว่ายังไม่มีหลักฐาน(หรือว่ามีก็จะตะโกนต่อไป  ข้างๆคูๆ ต่อไป ถ้างั้นขอถามคนที่เก่งกฎหมายดีเหลือเกิน ตอบหน่อยสิ ว่าจะทำยังไง เมื่อเว็บนี้โดนปิด ถ้าไอ้หน้าเหลี่ยมไม่โกงจริง กลัวทำไม กับเว็บนี้ถ้าข้อมูลนี้ไม่จริง ประชาชนไม่โง่ แต่ ถ้าข้อมูลจริงจะวิ่งหนีอะไร ถามหน่อย http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=moviemusicgame&group=6 จากคุณ : ซูเปอร์คนเหล็ก (Tarnold) - [ 29 ม.ค. 49 19:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เรื่องให้ต่างชาติถือได้ 49% มีมาตั้งแต่ปี 46 แล้วมาโวยอะไรกันตอนนี้  ฝ่ายค้านก็เงียบเชียว พอตอนนี้มาดิ้นหาว่าออกกฏหมายให้  มีมาตั้งแต่ปี 46 แล้ว ตั้งกระทู้ไว้แล้ว อ่านดูครับ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4058050/P4058050.html จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 29 ม.ค. 49 19:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ TRAT เซฟกระทู้นี้ไว้ด้วยนะครับ วันนี้ผมเห็นข่าวที่สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจัดเสวนาเรื่องการขายหุ้นชิน มีการเชิญ คุณศิริโชค โสภา คู่ปรับเก่าชินแซท คุณปริญญา เทวนฤมิตรกุล รองอธิการธรรมศาสตร์  (ขึ้นตำแหน่งเร็วมาก) คุณสุภิญญา กลางณรงค์ คู่ความชินคอร์ป โดยให้ทั้งหมดนี้มาพูด ผมก็งงว่า สมาคม ฯ นี้ เขาไม่มีอะไรทำกันแล้วหรือ แทนที่จะทำสิ่งที่สร้างสรรค์สังคมมากกว่านี้ กลับเชิญฝ่ายที่โจมตีรัฐบาลมาพูดด้านเดียวอยู่อย่างนี้ ผมว่าสมาคม ฯ ควรจะทบทวนบทบาทตัวเองให้ดีนะครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 19:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Corruption Watch นะ เจ้าของพื้นที่เขาไม่ให้ใช้บริการ ไปถามเขาเองซิว่าทำไม  แล้วเจ้าอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ไปร่วมกับ web ของ "กะธิชาวโกย" ซิ  บอกจะโดนปิดหลายทีแล้วไม่เห็นใครมาปิด ปล. ขอแถม เวปนี้ คุณหญิงเกี่ยวข้อง แต่อ่านคำสัมภาษณ์ของคุณหญิงแล้ว อึ้ง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้กล่าวถึงความเห็นเกี่ยวกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า เธอฟังอยู่ที่บ้านมีความรู้สึกว่าพระองค์ท่านมีความเมตตาเหลือเกิน ที่ทรงตรัสว่า "The King can do no wrong" เธอขอบังอาจตีความว่านั่นคือ แมสเสจ หรือข้อความ ถึงเธอว่าแม้ว่ากษัตริย์จะทำความผิดได้แต่ท่านทำอย่างมีสติ สิ่งที่ท่านทำไปแล้วไม่ผิด "ดังนั้น พระบรมราชโองการที่โปรดเกล้าฯ ดิฉันเป็นผู้ว่าการ สตง.ไม่มีข้อใดผิดพลาด ถูกต้องชอบธรรมทุกประการ" http://www.bangkokbiznews.com/2005/12/10/news_19386481.php?news_id=19386481 ใช้คำว่า "บังอาจตีความ"  รับไม่ได้ครับ จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 29 ม.ค. 49 19:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ : ซูเปอร์คนเหล็ก (Tarnold) อ้าว...เข้ามาบ่นอะไร...ครับ...เรื่องเว็บ วอทช์ดอก...เนี่ย..ปิดตัวเอง เพราะอายไง...ที่พรรคลูกพี่ถูก DSI สอบสวนจนเหม็นอยู่เนี่ย...มันไม่กล้าลงข้อมูลข่าวตนเอง...ก็แกล้งปิดไปซะงั้น...5555555 คนตั้งมันมีนายอลงกรณ์..ร่วมคอร์รับชั่นวอทช์ .อยู่ด้วย..มันทับซ้อนเห็นๆ..จะๆ...ตอนนี้ก็มานั่งแก้ต่างโยนความผิดไปยังท่านปลัด...จะเอาเวลาไหนมา update ข้อมูลโกง แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 19:29:59 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 19:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ ซูเปอร์คนเหล็ก (Tarnold)  ครับ กระทู้นี้เอาเรื่อง Ample Rich ก่อนครับ อย่างอื่นค่อยไปตั้งกระทู้ใหม่ เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศการเสวนากันครับ ผมกำลังรออ่านทั้งสองท่าน คือคุณ TRAT กับ เจ้าของกระทู้ครับผม จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 19:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ...เข้ามาอ่าน จากคุณ : ดินสอกับยางลบ - [ 29 ม.ค. 49 19:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมนั่งรอ จขกท. มานานแล้วเนี่ย..คุยกะคนอื่นๆ...ก็ไม่มาซะที.... ผมเอาจริง...เรื่องนี้...อยากเสวนามาก...ผิดถูกก็ลองพิจารณากันดู... ประเภทตั้งกระทู้ แล้วเอานั่นนิด นี่หน่อยมาแปะให้ดูน่าเชื่อถือ...พอเอาเข้าจริงในเนื้อหา...กลับเดินเรื่องไม่ได้..ผมสรุปอย่างนี้แล้วกัน...ว่าไม่ได้รู้ลงไปในรายละเอียด... แล้วหลังจากนั้นก็จะมีกลุ่มคอยไล่ จิก คนที่เข้ามาเสนอความเห็น ด่าไปนั่น นี่ โน่น..ของบรรดากองเชียร์ ผมก็บ่นไปเรื่อยๆ...จนกว่า จขกท. จะเข้ามา...ให้ความกระจ่างว่าประเด็นตามกระทู้...อะไรที่ผิดปกติ...ดูตารางแล้วได้อะไร...เห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง...ผมจะได้ช่วยวิเคราะห์ให้..เป็นคู่ซ้อม.... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 19:37:13 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 19:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แล้วตกง Ample Rich ใครเป็นผู้ถือหุ้นครับ SHIN เป็นผู้ถือใช่ไหมครับ ตามที่ผมเข้าใจ แล้วเขาก็ขายคืน ให้ ลูกๆ เพื่อรวมหุ้นขายทีเดียว เรื่องนี้ผมยอมรับว่าไม่ผิดครับ ก็ไม่น่ามีอะไรผิด แต่ผมไม่รู้ว่า ตอนนายก แต้งบัญชีทรัพย์สิน 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีบริษัทนี้ไหม ถ้ามีแต่ไม่แจ้งผิดไหม จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 19:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แต่ผมไม่รู้ว่า ตอนนายก แต้งบัญชีทรัพย์สิน 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีบริษัทนี้ไหม ถ้ามีแต่ไม่แจ้งผิดไหม จากคุณ : โอชิน77 ---------------------- เรื่องเก่าขนาดนั้น ผมไม่ทราบหรอกครับ...แต่หากให้ผมตั้งสมุติฐาน การตรวจสอบในครั้งนั้น มันละเอียดยิบครับ มีเหรอครับ จะมองไม่เห็น...โดยเฉพาะแอมเพิลริช..ก็มีชื่อปรากฎในกระดานรายนามผู้ถือหุ้น มาตั้งแต่ปี 42 และระบุให้ กลต. ทราบอยู่แล้ว..ชัดเจน... เมื่อเข้าการเมืองห้ามเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งก่อนหน้านั้นท่านมีอำนาจ ถือหุ้นเต็ม 100 % มีเหรอครับจะไม่รู้ มันชัดแจ้งขนาดนั้น...ก็โอนไปให้ลูกหรือใคร ดำเนินการแทนทั้งหมดพร้อมกับการโอนหุ้นนั่นแหละครับ.. ซึ่งเป็นสิทธิส่วนตัวโดยชอบอยู่แล้ว...ในทรัพย์สินของตนเองที่มีมา ซึ่งลูกเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว ตามกฎหมายก็ไม่ต้องแจ้งต่อ ปปช. แต่อย่างใด... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 20:06:32 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 20:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้ามีแจ้งไว้ก็คงไม่ผิดหรอก(ต้องหาข้อมูลก่อน ใครมีบ้าง) แต่การขายครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า นายกเรา เก่งจริงๆ จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 20:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ่า............ แอบไป Search หาข้อมูลบริษัท Ample rich มา แต่ไม่ได้อะไรคืบหน้าเลย ทุนจดทะเบียนเท่าไรหว่า จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 20:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไปดูมาแล้วครับ บริษัทนี้ UBS AG Singapore Bank-for A/C Ample Rich เป็นผู้ถือหุ้น สงสัยจะโปร่งใสตามกฏหมาย 100% โค ตร ฉลาดเลย ผู้นำเรา จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 20:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แต่การขายครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า นายกเรา เก่งจริงๆ จากคุณ : โอชิน77 ------------ โอย...ธรรมดามากเรื่องแบบนี้...ผมไม่เห็นว่ามีอะไรที่พิเศษไปเท่าไหร่...มันตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว... ของมันมีราคาอยู่แล้ว...เพียงแต่คนดูมันตกใจ..เพราะทั้งชีวิต ทำงานแทบตาย...จับเงินแค่หลักแสน หลักล้านต้น ก็เก่งแล้ว... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 20:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ใจเย็นๆครับคุณกรณ์และทีมงานกฏหมายกำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับงานนี้อยู่กะเอาน็อคคาเวที เพียงแต่ตอนนี้ข้อมูลต่างๆมันยังไม่ชัดเจนต้องสืบสาว ทางฝ่ายรัฐก็ระดมกำลังร่ายมนต์มหาอุดเต็มที่ รอให้เขาสืบข้อมูลกันไป ยังไงธุรกรรมต่างๆงานนี้ มันต้องมีใบเสร็จแน่ รอให้หม่อมอุ๋ยแถลงเรื่องทางเดินของเงินว่ามันไหลไปมายังไง เท็จจริงแค่ไหน ต้อง เป่ากระหม่อม ธปท.ให้ได้นะครับ ไม่งั้นคางเหลือง ระฆังพึ่งเริ่มยกแรก ยังเหลืออีกหลายยกให้เขาแย็ปดูเชิงไป ตอนนี้เถียงกันคงหาคนชนะยากเพราะข้อมูลมันยังไม่ชัดครับ จากคุณ : อ่านขาด - [ 29 ม.ค. 49 20:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 55 รออยู่ครับ.. จขกท.  จะว่ายังไงล่ะ..? เอาข้อมูลมาเสนอ  แต่อธิบายไม่ได้.. มีเงื่อนงำแอบแฝง อะไรกันหรือปล่าว... จากคุณ : รออยู่ (eaglenews) - [ 29 ม.ค. 49 20:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่อยากนอกเรื่องแต่ขอนิด ต้องเก่ง และแกร่ง เขี้ยว ถึงจะทำได้ ในเมืองไทยมีทำได้แบบท่านนายก กี่คนหละ ไม่ชมได้งัย ภูมิใจนะนี่ กะลังปรึกษาแฟนกันว่าจะสอนลูกเรื่องนี้ยังไงดี จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 20:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ข้อมูลไม่ตรงนะครับ บางคนบอกขายนอกกระดานแต่กิตติรัตน์ บอกซื้อขายในกระดาน กิตติรัตน์"อ้างติ๊กบิ๊กล็อตชินฯผิด สำหรับกรณีที่กองทุนแอมเพิล ริช แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าได้ดำเนินการขายหุ้นบริษัท ชิน 329 ล้านหุ้น ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่ปรากฏว่า การซื้อขายดังกล่าวไม่มีการแจ้งการทำรายการซื้อขายต่อตลาดหลักทรัพย์นั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 มกราคม 2549 ว่า กรณีดังกล่าวมีรายการซื้อขายเกิดขึ้นจริง แต่ไม่มีการแจ้งรายการซื้อขายขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต) ทั้งนี้ เนื่องจากทางผู้แจ้งมีการติ๊กผิด (ทำเครื่องหมายข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ตามแบบรายงาน ก.ล.ต.) แหม!! ทำไปได้.... จากคุณ : อ่านขาด - [ 29 ม.ค. 49 20:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่อง ติ๊กผิด จะเจตนาหรือไม่เจตนา ก็แล้วแต่คนจะคิด คนจ้องจะด่า ก็ต้องด่า เป็นเรื่องธรรมดา ทำก็ด่า ไม่ทำก็ด่า จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 29 ม.ค. 49 21:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ่านโดย สรุป ว่า ชั่วจริง อย่าถามมาก รอสักครู่ ใว้ให้การในชั้น เครื่องประหาร หัวอะไร ก็รอดู เรื่องเก่า และโกงเหมือนเดิม หน๊อย นึกว่าจะรอดรึ เที่ยวนี้ไม่มีม๊อบไปล้อมศาล น่ะจ๊ะ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ยังไงธุรกรรมต่างๆงานนี้ มันต้องมีใบเสร็จแน่ รอให้หม่อมอุ๋ยแถลงเรื่องทางเดินของเงินว่ามันไหลไปมายังไง เท็จจริงแค่ไหน ต้อง เป่ากระหม่อม ธปท.ให้ได้นะครับ ไม่งั้นคางเหลือง ระฆังพึ่งเริ่มยกแรก ยังเหลืออีกหลายยกให้เขาแย็ปดูเชิงไป ตอนนี้เถียงกันคงหาคนชนะยากเพราะข้อมูลมันยังไม่ชัดครับ จากคุณ : อ่านขาด ------------------------ ผมยังมองไม่เห็นเลย..เวทีไหน...นี่มันเป็นประเด็นของภาคเอกชน...เรื่องเอกชน...แล้วไม่มีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องผู้นำประเทศ..ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล...ที่ต้องไปตอบธุรกรรมนี้... แล้วนายกรณ์ จะสอบสวนไปหาอะไร...เอาผิดลูกนายกรัฐมนตรี...งั้นหรือ..เขานั่งอยู่ในตำแหน่งไหนของรัฐบาลงั้นหรือ... แค่หลักการ ถึงขั้นเอาพรรคการเมืองระดับชาติ มาสอบสวนธุรกรรมเอกชน...ผมว่ามันทะแม่งแล้ว...หลงหน้าที่ไปกันใหญ่... แต่ถ้าอยากทำ อยากสอบ..มันก็ห้ามไม่ได้...เพราะเพียงแค่เอามาสร้างประเด็นการเมือง สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องดังกล่าว ก็อาจจะมีคนหลงเชื่อไปบ้าง...เท่านั้นเอง -------------------- มองหา จขกท. มารึยัง...เนี่ย... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 21:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ช่วยโหวตกันหน่อยนะครับ ถ้าอยากรู้ ว่า ชั่วจริง เป็นเยี่ยงไร จะได้ เอี้อเฟื้อ เผื่อแผ่ โหมโลงกันต่อไป อิ อิ ไม่รอด จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:04:24 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แตร๊ดเอ๋ย วันนี้กินเหล้าหรือเบียร์มา รึ *********************** กลับไปอ่านกระทู้ใหม่ และใจเย็ง ๆ อิ อิ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 63 == หลักฐานการขายหุ้น SHIN จาก AmpleRich ให้ ตระกูลชิน == เอามาจากเว็ปของ กลต. นะครับ จะเห็นว่าเมื่อวันที่ 20/1/2549 บริษัท แอมเพิล ริช sell หุ้น 10.97% เหลือหุ้น 0% ในวันเดียวกัน นส.พินทองทา และ นายพานทองแท้ buy หุ้นคนละ 5.49% ทำให้มีหุ้นรวม 20.15% และ 15.29% ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 23/01/2549 นส.พินทองทา และนายพานทองแท้ sell หุ้น 20.15% และ 15.29% ของตัว รวมกับนายบรรณพจน์ อีก 13.48% และในวันเดียวกัน ซีดาร์ โฮลดิ้ง และ แอสแพน โฮลดิ้ง buy หุ้นรวม 49.59% ** สรุปคือมีหุ้นอีก 10.97% จาก แอมเพิลริช วิ่งผ่านมือตระกูลชินมาขายให้สิงคโปร์ครับ ** ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวดองกันขายให้ "คนอื่น" ไปแล้ว ทำไมถึงต้องมาขายให้สิงคโปร์ผ่านตระกูลชินอีก???? ------------------------------------------------------------------------------------------------------ ดูที่ link นี้แล้วเลือกค้นชื่อย่อ SHIN ย้อนหลัง 1 เดือนครับ *********************************************** ทำไมต้องพล่าน ขนาดนั้น หรือว่าอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 64 **แกะรรอย"กองทุนแอมเพิล ริช" กุญแจกระชากหน้ากาก "คนปล้นชาติ"** http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4057618/P4057618.html ******************************************************* กระทู้ฝากครับ อ่านกัน เพื่อปะติดปะต่อได้ครับ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ต้องขอโทษนะครับถ้าคิดต่างเพราะผมทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่า เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ก เลยและคุณกรณ์ควรนั่งเฉยๆมองตาปริบๆกับดีลประวัติศาสตร์เช่นนี้ ผมโหวตให้แล้วครับ จากคุณ : อ่านขาด - [ 29 ม.ค. 49 21:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 66 บริษัท Ample Rich จดทะเบียนจัดตั้งใน British Virgin Islands เพื่อประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2542 แต่มีสถานที่ติดต่อ (Correspondent Office) ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นที่คุณ TRAT ว่า ประเทศไทยและสิงคโปร์ มีการทำอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างกัน จึงได้รับการยกเว้นภาษีในส่วนนี้ด้วย เพราะถือว่าเงินได้ส่วนนี้จะมีการเสียภาษีในสิงคโปร์อยู่แล้ว หากไทยมีการจัดเก็บอีกก็จะเป็นการซ้ำซ้อนกัน ผมว่าไม่น่าจะถูกต้อง ผมเข้าใจว่า British Virgin Islands ไม่มีอนุสัญญากับไทย ต่อให้มี เขาก็ไม่เก็บภาษี จะไปซ้ำซ้อนอะไร ถ้าซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ น่าจะโดน 2 เด้ง ต้องขายราคาตลาด ไม่ใช่บาทเดียว แล้วโดนเก็บภาษีเต็มๆ เพราะเป็นนิติบุคคล ข้ออ้างว่าพ่อขายลูกในตลาด ถือว่าปั่นหุ้น เลยต้องขายนอกตลาด ผมว่าฟังไม่ขึ้น  วันนี้นายกและครอบครัวไม่มีชื่อใน บริษัท Ample Rich แล้ว ขืนคุณTRAT อ้างยังงั้นก็กล่าวหาว่าท่านซุกหุ้นซิครับ ขายนอกตลาดบาทเดียว เพื่อลดภาษีมากกว่าครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องกลัวถูกจับปั่นหุ้นอะไร ขายในตลาดยังไงก็ต้องขายในราคาตลาดหรือถูกกว่าเล็กน้อย ซึ่งประเด็นนี้ถ้าสรรพากรว่าไม่ผิด ต่อไปก็คงมีคนทำตามอีกมาก จากคุณ : Pom.com - [ 29 ม.ค. 49 21:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ : อ่านขาด ----------------------- ลองอ่านดูที่นายกิตติรัตน์ แถลงหน่อยสิ... นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวแถลงหลังจากตลาดสั่งขึ้นเครื่องหมาย "SP" โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงประเด็นบรรษัทภิบาลของบริษัทต่อกรณีข่าวก่อนหน้าที่จะเกิดดีลนี้ นายกิตติรัตน์ตอบว่า "ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล บางคนเกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้ อีกคนเป็นอีกกลุ่ม มีทั้งผู้ที่ไม่ได้ถือหุ้นแต่เตรียมจะเข้าไปลงทุน ดังนั้นถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องห่วงอะไร ซึ่งการใช้ข้อมูลวงในตอนที่การเจรจายังไม่จบ ไม่มีความแน่นอน และนำไปใช้ลงทุน อันนี้ไม่ถือว่าเป็นการอินไซด์ เพราะดีลอาจจะล้มเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เป็นผู้นิยมความเสี่ยงเท่านั้น" ผู้สื่อข่าวยังถามกลับไปอีกว่า ตามคู่มือบริษัทจดทะเบียน เมื่อบริษัทปฏิเสธโครงการตามที่เป็นข่าว โครงการนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือน ซึ่งเท่ากับชินคอร์ปผิดด้วยหรือไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า "การขายหุ้นของผู้ถือหุ้นกับการแจ้งข่าวต้องแยกออกจากกัน ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขายหุ้นโดยไม่ต้องแจ้ง แม้จะนั่งเป็นผู้บริหาร สิทธินั้นก็ไม่หายไปไหน แต่ถ้าบริษัทมีโครงการขยายกิจการเพิ่มสายส่งสัญญาณ เมื่อเกิดข่าวแล้วปฏิเสธแล้วไปปรากฏใน 3 เดือน ตรงนั้นถือว่าผิดตามคู่มือบริษัทจดทะเบียน" พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า "สิทธิของผู้ถือหุ้นมีอย่างเดียวคือการขายหุ้นเมื่อไหร่ กับใครก็ได้ คุณก็ได้สิทธินั้นทันที จากประสบการณ์ของตัวเองข้อตกลงทุกอย่างต้องมีสาระ มีเงื่อนไข ซึ่งเงื่อนไขของกรณีชินผมไม่รู้ว่าอะไร ไม่ทราบเลย แต่สามารถให้ความเห็นได้ว่า อาจจะต้องการราคาที่การซื้อขายปิดวันนี้ ดัชนีตลาดอยู่ในระดับที่ต้องการ หรือเมื่อทำรายการ ผู้ขายนำหลักฐานมาครบ พร้อมลงนามในข้อตกลงแล้วก็ยังเป็นดั่งรายการที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นสิ่งที่ตกลงที่เรียกว่า MOU แปลว่า การทำความเข้าใจเบื้องต้น ให้รักษาเป็นความลับจนกว่าข้อตกลงจะเสร็จสิ้น" นายกิตติรัตน์กล่าว ----------------- จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 21:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 68 กิตติรัตน์แถลง กัน แม้วให้สัมภาษณ์ จะเชื่อใคร เพราะแม้ว บอกไม่ผิดกฎหมาย จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โหวตก่อน ผมจะจับพวกลูกหาบเข้าประเด็น เจ้าของกระทู้ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 70 แตร๊ดเอ๋ย วันนี้กินเหล้าหรือเบียร์มา รึ *********************** กลับไปอ่านกระทู้ใหม่ และใจเย็ง ๆ อิ อิ จากคุณ : soco ------------------------ อย่ามาล้มกระดาน....ผมอยู่กับกระทู้นี้มาตั้งแต่ คห. 1 แล้ว จขกท. เองก็ดูเหมือนเกาะเรื่องนี้มาหลายกระทู้...ผมจึงเห็นว่า นี่แหละคู่ที่ผมจะซ้อมด้วย...ถ้ารู้จริง... ดังนั้น...อย่ามาเบี่ยงเบนให้ออกไปเป็นเรื่องอื่นๆ...ถ้ามีเนื้อหา ข้อมูล ก็เอามาแลกเปลี่ยนเหมือนคนอื่นๆที่เขามีปัญญาทำกัน...หลายคนก็มีการแลกเปลี่ยน... ผิดถูก ไม่ทราบ...เพราะเราต่างก็ไม่ใช่เจ้าตัวคนที่เขาขายหุ้น มันก็แค่การหาคำตอบ...ไปตามประสา..ที่พอรู้แบบคนนอกจริงๆ...ใช้การศึกษาหาคำตอบ จากกฎกติกา..เท่านั้นที่ทำได้... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 21:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ จขกท. ยังไม่มา ผมก็ไหลไปตามความเห็นท่านอื่นๆไปก่อน...ว่าไปเรื่อย....ตามเรื่องราวใครมีอะไรมาก็มาดูกัน จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 21:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผมเห็นตั้งแต่ความเห็นแรก ดูว่า จะพล่านกันอย่างไร แค่นั้นครับ ไม่ขำตัวเอง ก็ไม่เป็นไร แต่ผมขำ เพราะมิเช่นนั้น พวกลูกหาบ ก็พากันลบอีก เชื่อเถ๊อะ ที่ไม่ตอบตั้งแต่ต้น เพราะรอดู แน่จริง ก็โหวตกันเลย มีคนชำแหล๊ะให้ แน่ ๆ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 73 จาก #29 ของคุณ TRAT ขออนุญาตนะครับ **หุ้นที่ดีลเฉพาะในส่วนของลูกนายก..เดิมมีอยู่ 2ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือถือเอง และส่วนหนึ่งถือในนามแอมเพิลริช...ซึ่งเป็นอินเวสเม้นท์ ปกติของนักลงทุน..ซึ่งสามารถทำได้ และมันก็ปรากฎในรายงานของ ตลท. ต่อนักลงทุนตั้งแต่ ปี 2542  ไม่ใช่สิ่งซ่อนเร้นอะไร...เขาแจ้งด้วยว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ไม่มีผลต่อโครงสร้างของบริษัท...แล้วมีการรายงานการเปลี่ยนแปลงของหุ้นตามกฎหมายทุกครั้ง ที่เกิน 5% ครั้งนั้นก็รายงาน ตามที่ข่าวเสนอ....นักลงทุนทั่วไปที่ศึกษาโครงสร้างหุ้นชิน ก็รู้ดี...แอมเพิลริช จึงมีหุ้นที่มีอยู่แล้ว ตามสัดส่วนตั้งแต่ต้น แต่แบ่งตะกร้าเก็บ...** ขอถามหน่อยครับเพื่อความเข้าใจ ... ที่บอกว่าหุ้นที่ถือในนามแอมเพิลมีปรากฎในรายงานของ ตลท ตั้งแต่ปี 42  และได้แจ้งด้วยว่าเป็นบุคคลเดียวกัน...นั้นหมายถึงว่ามีการแจ้งต่อ ตลท ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วใช่ไหมครับว่าเป็นหุ้นของลูกทักษิณ และในรายงานของ ตลท ก็มีบอกเอาไว้ด้วย...หมายความเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ จากคุณ : maxcoffee - [ 29 ม.ค. 49 21:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คุณ soco ลองฟังเขาดูก่อนครับ เอาให้อยู่ในประเด็นของกระทู้นี้ ครับ เพื่อป้องกันการกระจายข้อมูลและการแตกประเด็นใหม่ ๆ น่าสนใจครับ   เมื่อครู่ก็เข้าไปอ่านกระทู้ข้างบน เรื่องประวัติของคุณกรณ์ ขุนพล ปชป. ก็เห็นว่าน่าสนใจมากเช่นกัน รออ่านของทั้งสองท่านอยู่นะครับ ขอชมคุณ TRAT ว่าไม่นอกประเด็นและ get to the point ดี ส่วนท่านอื่น ๆ ก็ขอให้อยู่ในประเด็นด้วยครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 21:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมเป็นคนเล่นหุ้นคนหนึ่ง อยากให้นำคำถามนี้ไปถามที่ห้องสินธรว่า " ท่านคิดว่านายกิตติรัตน์ ณระนอง มีมาตราฐานการทำงานในตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ที่ระดับไหน " แล้วทุกท่านจะได้คำตอบอันพึงประสงค์ครับ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 21:41:25 จากคุณ : อ่านขาด - [ 29 ม.ค. 49 21:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณขนมตัม ผมรออ่านตั้งแต่ความเห็นแรกครับ และ ถ้าคุณอ่านความเห็น แรก คุณคงเข้าใจ ส่วนที่เหลือ ล่อกันเอง หรือล่อตัวเองด้วยซ้ำ ผมให้เครดิตเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ข้าแต่เจ้าพ่อขวัญเจ้าแม่เรียม ตั้งแต่นี้ป็นต้นไปหมื่นปีฯขอสาบานว่า จะไม่คิดตั้งกระทู้ที่มีสาระ และเป็นวิชาการ เจ้าพ่อขวัญเจ้าแม่เรียม จงเป็นพยานให้ลูกช้างด้วยเทอญ เพี้ยงงงงงง ปล.เข้ามาโหวตให้แล้วนะจ๊ะคุณโซโก้ จากคุณ : ดินสอกับยางลบ - [ 29 ม.ค. 49 21:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ ท่านกบฯ ผมว่ามีเรื่องให้ชม ยาวเลยครับ โปรดรอครับ และอยู่ในประเด็นทุกท่าน นะครับ อย่านอกไปไกล จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณ.. SOCO ขออยู่ในประเด็นครับ... และขอมีเหตุผลในการวิจารณ์ด้วยครับ..อย่าป่วน!! จากคุณ : eaglenews - [ 29 ม.ค. 49 21:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 80 กะลังไปสำรวจอยู่ จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 21:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 81 บริษัท Ample Rich จดทะเบียนจัดตั้งใน British Virgin Islands เพื่อประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2542 แต่มีสถานที่ติดต่อ (Correspondent Office) ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นที่คุณ TRAT ว่า ประเทศไทยและสิงคโปร์ มีการทำอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างกัน จึงได้รับการยกเว้นภาษีในส่วนนี้ด้วย เพราะถือว่าเงินได้ส่วนนี้จะมีการเสียภาษีในสิงคโปร์อยู่แล้ว หากไทยมีการจัดเก็บอีกก็จะเป็นการซ้ำซ้อนกัน ผมว่าไม่น่าจะถูกต้อง ผมเข้าใจว่า British Virgin Islands ไม่มีอนุสัญญากับไทย ต่อให้มี เขาก็ไม่เก็บภาษี จะไปซ้ำซ้อนอะไร -------------------------- ประเด็นคือ UBS AG สิงคโปร์ คือผู้ถือหุ้นแทนในรายนามผู้ถือหุ้นที่ปรากฎอยู่จนปัจจุบันก่อนที่จะมีการดีล.. แอมเพิลริชเปรียบเสมือนกองทุนส่วนบุคคล แล้วมอบภาระการดูแลผลประโยชน์จากหุ้นให้ธนาคารสาขาสิงคโปร์..เช่น รับปันผล หรือนำไปทำธุรกรรม..ที่ทำให้เกิดดอกผลกับกองทุนนี้ตามที่ตกลง...นี่คือที่ผมเข้าใจ... แล้วหากจะขาย การขายต้องผ่าน UBS AG สิงคโปร์...ซึ่งเขามีอำนาจในหุ้นดังกล่าว .... แล้วมันทำให้เงินไหลออกนอกประเทศ แทนที่จะอยู่ในประเทศ... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 21:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณ ความเห็น 79 โปรดอ่าน ความเห็นนี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4061845/P4061845.html#69 ด้วยความขอบคุณยิ่ง จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 83 กลับเข้าประเด็น เรื่อง บุคคล หรือ นิติบุคคล ****** ขายหุ้น ต้องเสียภาษีทั้งคู่หรือ นิติบุคคลไม่ต้องเสียภาษี และ/หรือ บุคคลธรรมดา ไม่ต้องเสียภาษี หรือว่า ถูกกฎหมายล้วน ๆ แล้วใย ต้องสารพัดเงื่อน โยกโย้ ยอกย้อน ซ่อนเงื่อน กันนักแล จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 21:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ดูให้ดี มีคนกะลังเจรจาที่บ้านสีแดง ตอนปีใหม่ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : โอชิน77 - [ 29 ม.ค. 49 22:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แด่..soco ผู้ไม่อยากดัง ไม่อยากรวย ไม่ยากจน     ขอความคิดเห็นครับ...ไม่ใช่ เว๊ปลิงค์ หากคุณเข้าใจยังไงช่วยแปลออกมาด้วยครับ... ....อย่ามั่ว......... จากคุณ : eaglenews - [ 29 ม.ค. 49 22:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ความคิดเห็นที่ 57   ข้อมูลไม่ตรงนะครับ บางคนบอกขายนอกกระดานแต่กิตติรัตน์ บอกซื้อขายในกระดาน กิตติรัตน์"อ้างติ๊กบิ๊กล็อตชินฯผิด สำหรับกรณีที่กองทุนแอมเพิล ริช แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าได้ดำเนินการขายหุ้นบริษัท ชิน 329 ล้านหุ้น ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่ปรากฏว่า การซื้อขายดังกล่าวไม่มีการแจ้งการทำรายการซื้อขายต่อตลาดหลักทรัพย์นั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 มกราคม 2549 ว่า กรณีดังกล่าวมีรายการซื้อขายเกิดขึ้นจริง แต่ไม่มีการแจ้งรายการซื้อขายขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต) ทั้งนี้ เนื่องจากทางผู้แจ้งมีการติ๊กผิด (ทำเครื่องหมายข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ตามแบบรายงาน ก.ล.ต.) แหม!! ทำไปได้.... จากคุณ : อ่านขาด --------------------------------------------- อืมอ่านแล้วงง ตกลงจะเชื่อใครดีล่ะคุณTRAT คุณTRAT บอกว่า Ample Rich ขายหุ้นให้พานทองแท้ กับน้อง นอกตลาด แต่ไหงคุณกิตติรัตน์ให้สัมภาษณ์ ว่าเป็นการซื้อขายใน ตลาดล่ะ  ตกลงข้อมูลนี้จะเชื่อใครดีล่ะ จากคุณ : เต็กกอ2000 - [ 29 ม.ค. 49 22:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คุณ soco ความเห็นที่ 83 การเสียภาษี คุณต้องถามให้ชัดว่าภาษีอะไร เพราะภาษีเมืองไทยมีหลายอย่างครับ ภงด. 90, 91 นี่เป็นบุคคลธรรมดา ส่วนข้อลดหย่อนภาษี คุณ soco สามารถหาได้เองจากเว็บสรรพากรได้อยู่แล้ว หรือในใบ ภงด. เขาก็เขียนไว้แล้ว มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ด้วย ผมขออนุญาตเจ้าของกระทู้ตัดแปะ เงินได้พึงประเมินของ ภาษีบุคคลธรรมดา ที่ไม่ต้องคิดคำนวณภาษี จะเอาเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นะครับ เงินได้พึงประเมินอะไรบ้างที่ได้รับยกเว้นภาษี? เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี มีอยู่หลายกรณีที่สำคัญๆ ได้แก่ การยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร การยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 การยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับต่างๆ เป็นต้น  เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีมีดังนี้ 21. เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม 22. เงินได้ของกองทุนรวม 51. เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ แต่ไม่รวมถึงเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาวตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 22:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ข้ออ้างว่าพ่อขายลูกในตลาด ถือว่าปั่นหุ้น เลยต้องขายนอกตลาด ผมว่าฟังไม่ขึ้น  วันนี้นายกและครอบครัวไม่มีชื่อใน บริษัท Ample Rich แล้ว ขืนคุณTRAT อ้างยังงั้นก็กล่าวหาว่าท่านซุกหุ้นซิครับ ขายนอกตลาดบาทเดียว เพื่อลดภาษีมากกว่าครับ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องกลัวถูกจับปั่นหุ้นอะไร ขายในตลาดยังไงก็ต้องขายในราคาตลาดหรือถูกกว่าเล็กน้อย ซึ่งประเด็นนี้ถ้าสรรพากรว่าไม่ผิด ต่อไปก็คงมีคนทำตามอีกมาก จากคุณ : Pom.com -------------------------------- อ้าว..ซุกซกอะไรกัน...ในเมื่อมันไม่ได้อยู่ในข่ายต้องรายงาน ปปช. เพราะโอนให้คนอื่นดูแล รับผิดชอบ...คือ UBS AG สิงคโปร์..ซึ่งมีรายชื่อปรากฎในรายนามผู้ถือหุ้นปัจจุบัน..ก่อนที่จะขาย แล้วตั้งแต่ปี 42 เขาก็แจ้ง กลต. อยู่แล้วแอมเพิลริช แต่ก่อนถือหุ้นโดยนายก 100% ใครก็รู้เป็นทางการด้วย นี่พูดซ้ำวนกะข้างบน...คุณลองไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น... อธิบายไปหมดแล้ว ข้างบน... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 22:15:06 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 22:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 89 กิติรัตน์นี่ ยังไม่ลาออกอีกรึครับ ไหนล่ะคำสัญญาของคุณ ตั้งแต่หุ้นเบียร์ช้างแล้ว ปากพล่อยๆพอกับนายกฯเลย ลิ้นพันคอตัวเองไปหนนึงแล้ว นี่ก็มาเรื่องติ๊กช่องผิดอีก คุณเป็นถึงเจ้าหน้าที่ฯ แต่รู้เห็นเป็นใจให้พวกโจร แถมยังออกมาปกป้องการันตีให้โจรเสร็จสรรพ อย่างเลวที่สุดคุณก็แค่สั่งปรับ ฐานไม่แจ้งการซื้อขาย แค่นั้นเอง เหมือนกับตอนที่คุณหญิงพจมานฯโอนหุ้นให้พี่ชาย ซึ่งก็ไม่ได้แจ้งเช่นกัน แล้วก็สั่งปรับเล็กๆน้อยๆตามระเบียบเท่านั้น แต่คุณมีตำแหน่งใหญ่โต แต่หามีปัญญาจัดการพวกโจรใส่เสื้อนอกพวกนี้ไม่ ผมรู้สึกสมเพชการทำงานของคุณมาก และรู้สึกเสียใจแทนประเทศ ที่มีคนอย่างคุณ ที่ทำงานให้ประเทศไทยของเรา เพราะคุณไม่ได้รักษาผลประโยชน์ให้ประเทศเลย ห่วงแต่ผลประโยชน์ของพวกโจรใส่เสื้อนอก วิญญานบรรพชนต้องสาปแช่งคุณและครอบครัว ผมจะรอดูกรรมตามสนองคุณ ซึ่งคิดว่าในไม่ช้านี้แหละ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 29 ม.