CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ๔ กุมภาขอปวงประชาปกปักษ์รักษาประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา

    ผู้เขียนในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ชื่นชอบการทำงานของผู้นำคนปัจจุบัน ขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองต่อไปค่ะ

    นับตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรอาสาสมัครก้าวเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองทำหน้าที่เป็นผู้นำของประเทศนั้น สำหรับผู้เขียนแล้วจากการติดตามการเมืองไทยตลอดระยะเวลาที่่ผ่านมาผู้เขียนคิดว่านายกรัฐมนตรีทักษิณท่านเป็นผู้นำที่มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอมากกว่านายกฯไทยคนใดในอดีตที่ประเทศไทยเราเคยมีมาค่ะ...(ได้ยินเสียง..แหวะ! แว่วมาแต่ไกล .. อิอิ)  

    ในสายตาของผู้เขียนตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาที่นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเข้ามาบริหารประเทศ ท่านทำงานด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศอย่างจริงจัง นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินประกอบไปด้วย 3 เสาหลัก คือ เสาการเมือง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคม ซึ่งเสาทั้งสามจะต้องมีความสมดุลกันเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับประเทศชาติ

    และในวันนี้ "เสาการเมือง" มีความมั่นคงเพราะรัฐบาลมาจากพรรคการเมืองเดียวสมดังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปการเมือง" (รัฐธรรมนูญฉบับ สสร.) ที่ต้องการให้ระบบพรรคมีการจัดตั้งรัฐบาลที่แข็งแกร่ง สร้างสภาวะผู้นำและเสถียรภาพให้แก่ผู้นำรัฐบาล และต้องการให้มีรัฐบาลที่จัดได้ว่าเป็นฝ่ายบริหารที่เข้มแข็ง ไม่ถูกคุกคามโดยสมาชิกพรรคของตนเองหรือพรรคร่วมรัฐบาลเพราะการเป็นรัฐบาลผสมจำเป็นรอมชอมในเรื่องของนโยบายและผลประโยชน์ทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นความจำเป็นดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้การบริหารงานถูกจำกัดแต่ยังทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่มีความแน่นอน ที่ต้องมีการรอมชอมกันในเรื่องผลประโยชน์  ในส่วนนี้ต้องถือได้ว่าวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ได้บรรลุเป้าหมายในระดับหนึ่ง  

    แต่ขณะเดียวกันจากชัยชนะในการเลือกตั้งที่ผ่านมา การที่พรรคไทยรักไทยประสพผลสำเร็จอย่างสูงได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้นจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้นั้นได้นำไปสู่จุดเริ่มต้นของการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการบางกลุ่มทำนองว่าชัยชนะดังกล่าวของพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุด อาจนำไปสู่การควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ จนนำไปสู่เผด็จการรัฐสภา และอาจจะนำไปสู่ระบอบการปกครองแบบประธานาธิบดีซึ่งเป็นการกล่าวที่ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีและความเป็นจริง  

    ผู้้เขียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการใช้คำว่า "เผด็จการรัฐสภา"  งงมากกับคำๆนี้ค่ะ … เอิ๊ก เอิ๊ก เอิ๊ก  ไม่เข้าใจค่ะว่าประเทศไทยเราที่ปกครองในระบบรัฐสภาหรือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะเป็นเผด็จการรัฐสภาได้อย่างไร พูดอย่างนี้ "เสียประชาธิปไตยหมด" เหมือนอย่างที่คุณอุทัย พิมพ์ใจชนไ้ด้เคยพูดไว้ ในเมื่อทุกๆ 4 ปีก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหญ่ครั้งหนึ่ง เปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้  หรือนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายเห็นว่าหลักการเสียงข้างมาก(Majority rule) ที่ถือเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนชาวไทย สะท้อนถึงความต้องการของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง คือเสียงของเผด็จการ หรือความหมายของเผด็จการคือ การปกครองโดยประชาชนและเพื่อประชาชน …..ถ้าเผด็จการมีความหมายตามนี้ ผู้เขียนขอเลือกการปกครองแบบเผด็จการดีกว่า เพราะระบอบประชาธิปไตยจากที่เคยยึดหลักเสียงข้างมากและหลักความยินยอมกลับกลายเป็นประชาธิปไตยตามใจฉันคือ

    -ระบอบการปกครองโดยถือเสียงข้างน้อยเป็นใหญ่
    -การเปลี่ยนรัฐบาลหรือผู้ปกครองประเทศขึ้นสู่อำนาจอาศัยการใช้กำลัง หรือใช้กฏหมู่ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปของการจลาจลกบฏ ไม่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง  กติกาหรือระเบียบแบบแผนไม่ต้องเคารพสามารถเขียนด้วยมือและลบด้วยเท้าได้ตามแ่ต่ใจปรารถนา  
    -การเปลี่ยนรัฐบาลสามารถกระทำได้แ่ต่โดยสดุดี ตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องยึดถือกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ หากนักคอลัมนิสต์ คณาจารย์ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย นักวิชาการนอกเวที นักธุรกิจสื่อไม่เห็นชอบด้วยกับการบริหารประเทศของรัฐบาล โดยอ้างเรื่องความชอบธรรมและจริยธรรมของผู้นำประเทศมาเป็นข้ออ้าง …

    เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ชนกลุ่มน้อยผู้ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือชนกลุ่มใหญ่ของประเทศเหล่านี้ แสดงออกถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยเลือกใช้และสนับสนุนวิธีการนอกระบบมาขับไล่นายกรัฐมนตรีที่มาด้วยกฏหมายและได้รับฉันทามติจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน  ในเมื่อคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิและวัยวุฒิเหล่านี้ไม่เคารพ กฎ กติกาของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมเสียเอง ยิ่งไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้มีจริยธรรม-คุณธรรมและเป็นผู้มีจิตสำนึกฝักไฝ่ในวิถีทางแห่งประชาธิปไตยโดยแท้จริง

    ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบว่าประเทศไทยเราจะมีระบบการเลือกตั้ง  มีรัฐธรรมนููญไว้ทำไมหากการถอดถอนผู้นำประเทศ
    ตัดสินกันด้วยอารมณ์และความรู้สึกของกลุ่มคนผู้เสียผลประโยชน์กลุ่มหนึ่งที่วางบทบาทเป็็นแกนนำม็อบมากกว่ายึดหลักกติกาและความถูกต้อง กว่าจะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุุบันนี้คนไทยเราต้องผ่านการเสียเลือดเสียเนื้อฆ่ากันเองเหมือน"ไก่ในชะลอม" ที่มันเบียดเสียดแย่งที่ยืนกันเลยทะเลาะจิกตีกันเองไปเท่าไหร่ การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งสิิทธิเสรีภาพและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจึงดูเหมือนกับเป็นการสูญเปล่าโดยแท้

    การชุมนุมโดยสงบและเรียบร้อยปราศจากอาวุธเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหากการชุมนุมมีเจตนาแอบแฝงเป็นการปลุกระดม ส่งเสริมยุยงให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อมีเจตนาที่จะล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ถือว่าเป็นการโค่นล้มขบวนการทางรัฐสภาและเป็นการโค่นล้มกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อเจตนาจงใจไม่ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายในการขับรัฐบาลตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย… การอ้างเหตุผลในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยข้อกล่าวหา ทุจริตคอรัปชั่นและขายชาติ โดยใช้สงครามการสื่อสาร เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศหลงเชื่อ มีข้อพิจารณาที่สมเหตุสมผลหรือไม่และมีหลักฐาน ข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใดในการสนับสนุนข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตดังกล่าว เนื่องจากว่าแกนนำม็อบอย่างคุณสนธิมีเรื่องขัดแย้งส่วนตัวกับนายกฯทักษิณจากการที่ท่านนายกฯไม่ยอมทำตามที่คุณสนธิร้องขอเพราะเป็นเรื่องผิดกฏหมาย

    ด้วยเหตุนี้การชุมนุมขับไล่รัฐบาลในวันที่ 4 กุมภานี้จึงมีเหตุผลและที่มาแตกต่างจากเหตุจราจลทางการเมืองในประวัติศาสตร์ไทย เหมือนอย่างเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ เนื่องจาก "ตุลามหาวิปโยค" รัฐบาลมาจากเผด็จการทหาร ได้อำนาจมาโดยการปฏิวัติ้จึงขาดความชอบธรรมทางการเมือง การลุกฮือขับไล่รัฐบาลของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนจึงเป็นการชุมนุมที่รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องในสิทธิและเสรีภาพและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นการชุมนุมที่มีเหตุผล ซึ่งแตกต่างจากการชุมนุมในครั้งนี้เพราะทักษิณเป็นผู้นำที่ี่ได้อำนาจมาโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 อย่างถูกต้องและชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง

    ดังนั้นผู้ที่คิดจะไปร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยน่าจะคิดใคร่ครวญให้ดีค่ะจะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครคนใดคนหนึ่งที่กำลังกล่าวอ้างว่าสถานะการณ์ของบ้านเมืองถึงขั้นวิกฤติแล้ว เพื่อจะกระทำการใดๆอันเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ อันเป็นการเข้าข่ายกบฎต่อประเทศชาติได้

    ผู้เขียนขอให้กำลังใจตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ต้องทำหน้าที่เข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับการชุมนุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ต้องทำงานอย่างระมัดระวังด้วยความรอบคอบแบบตาไม่กระพริบ ท่านเหล่านี้ต่างหากที่เป็นนักต่อสู้กู้ชาติอย่างอหิงสาตัวจริง!!

    สุดท้ายนี้ผู้เขียนขออัญเชิญกระแสพระราชดำรัสในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านจังหวัดชลบุรี มาประดับไว้ในกระทู้นี้ที่มีเนื้อความตอนหนึ่งว่า

    "...ประเทศชาติจะอยู่ได้ก็ด้วยความสามัคคีเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันไม่ปัดขาปัดแข้งกันหรืออิจฉาริษยากัน  ทำเช่นนั้นก็จะทำให้เมืองไทยอยู่ต่อไปได้อย่างที่เคยอยู่มาเป็นหลายศตวรรษมาแล้ว  ไม่มีใครที่จะมาล้มเราได้  ถ้าเราไม่ล้มตนเอง..."

    จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 4 ก.พ. 49 14:22:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป