ความคิดเห็นที่ 93
จากกาแฟดำ กรุงเทพ วันนี้ ย้อนรอยการโค่นเผด็จการมาร์กอส(1)
21 กุมภาพันธ์ 2549 19:44 น. เดือนนี้เมื่อ 20 ปีก่อน,พลังประชาชน ขับไล่เผด็จการจอมโกงกิน...ออกไป!
กุมภาพันธ์ เป็นเดือนครบ 20 ปีแห่งการรวมตัวเป็นเรือนล้านของคนฟิลิปปินส์ เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีที่ชื่อเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส
มาร์กอสอ้างว่า ประชาชนเลือกเขามาอย่างท่วมท้น แต่ก็โกงกินบ้านเมืองอย่างไร้ยางอายเพราะมีอำนาจล้นฟ้า สร้างเครือข่ายรอบตัวอย่างน่ากลัว ครอบครัวของตัวเองมีบารมีคับบ้านคับเมือง, ภรรยาชื่ออีเมลดา สามารถสั่งงานด้านการเมืองแทนสามีได้อย่างน่าหวาดหวั่น, คนรอบข้างคอยบอกมาร์กอสว่า "ท่านเก่งที่สุดแล้ว, ไม่มีใครมาแทนท่านได้"
การชุมนุมของประชาชนคนฟิลิปปินส์เรือนหมื่นขยายเป็นแสนและเป็นล้านในที่สุด ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็น People Power หรือ the Philippine Revolution of 1986 เป็นการรวมตัวของประชาชนผู้มองไม่เห็นหนทางว่าจะยับยั้งไม่ให้ผู้นำเผด็จการที่อ้างเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน มากินบ้านโกงเมืองได้อย่างไร, จึงต้องใช้วิธีรวมตัวกันอย่างอหิงสาเพื่อขับไล่ผู้นำอันไม่พึงประสงค์
การชุมนุมที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า EDSA (ชื่อถนนสายหลักกลางกรุงมะนิลาที่เป็นที่ชุมนุมของประชาชนผู้อึดอัดและงุ่นง่าน) Revolution ยืดเยื้อถึง 4 วัน
ด้านหนึ่ง ประชาชนตะโกนพร้อม ๆ กันให้ "มาร์กอส...ออกไป"
อีกด้านหนึ่งคนใกล้ชิดมาร์กอส ระดมประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ตะโกน "มาร์กอส, มาร์กอสสู้ๆ" ขณะที่ผู้นำเผด็จการโกงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พยายามจะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอีกสมัยหนึ่ง
ผู้นำศาสนาและผู้นำทหารเข้าร่วมกับนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจและชนชั้นกลางเข้าร่วมต่อต้าน และเรียกร้องให้มาร์กอสลงจากตำแหน่ง
มาร์กอสประกาศแข็งกร้าว ยืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่อยู่ข้างหลังเขา เมินเสียเถิดที่เขาจะลาออก เพราะเขาสั่งทหารได้ สั่งตำรวจได้ สั่งส.ส.ในสภาได้ สั่งได้แม้กระทั่งอัยการและผู้พิพากษา...
แต่เสียงประชาชนดังก้องกังวานไปทั่วประเทศแล้ว มาร์กอสไม่ฟังใครที่แนะนำให้เขาก้าวลงด้วยความสมัครใจ
เมื่อเขาไม่เชื่อคนฟิลิปปินส์เอง, มาร์กอสโทรศัพท์ไปหาวุฒิสมาชิกมะกันที่เคยเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่วอชิงตันชื่อพอล ลาซัลท์ ซึ่งแนะนำเขาผ่านทางโทรศัพท์ด้วยประโยคที่ยังจารึกในประวัติศาสตร์ว่า
"Cut and cut cleanly..."
หากแปลเป็นภาษาไทยก็ต้องบอกว่า "ตัด...ตัด...ให้ขาดเถิด" หรืออีกนัยหนึ่งก็คือให้กระโดดลงจากตำแหน่งโดยปราศจากเงื่อนไข
มาร์กอสอึ้งไปพักใหญ่ บ่ายวันเดียวกันนั้น มาร์กอสคุยกับรัฐมนตรีกลาโหม ฮวน เอนริเล ขอให้ทางทหารช่วยให้เขาและครอบครัวออกนอกประเทศอย่างปลอดภัย
เวลา 3 ทุ่มของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1986 มาร์กอสกับเมียและลูกๆ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์มะกัน 4 ลำบินไปสู่สนามบินคลาก ก่อนที่จะมุ่งสู่เกาะกวม และท้ายสุดไปลงที่เกาะฮาวายเพื่อลี้ภัยทางการเมือง
กระบวนการยึดทรัพย์ที่มาร์กอสและครอบครัวปล้นไปจากประเทศชาติด้วยวิธีแยบยลแบบศรีธนญชัย ก็เริ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะประชาชนต้อง "คิดบัญชี" กับเผด็จการผู้ทำร้ายประเทศชาติอย่างไม่มีข้อให้อภัยได้
ผมยังจำประโยคของคนนำเสนอข่าวชื่อ Bob Simon ทางสถานีโทรทัศน์ CBS เย็นวันนั้นได้อย่างดี
พออ่านข่าวเรื่องมาร์กอสหนีออกนอกประเทศจบ คนข่าวมะกันคนนี้หันมามองคนดูทั่วประเทศและบอกว่า
"พวกเราคนอเมริกันมักจะคิดว่าเราสอนคนฟิลิปปินส์ให้รู้จักเนื้อแท้แห่งประชาธิปไตย แต่คืนนี้คนฟิลิปปินส์พิสูจน์แล้วว่าพวกเขากำลังสอนชาวโลกทั้งมวลว่าประชาธิปไตยคืออะไรในภาคปฏิบัติกันแน่...."
คืนนั้น ไม่มีคนฟิลิปปินส์คนอื่นอยู่บ้าน ต่างออกมาเต็มท้องถนน ต่างจับไม้จับมือ สวมกอดกันทั้งน้ำตา...เป็นน้ำตาของผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านร้อนผ่านหนาว, ผ่านการถูกอำนาจรัฐคุกคาม, กลั่นแกล้ง, ปล้นสะดมมาด้วยกันอย่างมุ่งมั่นและเสียสละ
เป็นน้ำตาของเพื่อนร่วมชาติที่เสี่ยงภัยเสี่ยงชีวิต เพื่อร่วมกันขับไล่เผด็จการผู้ปล้นสมบัติของชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
จากคุณ :
รู้ทันทักษิณ (bbbn)
- [
22 ก.พ. 49 07:23:54
]
|
|
|