ค. 49 22:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ในความเห็นที่ 83 ของข้าฯ เข้าใจว่าถามเคลียร์แล้วครับ กรุณาท่านขนมต้ม ได้โปรดอ่าน ให้เข้าใจก่อนครับ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 22:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เรียนคุณช่างไฟครับ เอาให้อยู่ในประเด็นครับ เพื่อให้กระทู้นี้เป็นกระทู้สาระความรู้ ไม่ใช่กระทู้เพื่อเอาความสะใจหรือเอาอารมณ์ครับ หากใครสนับสนุนฝ่ายไหน ก็ขอให้คำนึงว่า นี่คือการโต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผลครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 22:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 92 นอกประเด็นขออนุญาติ เจ้าของกระทู้นะครับ โหวตกระทู้คู่เหมือน ลืมหัวข้อ ตกไปหนึ่ง ด้วยความละอายใจอย่างยิ่ง ******* งั้นไปต่อในกระทู้แนะนำข้าง บนกันก็ได้นะครับ มีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ น้ำจิ้มกัน บางคนก็กลัวขนาดหนัก ถึงกับถอยกลางคัน จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 22:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 93 มีคนเค้าว่า กรณีนี้เข้าข่ายนิติกรรมอำพรางเพื่อหลบเลี่ยงภาษี ลงจากหลังเสือเมื่อไหร่ อาจโดนยึดทรัพย์ ปัจจุบันมีอำนาจอยู่ก็ต้องผ่องทรัพย์สินให้ดี ฟันธงว่า คนโกงไม่ได้ตายในเมืองไทยแน่ครับ จากคุณ : โต - [ 29 ม.ค. 49 22:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ถูกกฎหมายครับแต่ไม่ถูกใจหลายฝ่าย... ก็เลยโดนด่าไงครับ อันที่จริงการซื้อขายลักษณะนี้ไม่น่าจะเป็นครั้งแรก(แต่พอเห็นนายกขายได้เยอะก็อยากได้ภาษีขึ้นมา) ถ้าคิดว่ามีช่องโหว่ของกฎหมายก็ช่วยกันเสนอแนะให้อุดช่องว่างตรงนั้นเถอะครับ ดีกว่ามาด่าทอกันไปวันๆ จากคุณ : ผีน่ารัก - [ 29 ม.ค. 49 22:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อืมอ่านแล้วงง ตกลงจะเชื่อใครดีล่ะคุณTRAT คุณTRAT บอกว่า Ample Rich ขายหุ้นให้พานทองแท้ กับน้อง นอกตลาด แต่ไหงคุณกิตติรัตน์ให้สัมภาษณ์ ว่าเป็นการซื้อขายใน ตลาดล่ะ  ตกลงข้อมูลนี้จะเชื่อใครดีล่ะ จากคุณ : เต็กกอ2000 -------------------------- ข่าว...ไงครับ..แหล่งข่าวจากไหนหล่ะครับ...ทุกวันนี้เชื่อได้หรือจากข่าวบางฉบับ...มันต้องดูสภาพแวดล้อมประกอบความเป็นไปได้...นั่นหมายถึงคุณต้องหาความรู้ประกอบในเรื่องนี้...ผมบอกแล้วคุณจะเชื่อผมเหรอ....ใช้กระบวนการค้นคว้า ตั้งสมมติฐาน ซิครับ...มันจะขบกันเอง...ตัดไปทีละประเด็น... แล้วคุณเต็กกอ ลองอ่าน วรรคท้ายสิครับ...ที่ว่า... "นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 มกราคม 2549 ว่า กรณีดังกล่าวมีรายการซื้อขายเกิดขึ้นจริง แต่ไม่มีการแจ้งรายการซื้อขายขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต) ทั้งนี้ เนื่องจากทางผู้แจ้งมีการติ๊กผิด (ทำเครื่องหมายข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ตามแบบรายงาน ก.ล.ต.) " ประเด็นที่สื่อมันเอามาโจษจัน ตั้งเป้าว่าเขาซื้อขายในตลาด..ก็ไปหาดูตามกระดานบิ๊กล็อต....แล้วมันไม่มี..เพราะรายงานตามแบบฟอร์ม เขาไประบุอย่างนั้น แต่ความเป็นจริง เขาซื้อขายนอกตลาดมากกว่า แล้วการตั้ง 1บาท..ก็เพื่อต้องการส่งคืนหุ้นกลับเจ้าของตัวจริง..ก็เท่านั้นเอง... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 22:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ยาวยังอ่านไม่หมด เอาเลยแล้วกัน อย่างงี้ครับ ลูกรับโอนหุ้นจากพ่อไม่เสียภาษีแต่มีข้อแม้ไว้ว่าจะเสียเมื่อขายแล้วมีกำไร และนายกตัดดอน มาตอนขาย บอกว่าขายราคาต่ำกว่าตลาดไม่เสียภาษี นั่นคือเลี่ยงครั้งแรก ใช้เหตุผลหนึ่ง ตอนขายใช้อีกเหตุผลหนึ่ง ตัดตอนเหตุผลที่ไม่เสียครั้งแรก ส่วนบริษัทรวยๆ ไม่ใช่การโอนจากพ่อมาลูก เป็นการซื้อขาย  ถ้าจะไม่เสียภาษี ก็ต้องบอกว่าบริษัทนั้นเป็นของพ่อ นายกก็จะโดน คดีซุกหุ้นแน่ แต่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ของพ่อ ก็ต้องโดนภาษี เพราะเป็นการซื้อขายนอกตลาด งานนี้ยาวแน่ จากคุณ : yman - [ 29 ม.ค. 49 22:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ท่านความเห็นที่ 96 ให้ความเห็นในประเด็นได้ดีอย่างยิ่ง คนขายข้าวขาหมู ข้าวหน้าเป็น อ่านแล้วเข้าใจครับ รอคนแย้งประเด็น *** อนึ่ง ขอขอบพระคุณอีกครั้งครับ เพราะ เข้าใจง่ายขึ้นบ้างแล้วครับ อิ อิ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 22:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 98 มีคนเค้าว่า กรณีนี้เข้าข่ายนิติกรรมอำพรางเพื่อหลบเลี่ยงภาษี ลงจากหลังเสือเมื่อไหร่ อาจโดนยึดทรัพย์ ปัจจุบันมีอำนาจอยู่ก็ต้องผ่องทรัพย์สินให้ดี ฟันธงว่า คนโกงไม่ได้ตายในเมืองไทยแน่ครับ จากคุณ : โต -------------------- ก็ว่ากันไป..ถ้ามั่นใจว่านิติกรรมอำพรางจริง กฎหมาย กลต.มีอยู่แล้วครับ...ไม่ต้องรอ...ฟ้องซิครับ... รอเดี๋ยวหมดอายุความซะก่อนนะครับ...เพราะข่าวว่าจะเป็นอีกหลายสมัยซะด้วย...ยิ่งหากแก้จนได้...มันจะยิ่งยืดเวลาไป...555555 อืมมม...เนาะ...ว่ากันไปได้... ------------------------------------------------ ว่าแต่ จขกท. ไปไหนเนี่ย...ผมรอไม่ไหวแล้วหน่า....รอฟังว่าข้อมูลความผิด...หรือว่าไม่ผิด แต่แจ้งให้ทราบเฉยๆ...มาตั้งคำถามแล้วก็ไป..... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 22:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สุดท้ายมันก็มาอยู่ที่ความเหมาะสมกับความถูกต้อง(ตามกฏหมาย)นั่นแหละ นายกมีธุรกิจมากมาย จะเข้ามาเล่นการเมือง พยายามเคลียร์ตัวเองตามกฏหมายเพื่อให้ไม่ผิดกฏ แต่ก็มีผิดพลาด คนก็พยายามเอากฏมาจับผิด มาไล่ส่ง แต่ตอนนี้คนกลุ่มเดียวกันนั้นก็เล่นนอกกฏด้วยการเล่นนอกสภา ปลุกระดม ปลุกม็อบ นี่แหละการเมือง สุดท้ายดูที่ผลงานดีกว่า เพราะเรายังไม่มีพวก born to be the PM เลยในเมืองไทย ใครว่าดีแค่ไหน ลองมาเป็นดู รับรองเละทุกราย จากคุณ : ขุนอิน - [ 29 ม.ค. 49 22:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ผมขอถามในฐานะผู้ไม่รู้นะครับ ถ้าตอนนี้หุ้นที่ขายให้ลูกยังเป็นของท่านนายกอยู่ แล้วขายอย่างตอนนี้ ต้องเสียภาษี และผิดมั๊ยครับ จากคุณ : หน้าดำเปา - [ 29 ม.ค. 49 22:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขออนุญาตคุณ TRAT นะครับ ผมเจอกฎหมายนี้เข้ามา เลยนำมาโพส เผื่อคุณ TRAT จะได้เอาไว้อ้างอิงครับ พรบ. บริษัทมหาชน พ.ศ. 2535 มาตรา 251 (ข้อห้ามการซื้อหลักทรัพย์ก่อนคำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ) ห้ามมิให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ซื้อหลักทรัพย์ของกิจการก่อนที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่ยื่นต่อสำนักงานจะมีผลใช้บังคับและได้ดำเนินการตาม มาตรา 248 ในระหว่างเวลานับจากวันที่คำเสนอซื้อหลักทรัพย์มีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่พ้นกำหนดระยะเวลารับซื้อที่กำหนดไว้ในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ห้ามมิให้ผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เข้าซื้อหลักทรัพย์นั้นโดยวิธีการอื่นใด นอกจากที่ได้กำหนดไว้ตามคำเสนอซื้อหลักทรัพย์นั้น มาตรานี้ ทางชินคอร์ปก็ได้ปฏิบัติตามแล้ว ก็น่าจะพ้นข้อกล่าวหาได้อีกข้อหนึ่ง จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 22:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 นายก ถือหุ้นได้เหรอครับ ท่านผู้รู้ หวังว่า คงจบประเด็นนี้นะครับ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 22:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อย่างงี้ครับ ลูกรับโอนหุ้นจากพ่อไม่เสียภาษีแต่มีข้อแม้ไว้ว่าจะเสียเมื่อขายแล้วมีกำไร และนายกตัดดอน มาตอนขาย บอกว่าขายราคาต่ำกว่าตลาดไม่เสียภาษี คุณ : yman ------------------------------------- อันนี้คุณพูดเอง มากกว่า....ไม่รู้จะอธิบายยังไง... สรุปคือ ประมวลรัษฎากร ระบุอยู่แล้ว มาตรา(๔๐)(๔)(ช)ไม่นำมาคิดเป็นเงินได้ หากไม่มีส่วนต่างในราคาทุนที่รับมา...แล้วการโอนให้ลูก...อันนี้มันก็ไปใช้ข้ออื่นๆได้...เช่นการให้โดยกฎหมายแพ่ง เพราะเป็นการให้โดยเสน่หา..ยกให้ ตามกฎหมายแพ่ง..คุณจะสัญญายกสมบัติให้ใคร...ก็ระบุได้..ว่าใครรับ ใครให้...ส่งมอบแล้วก็จบถือว่าเป็นการให้...เพียงแต่สิ่งของที่จะให้ มันก็มีเงื่อนไขเรื่องภาษี เรื่องการโอนเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ว่าไปตามขั้นตอนของมัน แต่ถ้าพี่ให้น้อง...ป้าให้อา..น้าให้หลาน..หากต้องการให้หุ้นจริงๆ กฎหมายก็ไม่เชื่อ...เพราะพี่น้อง มันก็หากำไรกันได้...ยิงกันตายก็มี หรือที่เป็นข่าวตระกูลมรดก..ผ่าศพก็ไม่รู้กี่ครั้ง...ซึ่งไม่ใช่ทายาท...แต่หากจะให้กันจริง...ไม่ได้เอากำไรจากญาติพี่น้องกันเอง...มันก็ต้องขายในราคาทุน.. หรือจะให้ไปขายผ่านกระดาน...พี่โยนหุ้นให้น้อง..ในกระดาน..มันก็เข้าข่ายทำธุรกรรมอำพรางได้ทันที... แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 01:03:41 จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 22:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ผมขอตอบคั่นเวลา ตอบแบบนั่งเทียนโดยไม่รู้ ไม่อิจฉาใคร ถ้านายกฯ ถือหุ้น ถอดจากตำแหน่งสถานเดียว ผมตอบท่านหน้าดำเปา น่ะครับ ******************** ระหว่างรอผู้รู้และเชียวชาญ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 22:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 105 :) เข้ามาอ่านอีกรอบ ความเห็นขึ้นเร็วมาก คุณ soco ครับ นายก ฯ ทักษิณไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในชินคอร์ปสักหุ้นครับ มีแต่ลูก ๆ เท่านั้น และลูกที่ถือหุ้น ก็เป็นบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วครับ ตามกฏหมาย ก็ระบุไว้แล้วครับผม จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 22:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถามอีกคำถามครับ... ว่าทำไม AmpleRich ไม่โอนคืนให้พทท.กับพทธ.เฉยๆ ทำไมต้องขาย 1 บาทในเมื่อทั้ง 2 คนเป็นเจ้าของที่แท้จริง เอ...หรือเป็นข้อตกลงหว่า... ก็ขอความเห็นแล้วกันนะครับ จากคุณ : ผีน่ารัก - [ 29 ม.ค. 49 22:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณ : ขนมต้ม ขอบคุณนะครับ...แต่คงไม่เกี่ยวครับ..กับเรื่องนี้..อย่างที่ผมบอกเรื่องผู้ถือหุ้น...กับ ชินคอร์ป ซึ่งเป็นนิติบุคคล คนละส่วนกัน...