กระทู้นี้คุยต่อจากที่เปิดไว้เรื่อง
"หลักฐานการขายหุ้น SHIN จาก AmpleRich ให้ ตระกูลชิน"
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4061845/P4061845.html
โดยผมตั้งคำถามว่า
"ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวดองกันขายให้ "คนอื่น" ไปแล้ว
ทำไมถึงต้องมาขายให้สิงคโปร์ผ่านตระกูลชินอีก?"
ผมนั่งอ่านกระทู้หัวโตเลยกว่าจะอ่านถึง คคห.150 ในขณะนี้นะครับ
ก็เลยมาขึ้นกระทู้ใหม่ตอบคุณ TRAT ดีกว่าจะได้ไม่ยาวเกิน
ก่อนอื่นขอชมเชย และชื่นชมคุณ TRAT เป็นอย่างสูงที่ได้แสดงความเห็นตามหลักกฎหมาย
อย่างละเอียดชัดเจน ไม่มีการเลี่ยงประเด็นใดๆ แถมยังเปิดประเด็นแวดล้อมเพิ่มเติมอีกด้วย
โดยไม่ละทิ้งประเด็นหลัก ทำให้ทุกคนได้รับความรู้เกี่ยวกับประเด็นกฎหมายจำนวนมาก
ขอชื่นชมคุณ TRAT ครับ (เสียงปรบมือประกอบ เปาะแปะ)
นอกจากนั้นก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาร่วมให้ความคิดเห็นระหว่างผมไปเที่ยวเยาวราชเมื่อคืน..
มาว่ากันต่อนะครับ โดยสรุปแล้ว..
คุณ TRAT จะเน้นอยู่อย่างเดียวที่สำคัญคือมัน "ผิดกฎหมาย" อย่างไร
โดยมีนัยยะห้ามไม่ให้อ้างถึง จริยธรรม จรรยาบรรณ หรือสามัญสำนึก
แค่แนวคิดเบื้องต้นสำหรับประเมินการทุจริตของนักการเมืองก็ผิดแล้ว
** เพราะการทุจริตมันมีความหมายครอบคลุมมากกว่าการทำผิดกฎหมาย **
ผมยกตัวอย่าง ป้าย "ห้ามเดินลัดสนาม" เป็นกฎหมายก็แล้วกัน
ทุกคนนึกได้ทันทีว่าถ้าจะเลี่ยงกฎโดยไม่ "เดิน" จะทำยังไงได้บ้าง
อาจจะกระโดดข้ามไป , ขี่จักรยานข้ามไป , ขับรถเข้าไป ฯลฯ
ถามว่าผิดกฎ [ ห้าม "เดิน" ลัดสนาม ] หรือเปล่าเอากันแบบตรงตัว
..ไม่ผิดครับ..
แต่ถามว่าเป็นการเลี่ยงกฎหรือเปล่า ขัดเจตนารมณ์ของกฎหรือเปล่า?
..เลี่ยงกฎชัดเจน..ขัดเจตนารมณ์ชัดเจน..
ซึ่งมันก็อาจเปรียบเทียบได้กับเรื่อง "ถูกกฎหมาย" มากมายนับไม่ถ้วน
ของนักการเมืองบ้านเรา ที่แวดล้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับชาติทุกสาขา
แต่เรื่องถูกกฎหมายเหล่านั้นไม่ได้เป็น "ประโยชน์" อะไรกับประเทศชาติเลย
มีแต่ประโยชน์ "ส่วนตัว" ของนักการเมือง ยกตัวอย่างประเด็นสัดส่วนผู้ถือหุ้น
ที่ต้องมี "สัญชาติไทย" สิงคโปร์ก็ใช้วิธีมาจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย
ถือหุ้นแค่ 49% แต่เป็นหุ้นสามัญซึ่งมีอำนาจบริหาร ส่วนหุ้นอีก 51%
เป็นของคนไทยแต่ดันเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ซึ่งไม่มีอำนาจบริหาร (ชื่อบ.กุหลาบฯ)
บริษัทที่ว่าทุนจดทะเบียนแค่ 160 ล้านบาท แต่มีเงินซื้อหุ้น SHIN มหาศาล
เพราะสิงคโปร์ปล่อยกู้ให้ 20,000 ล้านเพื่อมาซื้อหุ้น SHIN !!!
** กลายเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย มีคนไทยถือหุ้นใหญ่ แต่เอาเข้าจริง
ผู้มีอำนาจมีสัญชาติสิงคโปร์ ถูกกฎหมาย และสมใจสิงคโปร์ทุกประการ **
...
อีกตัวอย่างของการเลี่ยงกฎ สมมุติผมได้รับ "สัมปทานจับสัตว์ปีก"
ทีนี้สมมุติผมอยากจับค้างคาวด้วย ผมก็ไปแก้กฎหมายต่างๆ ว่า
"สัตว์ปีก" ให้หมายรวมถึง "ค้างคาว"
ถามว่าหาผลประโยชน์เกินสัมปทานหรือเปล่าเอากันแบบตรงตัวอีก
..ไม่เกินสัมปทานครับ..
แต่ถามว่าบิดเบือนกฎหมายเอื้อประโยชน์ตัวเองหรือเปล่า
ขัดเจตนารมณ์ในการให้สัมปทานหรือเปล่า?
..บิดเบือนกฎหมายเอื้อประโยชน์ตัวเองชัดเจน..
..ขัดเจตนารมณ์ในการให้สัมปทานชัดเจน..
** อย่ามาอ้างว่าการตีความ "สัตว์ปีก" ให้หมายรวมถึง "ค้างคาว"
มันบังคับใช้ทั่วไปหรือเปล่า.. เพราะเป็นไปได้ว่าคนแก้กฎหมาย
อาจไม่ได้สนใจผลที่ตามมาก็ได้ แค่ได้ประโยชน์ของตัวก็พอ
อันนี้มันก็อาจเปรียบเทียบได้กับกรณีการแก้กฎหมายตัดกรณี
ต้องมีคนไทยถือหุ้น 75% ออก ทำให้สิงคโปร์สามารถถือหุ้น 49% **
-----------------------------------------------------------------------------------
อันนี้เป็นการตอบประเด็นของคุณ TRAT อย่างครอบคลุมนะครับ
ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปหาว่ามัน "ผิดกฎหมาย" หรือเปล่า
เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่คนพวกนี้มันจะพลาด ก็บอกแล้วว่า
ต่างแวดล้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับชาติทุกสาขา
การตอบกระทู้ของคุณ TRAT ในครั้งนี้โดยยึดกุมแต่ประเด็นกฎหมาย
ก็เหมือนกับบทบาทของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวนั่นเอง โดยมุ่งอธิบาย
ถึงความ "ถูกกฎหมาย" อันสวยงามที่รังสรรค์โดยมือผู้ชำนาญการ
* แต่เรารู้ครับว่าเรื่องถูกกฎหมายที่ว่า "ใคร" ได้ประโยชน์ ประเทศชาติ หรือ คนแค่บางคน
และเรื่องถูกกฎหมายที่ว่า "ใคร" เสียประโยชน์ คนๆ นั้น หรือ คนไทยทั้งประเทศ *
AmpleRich จะผิดกฎหมายหรือเปล่าให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกัน
เขาไปค้นหาไล่จับชิงไหวชิงพริบกับดีกว่าครับ ว่าจะมีอะไรพลาดบ้างหรือเปล่า
ซึ่งถ้ามีข่าวอะไรคืบหน้าก็จะมาแจ้งใ้ห้ทราบกันอีกต่อไปครับ
อย่างไรก็ตามจะขอเน้นย้ำทิ้งท้ายเอาไว้
** การทุจริตมีความหมายครอบคลุมมากกว่าการทำผิดกฎหมาย **
แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 49 23:49:15
แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 49 13:44:40
จากคุณ :
jerasak
- [
30 ม.ค. 49 13:02:44
]