หลังจากนั้นผู้ซื้อก็มีหน้าที่ตามกฎหมายที่พึงต้องกระทำต่อไป...ผู้ถือหุ้นขายหุ้น ก็หมดความเกี่ยวข้อง... หากใครว่าไม่ถูกก็ต้องไปฟ้องชิน ฟ้อง เทมาเสก..โน่นแหละครับ...ซื้อไปแล้วก็ต้องเอาไปทำ จัดสรรให้ถูกต้อง..ตามระเบียบต่อไป...ทำไงได้ธุรกิจใหญ่ มูลค่ามหาศาลอลังการอย่างนั้น มันก็ต้องมีความซับซ้อนเป็นธรรมดา...จะเอาไปเปรียบร้านก๋วยเตี๋ยว เหมือนที่หลายคนเปรียบเปรยคงไม่ได้..มันไม่เป็นธรรมกะเขา... ดูอย่างเทเลนอร์ ซื้อยูคอม มันอีหรอบเดียวกัน..เพี๊ยะ..แต่พวกไม่แตะสักนิด...ไม่รู้ว่าใช้กฎหมายอันเดียวกันรึปล่าว...หรือประเทศไทยมีกฎหมาย 2ฉบับ...ฉบับหนึ่งใช้กับนายก..อีกฉบับหนึ่งใช้ยูคอม...เอ้อ.... จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 22:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ในความคิดของผม สมมุติผมมีบริษัท แล้วผมมีความจำเป็นที่จะต้อง ถือหุ้นไม่ได้ ผมก็ขายหุ้นให้แก่ลูกของผม หรืออาจจะเป็นนัยความหมายว่าให้ลูกถือแทนเพราะ พ่อลูกกัน ในขั้นตอนนี้ผมไม่ต้องเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ครับ เสร็จปุ๊บผมกับลูกต้องการที่จะขายหุ้นไป ผมได้นำไปขายเหมือนเรื่องนี้ ผมไม่ต้องเสียภาษี และถูกต้องใช้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ผมว่าก็โอเค แต่สมมุติว่าหุ้นที่ผมถือในที่แรก และต้องขายแบบนี้ แล้วผมต้องเสียภาษี แต่ผมกลับไปทำแบบข้างตน ผมว่าก็หน้าเกลียด ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้จริง ผู้รู้ช่วยแนะด้วยครับ จากคุณ : หน้าดำเปา - [ 29 ม.ค. 49 22:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 109 Ample Rich จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 22:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เรียนคุณผีน่ารักครับ ขออนุญาตตอบว่า ผมเห็นในกระทู้เก่า ๆ ข้างล่าง เขาถามเรื่อง amplerich ว่า เป็นของคุณทักษิณ แต่มีผู้ตอบกระทู้ท่านหนึ่ง ระบุว่า คุณทักษิณได้ขายหุ้นของ amplerich ไปทั้งหมดตั้งแต่ก่อนยุบสภาสมัยคุณชวน 2 ประมาณ 3 เดือนแล้วครับ  ผมหากระทู้นั้นไม่เจอ และจำชื่อสมาชิกท่านนั้นไม่ได้ เพราะไม่คุ้นชื่อ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 22:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ไม่ได้นอกประเด็นครับ แต่ผมสรุปโดยความเห็นส่วนตัวเอาเองว่า กรณีนี้ทำถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง โดยความสมรู้ร่วมคิดของทั้ง ผู้ขาย ผู้ซื้อ คนกลางในการซื้อขาย นักกฏหมายมือเซียน และผู้มีอำนาจในตลาดหลักทรัพย์ ครับ ทุกคนรู้เห็นเป็นใจ และอำนวยความสะดวกกันเต็มที่ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ ให้เจ้าของหุ้นได้เงินสูงสุด และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกสมเพชใจเป็นอันมาก ที่ผู้นำประเทศของเรา และเจ้าพนักงานโดยตำแหน่งของเรา รักษาผลประโยชน์ของประเทศน้อยเหลือเกิน ปล. เอกชน/ปัญเจกชน จะซื้อขายหุ้นกัน ทำกำไรอย่างไร ผมไม่ว่าครับ แต่ผู้นำประเทศและเจ้าพนักงาน มาสมคบกันทำแบบนี้ มันน่าสมเพชครับ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 29 ม.ค. 49 23:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ขออนุญาตนะครับ ผมเจอบทความนี้ ของหมอภาษี ใน tax-tai.com ต้นฉบับเป็น Word Document ซึ่งมีตารางด้วย ผมขออนุญาตตัดมาเป็นภาพดังนี้ครับ ขอสองความเห็นต่อกันครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 23:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 113 อ่านเหมือนกันครับ...แต่อยากทราบว่าทำไมไม่โอนคืนฟรีๆทำไมต้องมีหุ้นละ 1 บาท เลียนแบบนายสนธิตอนฟ้องอสมท.หรือเปล่าน่ะครับ จากคุณ : ผีน่ารัก - [ 29 ม.ค. 49 23:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เรียนคุณช่างไฟ คคห. 111 ครับ คงไม่ใช่หรอกครับ เพราะหลักเกณฑ์และกฎระเบียบทั้งหลาย ก็ปฏิบัติดังนี้ เช่นเดียวกัน หากเจ้าพนักงาน (กลต.) ละเว้น แล้วมาเล่นงานเฉพาะบริษัทของชินคอร์ปนี่สิ เราถึงกล่าวหา กลต.ได้ว่า เลือกปฏิบัติ แต่นี่มันไม่ใช่ครับ ในตอนที่ กลต. เล่นงานหุ้นของคุณสุริยา (อดีต รมช. พาณิชย์ ยุคคุณทักษิณ) นี่ก็ในยุคของคุณกิตติรัตน์เหมือนกัน เราจะหาว่า กลต. เลือกปฏิบัติหรือเปล่า จากคุณ : ขนมต้ม - [ 29 ม.ค. 49 23:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 115 นายก ถือหุ้นได้เหรอครับ ท่านผู้รู้ หวังว่า คงจบประเด็นนี้นะครับ จากคุณ : soco ------------ ดูรัฐธรรมนูญมาตรา 209 ครับ...ห้ามครับ แต่มียักไว้แล้วแต่สัดส่วนที่กฎหมายบัญญัติไว้...เท่าไหร่นั้น จำไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เคยเป็นประเด็นสมัยนายชวน ถือหุ้น โคออฟ..ก็ลืมไปแล้วว่าเท่าไหร่ ต้องไปหาดูอีกที.. แล้วในมาตราเดียวกันนี้ ก็ยังให้สามารถรับสิทธิประโยชน์จากหุ้น หรือนิติบุคคลที่มีอยู่เดิมได้...แต่ต้องแจ้งกับ ปปช. และให้นิติบุคคลอื่นที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้ดูแลแทน. จากคุณ : TRAT - [ 29 ม.ค. 49 23:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เรื่อง นิติบุคคล ขายหุ้น ต้องเสียภาษีหรือปล่าวครับ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 23:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เอ ...คุณขนมต้ม...ถามแบบไม่รู้นะ... ในเชิงธุรกิจน่ะ เจ้า ample rich มีเหตุผลอะไร ถึงขายหุ้นให้ลูกนายก หุ้นละบาท แทนที่จะขายในตลาด ราคาตั้ง 40 กว่าบาท  พอจะรู้ไหมอธิบายหน่อยสิคะ.. จากคุณ : coffee cake - [ 29 ม.ค. 49 23:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ตัวแทนขาย คนเดียวกันมั๊ยครับ กับเจ้าของตระกูล จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 23:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อุตส่าห์ ตะล่อมอยู่ตั้งนาน อิ อิ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 23:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 120 และบอกกล่าวเล่าให้ว่า เรื่องยูค่อม มิได้สับสน อลหม่าน ขนาดนี้ แต่ประการใด ขายทีเดียวจบ จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 23:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 121 Ample Rich ในเมื่อไม่เป็น ของนายก ตามที่ มีผู้อ้างว่า นายก ได้ขายแล้ว ขายให้กับใคร ทำไม่ใจดี จัง ขายกลับ ลูก นายก หุ้นละ 1 บาท แล้วลูก นายก ขายให้ สิงคโบร์ ราคา ........ ท่านผู้ใจบุญ คนนั้นเป็นใคร  ถ้าหากใครรู้จัก ท่านใจบุญ คนนั้น ช่วยแน่ะนำ ให้ผมรู้จักด้วย ถ้าหากท่านมีหุ้นเหลือ แล้วขายในราคา 1 บาท อย่างนี้ ผมให้ 10 บาท ซื้อสัก ล้านหุ้น จากคุณ : พังเภา - [ 29 ม.ค. 49 23:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 122 สวัสดีทุกๆ ท่านผม จขกท. เองครับ ไปเที่ยวเยาวราชเพิ่งกลับมาครับ กลับมาก็เจอว่ากระทู้ได้รับความนิยมเกินคาด อะไรจะขนาดนั้นไปตั้ง ร้อยกว่า คคห. แบบนี้จะตามอ่านยังไงนี่? แต่ประเด็นเพิ่มเติมก็คือ ตอนคดีซุกหุ้นนายกฯ ทักษิณ แถลงว่า ได้ขายหุ้นใน AmpleRich ให้กับ "คนอื่น" ไปแล้วไว้จะไปค้นมาให้ดูละกันครับ ตอนนี้ต้องไปนอนแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน... แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 49 23:58:43 จากคุณ : jerasak - [ 29 ม.ค. 49 23:57:25 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ราตรีสวัสดิ์ครับ หาอ่านจากกระทูแกะรอยได้ครับ ไม่ต้องค้นมาก จากคุณ : soco - [ 29 ม.ค. 49 23:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 124 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ชื่อ Ample Rich Investments Limited เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2542 (พ.ต.ท.ทักษิณถือหุ้นทั้งหมด) และบริษัทนี้ได้ซื้อหุ้น SHIN ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2542 จำนวน 32,914,600 หุ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัท Ample Rich Investments Limited เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 สามสัปดาห์หลังประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาวันทื่ 9 พฤศจิกายน 2543 เมื่อมีการเปลี่ยนพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท จำนวนหุ้นที่ Ample Rich ถือก็กลายเป็น 329.2 ล้านหุ้น ตามที่มีรายการซื้อขายเมื่ออาทิตย์ก่อน แปลว่า Ample Rich ถือหุ้น SHIN เท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ก่อตั้งจนมาถึงก่อนขายหุ้นคืนในกับครอบครัวชินวัตร เท่ากับหุ้นในส่วนนี้ เป็นหุ้นที่ครอบครัวชินวัตรเก็บไว้เพื่อให้คงสภาพเจ้าของบริษัทชิน คอร์ป (มหาชน) จำกัด ให้ถือหุ้นเท่ากับ 50 % ปัญหาตอนนี้ เท่าที่ดู ก็คือ ใครคือผู้ถือหุ้นใหญ่ Ample Rich หลังจากท่านนายกฯ ขายหุ้นในปี 2543 ใครมีข้อมูล ช่วยโพสต์ด้วย จะได้สรุปกันได้ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 00:04:44 จากคุณ : nongbee - [ 30 ม.ค. 49 00:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 126 #98 รอดูกันต่อไปครับ ผมนั่งกระดิกตีนรอดูได้ โดยไม่ต้องทุรนทุราย เวลาผมฟันธงทีไรมักไม่ค่อยผิดซะด้วยซิ 555555 จากคุณ : โต - [ 30 ม.ค. 49 00:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 127 อารายกัน...คุณ soco .. คำถามเราเลยไม่มีใครตอบ..ไปนอนกันหมดเลย   ยังไงก็ ฝันดีทุกท่านนะคะ..อิ อิ.. จากคุณ : coffee cake - [ 30 ม.ค. 49 00:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 128 อ๊ะ อรุณสวัสดิ์ครับ คุณ coffee cake เชื่อผมเต๊อะว่า กระทู้นี้มีคนสรุปอีกรอบ อิ อิ จากคุณ : soco - [ 30 ม.ค. 49 00:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ในความคิดของผม สมมุติผมมีบริษัท แล้วผมมีความจำเป็นที่จะต้อง ถือหุ้นไม่ได้ ผมก็ขายหุ้นให้แก่ลูกของผม หรืออาจจะเป็นนัยความหมายว่าให้ลูกถือแทนเพราะ พ่อลูกกัน ในขั้นตอนนี้ผมไม่ต้องเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ครับ เสร็จปุ๊บผมกับลูกต้องการที่จะขายหุ้นไป ผมได้นำไปขายเหมือนเรื่องนี้ ผมไม่ต้องเสียภาษี และถูกต้องใช้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ผมว่าก็โอเค แต่สมมุติว่าหุ้นที่ผมถือในที่แรก และต้องขายแบบนี้ แล้วผมต้องเสียภาษี แต่ผมกลับไปทำแบบข้างตน ผมว่าก็หน้าเกลียด ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้จริง ผู้รู้ช่วยแนะด้วยครับ จากคุณ : หน้าดำเปา ----------------- ประเด็นแรก...คุณต้องเข้าใจก่อนว่า นิยาม คำว่า "ขาย" ในกฎหมายภาษี...มันรวมถึงการให้ แลกเปลี่ยน โอนกรรมสิทธิ์..อะไรประมาณนี้ เรียกว่า "ขาย" ทั้งสิ้นตามกฎหมายประมวลรัษฎากร ทีนี้ต่างก็มาเถียงคอเป็นเอ็น ว่าขายบ้าง โอนบ้าง..พูดกันไม่เข้าใจตรงกัน ไม่ว่าจะทำอะไร..มันคือการขาย...เราจะโอนให้ใคร ก็เรียกว่าขาย...นี่คือกฎหมายภาษี สรรพากรเขามองว่าคือการขายไว้ก่อน...แล้วคุณต้องพิสูจน์อธิบายการขายนั้นเพื่อพิจารณาภาษี...เช่นถ้าคุณจะให้ลูก..ก็ให้ได้ตามกฎหมายแพ่ง..คือยกให้..ยกให้ต้องทำอย่างไร...ในเรื่องที่ดิน อสังหา ก็ต้องไปทำโอน..เสียค่าธรรมเนียมตามการประเมิน...จบพิธี... ให้หุ้น..อยากให้โดยเสน่หา..ตามกฎหมายแพ่งว่าด้วยการให้..มันทำได้ .ถ้าไม่มีใบหุ้นก็ไปทำโอนคิดค่าโอนเป็นรายการ ที่ ตลท. ก็ไปโอนกันได้... หรือถ้ามีใบหุ้นใบจริง ที่ออกครั้งแรกในราคาพาร์..อย่าง กฟผ. พนักงานก็จะได้ใบหุ้นมา..นั่นหล่ะ..ราคาพาร์ ต่อมาจะเท่าไหร่ก็ชั่ง...เอามาสลักหลังใบหุ้น..ก็จบ...ถือว่าโอนกันเสร็จสิ้น...มอบกันไป...ให้ไปเลย...ไม่ต้องจ่ายตังก์แม้แต่บาทเดียว...ยกให้...ลูกหรือใครก็เหมือนกันหมด..ที่จะยกให้ให้ในราคาทุน...ซึ่งตามกฎหมายสรรพากรไม่ต้องเสียภาษีใดๆ... เสร็จปั๊ป..ลูกจะขาย...คุณให้เขาแล้วนิ...ก็ต้องลูกจะขาย..ลูกบรรลุนิติภาวะแล้ว คุณจะไปก้าวก่ายลูกไม่ได้แล้ว..ยกให้แล้วตามกฎหมาย... อ้า ทีนี้..ลูกอยากขาย...บริษัทคุณอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จดทะเบียน...อ้าก็เอาไปขายในตลาด...ก็ไม่ต้องเสียอีก...มันเป็นแบบนั้น มันตรงๆอยู่แล้ว...ก็ในเมื่อกฎหมายเขาลดหย่อนให้...ถ้าลูกคุณไม่เอา อยากจ่ายภาษี เป็นคนดีประเสริฐสุดๆ....ก็ได้ ไปขายข้างนอก...ขายคนอื่นๆ...ทั่วไป ก็ไม่ว่ากัน...ก็ไม่ได้ห้ามอีก...สังคมก็ยกย่องในทำนองว่า...เออ..มันแน่หว่ะ...ไม่ยอมลดหย่อนด้วย...แต่จะมีกี่คนที่ทำตาม...ในทางธุรกิจภาษีคือต้นทุน...ต้นทุนก็แพงกว่าคนอื่น..ราคาสินค้า ภาษีก็คือตัวแปรหนึ่งที่กำหนด... แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 08:28:56 จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 00:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 130 หุ้นละบาท มีเหลืออีกมั๊ยครับ มีคนซื้อ สิบบาทล้านหุ้น แฮ่ ๆ จากคุณ : soco - [ 30 ม.ค. 49 00:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เอาล่ะ..พอ...สรุปแล้ว..ไม่มีประเด็นให้ขายความอีก..ทั้ง จขกท. และหลายท่าน..ใครที่ถามมา...ก็กลับไปอ่านดูข้างบน...ผมให้ความเห็นจนมันวนกลับที่เดิม...... ทั้งวันแล้ววันนี้...ขอจบแค่นี้...สำหรับตัวผม... แล้วใครอยากจะถามประเด็นไหน...ก็ไปหากระทู้ตั้งกัน..ในมุมตนเอง จะเหมาะกว่า มาต่อท้ายกันยาว... ประเด็นมันแตก..จนอ่านไม่รู้เรื่องง..หลายคนตั้งใจมาแซะให้มันกระจาย... สำหรับ จขกท. ก็ต้องขอบคุณ..ที่มาตั้งประเด็น...ผมก็ทำหน้าที่ ปั๊มความเห็นแทนท่าน...แต่ในมุมของผม 5555 เพราะท่านไม่มา... ส่วนท่านอื่นๆก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่แลกเปลี่ยน คุณขนมต้ม ท่านเปา  soco(ตัวป่วน)....ฯลฯ สวัสดีครับ. แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 00:32:33 จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 00:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 132 อืมม์ ผมก็มาคั่นเวลา เอ๋ย ๆ ครับ เห็นรุมกันอยู่นึกว่า มีอะไรกัน วิน ๆ ครับ ทุกท่าน จากคุณ : soco - [ 30 ม.ค. 49 00:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 133 #120 คุณ soco ผมเคยได้ยินผู้รู้เรื่องนี้ดีมากท่านนึง ให้ข้อมูลทางวิทยุว่า การขายหุ้น UCOM ซับซ้อนและรายละเอียดมากมายกว่าหุ้น Shin มาก ผมก็ไม่รู้จะเชื่อใครดีครับ ระหว่างคุณ กับ ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นครับ จากคุณ : ชินรัตน์ - [ 30 ม.ค. 49 00:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ขอชม คุณ TRAT ที่อุตส่าห์พยายามตอบประเด็นต่าง ๆ คนที่ยังสงสัยอยู่ ช่วยอ่านกระทู้อีกหลาย ๆ รอบจนกว่าจะเข้าใจนะครับ ส่วนคนที่พยายามไม่เข้าใจ ก็เป็นเรื่องของพวกท่านก็แล้วกัน และอยากจะฝากไว้สำหรับผู้ที่ต้องการจะเห็นคุณทักษิณลงจากเก้าอี้ ผมขอให้ท่านนำข้อมูลพวกนี้ ไปแจ้งความดำเนินคดีได้เลยครับ จะได้ให้ศาลตัดสินเสียที หรือไม่พวกที่อยากเห็นคุณทักษิณถูกยึดทรัพย์ ก็เอาไปแจ้งความเลย ไม่ใช่เอามาแต่วิจารณ์กัน โดยไม่ทำอะไร เหมือนกับพวกไม่มีงานทำเปล่า ๆ ดีมั้ยครับ จากคุณ : ขนมต้ม - [ 30 ม.ค. 49 00:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 135 และท่านผู้นั้นก็ขยายความว่า ผู้ขายหุ้น UCOM ก็ไม่ได้เคยภาษีแต่อย่างใด แต่ที่ไม่เป็นข่าวอึกทึกครึกโครมก็เพราะว่าผู้ขายนั้น ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จากคุณ : ชินรัตน์ - [ 30 ม.ค. 49 00:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 136 คุณ : ชินรัตน์ ครับ คุณลองเขียนแผนผังการขายหุ้น ชินคอร์ป ดูครับ ว่า กว่าจะขายได้ มีกี่ขั้นตอน จนมึนกันพักใหญ่ ก็แล้วกัน จากคุณ : soco - [ 30 ม.ค. 49 00:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ** นี่แค่คร่าวๆ เฉพาะ ที่เกี่ยวกับ ample rich น่ะ จากคุณ : coffee cake - [ 30 ม.ค. 49 00:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผู้ถือหุ้น UCOM ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น 1 บริษัท ไทย เทลโค โฮลดิ้งส์ จำกัด  266,780,999 61.38 2 CITIBANK NOMINEES SINGAPORE PTE LTD-TELE  108,000,000 24.85 3 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด  7,435,526 1.71 4 CLEARSTREAM NOMINEES LTD  5,684,684 1.31 จากคุณ : ขนมต้ม - [ 30 ม.ค. 49 00:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 139 #136 คุณ soco ผมยอมรับว่าเรื่องหุ้น ผมแค่พอรู้เรื่องแค่นั้น แต่จุดประสงค์ของผมก็คือผมต้องการรู้ว่า ผมควรจะเชื่อใครดีระหว่างคุณกับอาจารย์ผู้นั้น ผมอยากแน่ใจว่าอาจารย์ผู้นั้นพูดเรื่องจริง ไม่ใช่พูดเพราะหนุนหลังนายกฯ และผมก็อยากแน่ใจว่าที่คุณ soco กล่าวใน #120 เป็นเพราะคุณได้ศึกษาถึงรายละเอียดการขายหุ้น UCOM แล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าคุณชิงชังนายกฯ เลยกล่าวออกมาอย่างนั้น จากคุณ : ชินรัตน์ - [ 30 ม.ค. 49 00:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ถ้ามันง่ายขนาดนั้น มิสเตอร์วลัยเสถียรคงหมดอาชีพ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 30 ม.ค. 49 01:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 141 และผมก็อยากแน่ใจว่าที่คุณ soco กล่าวใน #120 เป็นเพราะคุณได้ศึกษาถึงรายละเอียดการขายหุ้น UCOM แล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าคุณชิงชังนายกฯ เลยกล่าวออกมาอย่างนั้น จากคุณ : ชินรัตน์ ------- อ้า...แวะมาก่อนนอน ผมว่าน่าสนใจมาก ทำกรณีเปรียบเทียบยูคอม..ขึ้นมาจะๆกันไป...ทุกอย่างเกณฑ์เดียวกันหมด..เพียงแต่มูลค่ามันน้อยกว่าเกือบ 8เท่า.. แล้วเทเลนอร์ ยังผาติกรรมบริษัทแยกชิ้นส่วนขายคืนตระกูลเบญจรงคกุลในส่วนที่ไม่ใช่โทรคมนาคม ก็คือคำถามเดียวกัน..ทำไม ยูคอมไม่ขายเฉพาะดีแทค...ที่นายกรณ์ถามทางชินคอร์ป ที่ทำไมไม่ขายเฉพาะ AIS .. อีหลายคำถาม ซึ่งในทางกลับกันไม่ถามกับอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมีการทำธุรกรรมเหมือนกัน รูปแบบเดียวกัน... ก็ฝากคุณชินรัตน์ ขยายความมาดูหน่อยก็จะน่าจะดี...จะได้รู้ว่ามาตรฐานคนไทย บริษัทไทย..มันอยู่ภายใต้กติกาเดียวกันหรือไม่... ขอบคุณนะครับ..ลาครับ.. แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 09:21:02 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 08:09:55 จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 01:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 142 เป็นกระทู้ที่มีสาระ..น่าอ่านครับ .จขกท.เปิดประเด็นมาได้ดีเพื่อถกกัน  ประเด็นนี้iรอสัปดาห์นี้ เดี๋ยวข้อมูลจะพรูกันออกมาอีกเเยอะครับ.. รออีกนิด เรื่องนี้หนังยาวแน่นอน อย่างน้อยมีการแถลงกันหรือยัง ว่า แอบเบิ้ล ริช ใครถือหุ้นตัวจริง? จากคุณ : พายุตะเกียง - [ 30 ม.ค. 49 01:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 143 .. ผมเคยเจอคนมีตังค์ พี่แกเล่นชื้อตั๋วรถตู้ด้านหน้าสองที่นั่ง เพื่อให้นั่งสบาย ปล่อยคนข้างหลังนั่งเบียดกันตามอัตถภาพ แบบนี้ถูกกฏหมายครับ อ้างได้สาระพัด แต่ต้องคิดกันดูว่า .. ทำถูกกฏหมาย หรือ เอากฏหมายมารับใช้ให้ถูก กันแน่ จากคุณ : พายุตะเกียง - [ 30 ม.ค. 49 01:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 144 นั่นซิครับ ประเด็น จากคุณ : soco - [ 30 ม.ค. 49 01:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 145 อ่าว หนีกันไปหมดเลย..............พรุ่งนี้จะมาต่อไหมอะ? ปล.จะตามดูว่าใครจะถูกน๊อคก่อน แต่ตอนนี้มีฝ่ายหนึ่งเริ่ม ออกอาการ เป๋ๆ ไปซะแว้วววว เหอๆ ไม่รู้จะหนีหายไปเลย หรือเปล่า? จากคุณ : pickytuta - [ 30 ม.ค. 49 05:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 146 คุณ TRAT เยี่ยมมาก  อยู่ในประเด็นได้ดี จากคุณ : NiceBenz - [ 30 ม.ค. 49 07:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 147 โหวดให้ด้วย จากคุณ : NiceBenz - [ 30 ม.ค. 49 07:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ผมอยากให้ความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ ปล่อยให้สภาทนายความและทีมงานคุณกรณ์สืบสาวไปเถอะ(ท่านเหล่านี้รู้จริงของแท้) เพราะตอนนนี้ไม่สามารถสรุปข้อมูลความจริงที่แน่ชัดได้ แม้แต่คุณกิตติรัตน์ยังกลับคำว่าลืมติ๊ก(น้ำขุ่นๆ)เป็นการซื้อขายในกระดาน ไม่รู้ไปทานอะไรเข้าไป ประเด็นข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนก่อนที่จะสรุปเรื่องต่างๆ - รายงานทรัพย์สินครั้งก่อนของนาย ก มีขอบเขตครอบคลุมถึงหุ้นที่อยู่Ample rich แค่ไหน(ใครอย่าพึ่งมาสรุปแทน) - ใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Ample rich (ยอมขายให้หุ้นละ1บาท) - การซื้อขายวันที่20ที่ผ่านมา ซื้อในหรือนอกกระดานกันแน่? ผมจึงบอกว่าท่านต้องร่ายยันต์มหาอุดทุกข้อที่กล่าว มิฉะนั้นมันกำลังเข้าทางการซุกหุ้นภาค2และเลี่ยงภาษี และทางพึ่งสุดท้าย ผู้ว่า ธปท. ต้องแถลงถึงที่มาการไหลของเงินและหุ้นเจ้าปัญหา เพราะการทำธุรกรรมนี้มีใบเสร็จจำนวน เวลา สถานที่แน่นอน  ขอย้ำว่าหม่อมอุ๋ยรู้แน่ ที่เราถกในกระทู้นี้มันเฉพาะแค่เรื่องถูกกฏ กติกา ในสังคมเท่านั้น ยังมิได้กล่าวถึง ถูก ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมในสังคมอันพึงมีของผู้นำสำหรับเมืองพุทธ(อยากให้ตั้งเป็นอีกกระทู้) ฉนั้นแม้นทุกข้อกล่าวหาจะถูกมนต์ดำมหาอุดทำให้ถูกต้องตามกฏกติกาก็มิได้หมายความว่าจะมีความชอบธรรมทางสังคม แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 08:15:58 จากคุณ : อ่านขาด - [ 30 ม.ค. 49 08:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 149 เห็น ครป. บอกจะฟ้อง  รอดูกันต่อไปเถอะ พี่น้อง จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 30 ม.ค. 49 08:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 150 คุณอ่านขาด....เอาเข้าประเด็นไปเลย...คุณมีอะไรที่จะแลกเปลี่ยนกับเรื่องนี้...แอมเพิลริช...กระทู้นี้ฟันธง..เอาเนื้อๆ.. ใครมันจะสอบ ก็ไม่ใช่ประเด็นที่เราไม่ต้องการหาคำตอบในเรื่องนี้ด้วยตนเอง...อย่างน้อยการหาคำตอบเรื่องนี้ ทำให้ทุกคนในราชดำเนิน ได้รู้จัก และรับความรู้ในข้อกฎหมายมากขึ้นเช่น ข้อกฎหมายภาษี ตามประมวลรัษฎากร...ฯ รู้จักกฎหมายหุ้น..คือพรบ. หลักทรัพย์ ฯ รู้จักกฎหมาย กทช. คือพรบ. การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ รู้จักกฎหมายแพ่ง คือประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ กฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว..คือ พรบ.การประกอบกิจการคนต่างด้าว ฯ ซึ่งมันเกี่ยวข้องหมด.... จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 08:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เห็น ครป. บอกจะฟ้อง  รอดูกันต่อไปเถอะ พี่น้อง จากคุณ : นะ (tonytui) ------------------------ หึหึ....ผมยังไม่รู้เลย จะฟ้องใคร...ฟ้องกับใคร...ประเภทด่าไปก่อน แล้วจบด้วยการฟ้องแก้เกี้ยว...เพื่อเอาไว้อ้างว่าได้ดำเนินการถึงที่สุดแล้ว...แต่รัฐบาลมันมีอำนาจเลย ดึงเรื่องเอาไว้....เห็นก็ออกมาแนวนี้ทุกที... ดู CTX เป็นตัวอย่าง...โจษขาน ด่าขรมไป 2 เดือน..วันนี้ถ้ามีมูลเอามาดำเนินเรื่องจับซะ สิครับ....ยังงี้คนเบื่อการเมืองกันหมด...นั่งดูลิงหลอกเจ้า... จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 08:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 152 เป็นข้อมูลที่น่าสนใจครับ คุณ TRAT ตอบเข้าประเด็นดีมาก หลายถ่านยังโฉบไปโฉบมา หาเป้าหมายไม่เจอ ขอโหวตให้ครับ จากคุณ : Sam (หนูถ้ำ) - [ 30 ม.ค. 49 08:41:47 ]

ความคิดเห็นที่ 153 เพื่อนๆที่อ่านกระทู้นี้เอาแค่ได้ข้อมูลคิดเห็นส่วนตัวตามความรู้อันจำกัดของแต่ละคนนะครับ เป็นออเดิฟไว้ก่อน มันหาข้อยุติและความถูกต้องไม่ได้หรอกครับ ปล่อยให้มืออาชีพเขาทำงานไปและในไม่ช้าคงมีการแถลงอย่างเป็นทางการของสภาทนายความและคุณกรณ์ ใครจะฟันธง ฟันดะก็เชิญเถอะครับ ผมขออ่านเก็บข้อมูล ให้ข้อมูลที่ควรเป็นประเด็น และจะไปรอมืออาชีพตัวจริงเสียงจริงเขาแถลงกันอีกที จากคุณ : อ่านขาด - [ 30 ม.ค. 49 08:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 154 สงสัยรายนี้จะได้เป็นเงินเดือนแล้วหล่ะ คงไม่ได้รายวันตามที่สงสัยกัน ขยันซะ จากคุณ : กาเฉม - [ 30 ม.ค. 49 09:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ผมมาช่วย จขกท เชิญอ่าน http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02p0101300149&day=2006/01/30 จากคุณ : . (RichStock) - [ 30 ม.ค. 49 09:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 156 มติชน...ก็เสนอวนไปมาเปลี่ยนคนแสดงความเห็นไปเรื่อยๆ..ไม่ได้ต่างออกไป...จากประเด็นที่คุยกันอยู่ในนี้... จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 09:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 157 อยากได้ประเด็นก็เอาไป 42- ทักกี้ตั้ง Ample rich แล้วโอนหุ้นชินไปให้ Ample rich ที่ทักกี้ถือหุ้นเอง 100% || 43- ทักกี้ประกาศขายหุ้น Ample rich ให้กองทุนอะไรของ TRAT ในสิงคโปร์ถือ ไม่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใน Ample rich อีก || 44- ทักกี้เข้ามาเป็นนายกสมัยแรก ต้องแสดงบัญชีสินทรัพย์ แต่ไม่มี Ample rich เพราะไม่ใช่ชื่อตัว แต่ก็โดนคดีซุกหุ้นอยู่ดี || 49- ทักกี้ขายหุ้นให้เทมาเซกของสิงคโปร์ แต่ดันหลุดออกมาว่าหุ้นที่ขายมีจำนวนมากกว่าที่ถือครอง โดยส่วนต่างดันเท่ากับหุ้นในนาม Ample rich พอดี || ประเด็นคือถ้าย้อนตามเส้นทางนี้แสดงว่า หุ้นในนาม Ample rich ยังเป็นของทักกี้มาตั้งแต่ปี 42 แต่ไม่มีการแจ้งให้ถูกต้องแสดงว่า เป็นการซุกหุ้นที่เพิ่งค้นพบ? ต้องมีการรื้อคดีมาทำใหม่? ธุรกรรมที่เกิดมีในระหว่างนี้ในนาม Ample rich หากไปรื้อค้นมาตรวจสอบใหม่จะเข้าข่ายปั่นหุ้นหรือไม่? ฯลฯ จากคุณ : หลังเขา - [ 30 ม.ค. 49 09:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 158 คคหที่ 157 "ประเด็นคือถ้าย้อนตามเส้นทางนี้แสดงว่า หุ้นในนาม Ample rich ยังเป็นของทักกี้มาตั้งแต่ปี 42 แต่ไม่มีการแจ้งให้ถูกต้องแสดงว่า เป็นการซุกหุ้นที่เพิ่งค้นพบ?" 5555  ก็แสดงว่าที่ตรวจสอบกันจะเป็นจะตายตอนปี 44 ที่บกพร่องหรือครับ?  คุณดูถูกฝีมือเขามากไปมั้งครับ  ตอนนั้นอำนาจรัฐอยู่ในมือใครครับก่อนปี 44 นะ แล้วตัดสิน 8-1 ก่อนจะเลือกตั้งไม่กี่วัน  ออกมา discredit กันชัดๆ ถ้าผิดจริงฟ้องเลยครับ ใบตองแห้งหมดแล้วครับ (ตั้งกระทู้ใหม่ไว้แล้วครับ) จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 30 ม.ค. 49 11:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 159 จาก #29 ของคุณ TRAT ขออนุญาตนะครับ **หุ้นที่ดีลเฉพาะในส่วนของลูกนายก..เดิมมีอยู่ 2ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือถือเอง และส่วนหนึ่งถือในนามแอมเพิลริช...ซึ่งเป็นอินเวสเม้นท์ ปกติของนักลงทุน..ซึ่งสามารถทำได้ และมันก็ปรากฎในรายงานของ ตลท. ต่อนักลงทุนตั้งแต่ ปี 2542  ไม่ใช่สิ่งซ่อนเร้นอะไร...เขาแจ้งด้วยว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ไม่มีผลต่อโครงสร้างของบริษัท...แล้วมีการรายงานการเปลี่ยนแปลงของหุ้นตามกฎหมายทุกครั้ง ที่เกิน 5% ครั้งนั้นก็รายงาน ตามที่ข่าวเสนอ....นักลงทุนทั่วไปที่ศึกษาโครงสร้างหุ้นชิน ก็รู้ดี...แอมเพิลริช จึงมีหุ้นที่มีอยู่แล้ว ตามสัดส่วนตั้งแต่ต้น แต่แบ่งตะกร้าเก็บ...** ขอถามหน่อยครับเพื่อความเข้าใจ ... ที่บอกว่าหุ้นที่ถือในนามแอมเพิลมีปรากฎในรายงานของ ตลท ตั้งแต่ปี 42  และได้แจ้งด้วยว่าเป็นบุคคลเดียวกัน...นั้นหมายถึงว่ามีการแจ้งต่อ ตลท ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วใช่ไหมครับว่าเป็นหุ้นของลูกทักษิณ และในรายงานของ ตลท ก็มีบอกเอาไว้ด้วย...หมายความเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ จากคุณ : maxcoffee  - [ 29 ม.ค. 49 21:33:12 ] เอ้า....ถามอีกที จากคุณ : maxcoffee - [ 30 ม.ค. 49 11:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 160 อ้าวกระทู้นี้ความเห็นเยอะแยะได้ไง เจ้าของกระทูเขาก็แค่บอกว่ามีหลักฐานว่ามีการขายหุ้น SHIN จาก ample rich ให้ตระกูลชินวัตร ซึ่งหมายถึงลูกทั้งสองของนายกฯ ซึ่งทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ก็เขาแจ้งไปเอง แล้วจะมาเถียงกันเรื่องอะไรตั้งยาวเหยียด ความเห็นเดียวกับกระทู้ที่เป็นข้อเท็จจริงแบบนี้ก็มากเกินไปแล้ว จากคุณ : ชาวสวน - [ 30 ม.ค. 49 12:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 161 แล้วมันผิดปกติตรงไหน? (TRAT) ยังกล้าถาม..โถ.. ๑/ เลขาส่วนตัวเป็นคนประสานงานเรื่องโอนหุ้นจากองทุนต่างประเทศ ๒/ หุ้นราค ๔๙ บาท ขายแค่บาทเดียว (ไม่ผิดกม.หอรก แต่โง่ผิดสังเกต) ๓/ มีการโอนหุ้นรายใหญ่มากว่า ๕% เมื่อวันศุกร์ รายงานตลาดหลักทรัพย์ทันทีหรือเปล่า?  ถ้าไม่ก้ผิดแล้วครับ ถ้าได้รับรายงาน  กลต.ต้องขึ้นเครื่องหมายก่อนเปิดทำการซื้อขายในวันจันทร์ อย่าลืม ตลาดเปิด ๑๐.๐๐น.  แต่เจ้าหน้าที่มาทำงานตั้งแต่ แปดโมงเช้า  ในอดีต หุ้นอื่นๆ ก็ขึ้นเครื่องหมายทันทีที่ทราบข่าว  ไม่ใช่รอจนการซื้อขายเสร็จสิ้นไปหมดแล้วค่อยขึ้นเครื่องหมาย หยุดการซื้อขาย .............. ถ้าไม่หูดับ ตาบอด ก็ต้องเห้นความผิดปกติ  แต่ถ้ายังตะแบงด้วยการยกเหตุผลต่างๆ มากล่าวอ้าง  ก็ไม่เห็นว่าจะแก้ข้อกล่าวหาทั้งสามข้อที่ผิดปกติวิสัยได้ จากคุณ : *bonny - [ 30 ม.ค. 49 12:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 162 งานนี้ ถ้า การไม่เสียภาษี ของทักษิณ เป็น เรื่องผิด กม. ที่ปรึกษา ด้านภาษี ของ ชินวัตร  เสียชื่อแน่ แค่ถ้า ไม่ผิด  คงเหมือน การ์ตูน ล้อ การเมือง จาก นสพ.   คงมีหนังสือ ออกใหม่ชื่อ สอนคนรวย ให้เลี่ยงภาษี  ออกมาขายเป็นแน่แท้ ไปรอซื้อดีกว่า จากคุณ : สลัก ลูกสูบ - [ 30 ม.ค. 49 13:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 163 อ้างอิง ความคิดเห็นคุณ หลังเขา # 157 ผมว่าเรื่อง Ample Rich เป็นของใครตรวจสอบได้ แต่ว่ากฏหมายเปิดช่องหรือเปล่าเท่านั้นครับ เพียงแค่ตามดูว่าเงินปันผลของ Shin สำหรับหุ้นที่ถือโดย Ample Rich ในช่วงปี 43- 48 นั้น สั่งจ่ายให้ใคร มีเส้นทางเดินอย่างไรก็จบครับ ซุกหรือไม่ซุก รู้แน่ อย่างว่าครับ กฏหมายเปิดช่องให้สอบหรือไม่ ถ้าเปิดช่อง หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบพร้อม และยินดีตรวจสอบด้วยความยุติธรรมหรือไม่ครับ จากคุณ : *John* - [ 30 ม.ค. 49 13:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 164 คคห. มันชักจะยาวแล้วครับผมก็เลยไปขึ้นต้นเป็นกระทู้ใหม่นะครับ == การขายหุ้น SHIN จาก AmpleRich ให้ ตระกูลชิน (ภาค2) == http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4063745/P4063745.html จากคุณ : jerasak - [ 30 ม.ค. 49 13:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 165 ลืมไป... ฝากโหวตกระทู้นี้หน่อยสิครับ น่าจะทำให้เข้าใจประเด็นของผมมากขึ้น == ถ้าคุณมีบริษัทแล้วผู้จัดการตั้งหน้าตั้งตาโกงคุณจะหาทางไล่ออกหรือให้ทำงานต่อครับ == http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4061221/P4061221.html จากคุณ : jerasak - [ 30 ม.ค. 49 13:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ขอถามหน่อยครับเพื่อความเข้าใจ ... ที่บอกว่าหุ้นที่ถือในนามแอมเพิลมีปรากฎในรายงานของ ตลท ตั้งแต่ปี 42  และได้แจ้งด้วยว่าเป็นบุคคลเดียวกัน...นั้นหมายถึงว่ามีการแจ้งต่อ ตลท ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วใช่ไหมครับว่าเป็นหุ้นของลูกทักษิณ และในรายงานของ ตลท ก็มีบอกเอาไว้ด้วย...หมายความเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ จากคุณ : maxcoffee   ----------------- ต้องขออภัย ที่ไม่ได้เห็นความเห็นของคุณเมื่อวาน หลายคนอาจจะตกหล่น..เกี่ยวกับที่คุณถาม..การแจ้งรายงานดังกล่าวช่วงนั้น ก่อนคุณทักษิณเข้าการเมือง และยังเป็นผู้ถือหุ้นแอมเพิลริช 100%  และปรากฎชื่อแอมเพิลริช เป็นผู้ถือหุ้นในรายนามของ ตลท. ต่อมาหุ้นดังกล่าวก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นผู้ถือหุ้นคือธนาคาร UBS AG สาขาสิงคโปร์(มีระบุย่อ ว่าถือแอคเค้าน์ของแอมเพิลริช)...ที่ปรากฎในรายนามผู้ถือหุ้นจนปัจจุบัน...ลักษณะดังกล่าว เป็นเสมือนธนาคารรับฝากหลักทรัพย์ดูแลผลประโยชน์ของแอมเพิลริช...ทั้งหมด ทั้งนี้ธนาคารดังกล่าว จะไม่สามารถขาย หรือโอน หลักทรัพย์ของลูกค้าที่รับฝากได้ ประมาณนั้น ตามความเข้าใจผม จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 15:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ในเมื่อขายราคาต่ำกว่าตลาด ไม่เสียภาษี ผมซื้อรถยนต์จากญาติเป็นซากรถจอดอยู่ในป่ามา 10 ปี ราคา 3000 บาท เอามาทำสีใหม่ ซ่อมเครื่องยนต์ เบรค คลชท์ ช่วงล่าง เปลี่ยนล้อและยางใหม่ หมดไปอีก 50000 บาท รถยนต์คันนี้ มีมูลค่า 53000 บาท พอผมเอาไปโอนมาเป็นชื่อผม (แน่นอนตอนซื้อมาเอาไปโอนไม่ได้เพราะต้องขนใส่รถ6ล้อไป และไม่ผ่านแน่นอนเพราะแทบไม่มีอะไรใช้การได้) ผมกรอกข้อมูลตามจริงว่าซื้อมาในราคา 3000 บาทและมีสัญญาซื้อขายแนบไปด้วย แต่ขนส่งประเมินราคารถผม ว่า 150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท) ผมต้องจ่ายภาษีและค่าโอนแพงกว่าที่ควรจะเป็นใช่ไหมครับ ทำไม เค้าไม่คิดแบบนี้กะหุ้นเหียกๆ นี้บ้างล่ะครับ หรือว่าผมไม่ได้ชื่อทักษิณเลยต้องจ่ายเต็มๆ นายกไม่ได้ทำผิดกฏหมาย(ที่พึ่งแก้เสร็จ)หรอกครับ จากคุณ : penn's - [ 30 ม.ค. 49 15:16:25 ]

ความคิดเห็นที่ 168 " การแจ้งรายงานดังกล่าวช่วงนั้น ก่อนคุณทักษิณเข้าการเมือง และยังเป็นผู้ถือหุ้นแอมเพิลริช 100%  และปรากฎชื่อแอมเพิลริช เป็นผู้ถือหุ้นในรายนามของ ตลท. ต่อมาหุ้นดังกล่าวก็เปลี่ยนชื่อมาเป็นผู้ถือหุ้นคือธนาคาร UBS AG สาขาสิงคโปร์(มีระบุย่อ ว่าถือแอคเค้าน์ของแอมเพิลริช)...ที่ปรากฎในรายนามผู้ถือหุ้นจนปัจจุบัน...ลักษณะดังกล่าว เป็นเสมือนธนาคารรับฝากหลักทรัพย์ดูแลผลประโยชน์ของแอมเพิลริช...ทั้งหมด ทั้งนี้ธนาคารดังกล่าว จะไม่สามารถขาย หรือโอน หลักทรัพย์ของลูกค้าที่รับฝากได้ ประมาณนั้น ตามความเข้าใจผม" เอาหลักฐานตรงนี้มาแสดงให้ดูหน่อยครับ จากคุณ : อ่านขาด - [ 30 ม.ค. 49 15:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 169 เอาหลักฐานตรงนี้มาแสดงให้ดูหน่อยครับ จากคุณ : อ่านขาด ------------------ ปัดโธ่....ผมเอามาลงมาตั้งแต่กระทู้คุณกลายใต้...ไม่ผ่านบ้างรึไง...ครับ...ซ้ำซาก วนจริงๆ....ลองไปหาดู ถ้าจนใจก็ไปเปิดดูตารงหุ้นชิน...แล้วดูชื่อผู้ถือหุ้นที่ผมว่า อยู่ในลำดับที่ 3หรือ 4 ไม่แน่ใจ...ตอนนี้ก็ยังมีอยู่..เค้ายังไม่อัพเดทผู้ถือหุ้นรายใหม่ของเทมาเสก จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 16:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ผมซื้อรถยนต์จากญาติเป็นซากรถจอดอยู่ในป่ามา 10 ปี ราคา 3000 บาท เอามาทำสีใหม่ ซ่อมเครื่องยนต์ เบรค คลชท์ ช่วงล่าง เปลี่ยนล้อและยางใหม่ หมดไปอีก 50000 บาท รถยนต์คันนี้ มีมูลค่า 53000 บาท พอผมเอาไปโอนมาเป็นชื่อผม (แน่นอนตอนซื้อมาเอาไปโอนไม่ได้เพราะต้องขนใส่รถ6ล้อไป และไม่ผ่านแน่นอนเพราะแทบไม่มีอะไรใช้การได้) ผมกรอกข้อมูลตามจริงว่าซื้อมาในราคา 3000 บาทและมีสัญญาซื้อขายแนบไปด้วย แต่ขนส่งประเมินราคารถผม ว่า 150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท) ผมต้องจ่ายภาษีและค่าโอนแพงกว่าที่ควรจะเป็นใช่ไหมครับ ------------- แต่งเองรึปล่าว...การซื้อรถเก่า แม้เป็นซากรถ ก็ยังมีหลักฐานสมุดทะเบียนรถ...ที่ระบุเครื่องยนต์ เลขตัวถัง แม้มันจะเสียก็ตาม.. แ้ล้วเวลาซื้อขายซากรถ ก็ทำเหมือนซื้อรถใหม่ ยังไงคุณก็ต้องเข้าไปทำการโอนตั้งแต่แรก ตั้งแต่ยังเป็นซากที่ขนส่ง ต้องทำที่ขนส่ง ซากรถนั้นถึงจะสมบูรณ์...และภาษีคิดตามขนาดเครื่องยนต์...ไม่เกี่ยวกับเสียหรือไม่ หรือเก่าใหม่... จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 16:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 171 - ขอแบบรายงานที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินนายกครั้งก่อน - ขอเอกสารรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ Ample rich ครับ เอกสารเกี่ยวโยงไม่ตรงประเด็น อยู่ในขั้นตีความกันอยู่ คุณอย่ามามั่วคิดเองเออเอง คาดว่าน่าจะเป็น ขอเอกสารหลักฐานตัวป็นๆอีกครั้งครับ จากคุณ : อ่านขาด - [ 30 ม.ค. 49 16:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 172 ขอตามมาทวงอีกครั้งครับ และสรุปว่าหุ้นที่Ample rich ขายให้หุ้นละ1บาท ขายในหรือนอกตลาด ขอข้อมูลชัดๆครับ จากคุณ : อ่านขาด - [ 30 ม.ค. 49 16:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 173 ข่าวล่าสุด กลต. ให้สองพี่น้องแจ้งการถือครองหุ้นชุดนี้ภายใน ๗ วันครับ ไว้ติดตามดู.... ข่าวคลื่น ๙๔.๐ เมื่อกี้เองครับ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 30 ม.ค. 49 16:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 174 ตลกแล้ว คุณอ่านขาด....คุณมาขออะไรกับผม..ไปขอกับ ปปช. โน่้น...ฝ่ายค้านเขาคงได้มาแล้วมั๊ง... ผมบอกแล้วว่าการแสดงความเห็นของผม ประกอบการศึกษากฎกติกา ตามกฎหมาย และวิเคราะห์สภาพแวดล้อมความเป็นไปได้ ตามกฎหมาย... ่ส่วนคำถามว่านอกตลาดหรือในตลาด...ความเห็นผมก็บอกไปแล้วข้างบน...ย้อยไปหาอ่านดูในความเห็น คุณเต็กกอ 2000 จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 16:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 175 ตกลงคุณยอมรับว่าเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ วิเคราะห์โดยขอบเขตความรู้อันจำกัดของแต่ละบุคคล งั้นคงจบประเด็นกันได้แล้วนะครับ เพราะข้อมูลที่ผมขอมันจะเป็นสิ่งยืนยันเรื่องราวต่างๆที่แท้จริง(ในเมื่อข้อมูลจริงยังไม่ได้รับการพิสูจน์) ขอให้ทุกท่านรอสภาทนายความและทีมคุณกรณ์ แถลงเร็วๆนี้ อันนั้นหลักฐานจริง ชัดๆจะๆ สรุปโดยมืออาชีพแท้ๆครับ จากคุณ : อ่านขาด - [ 30 ม.ค. 49 16:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 176 ในที่สุดก็ไม่มีหลักฐานยืนยันตามกฏหมาย งั้นก็คงสรุปอะไรตามกฎหมายไม่ได้ ต้องถือตาม คคห.175 ( คุณ : อ่านขาด ) รอสภาทนายความและทีมคุณกรณ์ แถลงแล้วล่ะครับ == ปิดประชุม == จากคุณ : jerasak - [ 30 ม.ค. 49 17:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 177 สรุปเอาดื้อๆ..ตกลงได้อ่านหรือปล่าว ที่กล่าวมาทั้งหมดว่าผมก็บอกแล้วว่า อยู่บนพื้นฐานกฎ กติกา ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง...ซึ่งอ้างอิงอยู่ในเนื้อหาครบถ้วนอยู่แล้ว... ถ้า จขกท. หรือคุณอ่านขาดมีข้อมูล มาแย้งผม ก็เอามาว่ากัน...การแสดงความเห็นในกระทู้...ไม่ใช่ศาล... จากคุณ : TRAT - [ 30 ม.ค. 49 19:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 178 ก็มันไม่มีข้อมูลที่จะยืนยันมั่นเหมาะได้ มันก็ต้องรอให้คนที่เขารู้เรื่อง มีข้อมูลมายืนยันล่ะครับ คุณแตรด จากคุณ : ช่างไฟ - [ 30 ม.ค. 49 20:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 179 กลับมาอ่านอีกที คุณ TRAT ก็ดำน้ำไม่โผล่เสียที ตอนแรกมาหลอกชาวบ้าน ว่า Ample rich ตั้งในสิงคโปร์ ไม่ต้องเสียภาษี พอผมบอกในความเห็นที่  66   ว่าบริษัท Ample Rich จดทะเบียนจัดตั้งใน British Virgin Islands ยังไงก็ต้องเสียภาษี คุณ TRAT กลับบอกว่า UBS AG สิงคโปร์ คือผู้ถือหุ้นแทน แล้วมันยังไงละครับ มันยกเ้ว้นภาษีได้ซะเมื่อไร แค่ถือหุ้นแทน ฉะนั้นยังไงก็ต้องเสียภาษีแน่ๆ ไม่งั้นไม่ขายบาทเดียวให้วุ่นหรอก ส่วนที่ผมว่าถ้าคุณ TRAT อ้างว่าต้องขายนอกตลาดเพราะเป็นกรณีพ่อขายให้ลูก แบบนี้ก็แสดงว่านายกซุกหุ้น คุณตราดโต้ว่าเอาหุ้นไปฝาก USB AGสิงคโปร์๋ เลยไม่ต้องรายงาน ปปช. ถ้าจริง ผมว่าคอยดูเถอะครับว่าจะเป็นยังไงต่อ ถ้าเป็นข้อเท็จจริงผมว่ารอบนี้คงอ้างบกพร่องโดยสุจริตไม่ได้แล้วครับ ขนาดรอบที่แล้วฝากคนใช้ไว้ ถ้าให้ถูกต้อง ยังต้องรายงาน แต่เขาถือว่าบกพร่องโดยสุจริต เลยรอดไป แต่ผมว่างานนี้ โยง Ample rich ไม่ถึงท่านนายกหรอกครับ ไม่มีทางเป็นกรณีพ่อขายให้ลูกแน่นอน แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 22:03:04 จากคุณ : Pom.com - [ 30 ม.ค. 49 21:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 180 คุณ POM UBS AG คือธนาคารรับฝากหลักทรัพย์ เป็นนิติบุคคลรับมอบหมายจัดการทรัพย์สินของ AMPLE RICH ครับ...ทำไมไม่ไปดูในรายชื่อผู้ถือหุ้น ใน ตลท. ก็จะเห็นชื่อนี้...ว่าเขาคือผู้ถือหุ้นเก็บผลประโยชน์ของ ample rich การจะทำธุรกรรมอะไรก็ตามเกี่ยวกับหุ้นจำนวนนี้ ต้องผ่าน UBS AG สิงคโปร์เท่านั้น การที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ในกรณีการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ผมบอกแล้วว่า เป็นไปตามอนุสัญญาภาษีซ้อน..ผู้ขายย่อมเสียภาษี ในประเทศที่ตั้งอยู่แล้ว....ซึ่งไทยมีอนุสัญญาดังกล่าวเมื่อปี 2519 อย่างไรก็ตาม เรื่องมันไม่เป็นประเด็น...เพราะหุ้นจำนวนนี้ในแอมเพิลริช...ข้อสนันิษฐานผมตั้งแต่ต้น คือหุ้นที่รับโอนมาแล้วของลูกนายก...มาตั้งแต่แรก ทั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพราะเป็นบุคคลเดียวกัน...ตามกฎหมาย ของ ตลท. จากคุณ : TRAT - [ 31 ม.ค. 49 09:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 181 ก็มันไม่มีข้อมูลที่จะยืนยันมั่นเหมาะได้ มันก็ต้องรอให้คนที่เขารู้เรื่อง มีข้อมูลมายืนยันล่ะครับ คุณแตรด จากคุณ : ช่างไฟ --------------------------------------- ก็แล้วแต่...ผมมันไม่ใช่คนประเภทนั้น ผมมันชอบคิดเอง หาความรู้ แล้ววิเคราะห์หาคำตอบด้วยตัวเอง... ถ้าคุณไม่มีปัญญา แลกเปลี่ยนกัน...ก็รอดูคนที่คุณฝักใฝ่เชื่อถือ..ก็เป็นสิทธิของคุณ... จากคุณ : TRAT - [ 31 ม.ค. 49 09:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 182 T(hai) RA(k) T(hai)  !! จากคุณ : รักที่นี่จังเลย - [ 1 ก.พ. 49 14:51:03 ]