CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    คัดลอกมาเพื่อ สมาชิกห้องนี้โดยเฉพาะค่ะ

    เราไม่ได้เป็นนิสิตเก่าจุฬาหรือธรรมศาสตร์ ไม่ได้รู้จักท่านคณาจารย์เหล่านี้เป็นการส่วนตัว แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง
    ขอชื่นชมและปรบมือดังๆให้กับทุกๆท่านที่มี จิตวิญญาณเหมาะสมกับเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์จริงๆค่ะ
    คัดลอกมาจาก
    http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9490000016833&CommentPage=5&#Comment

    เรียน คณาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    การเป็นนักวิชาการนอกจากจะต้องถ่ายทอดความรู้วิชาการที่ทันสมัย เป็นประโยชน์แก่ลูกศิษย์แล้ว
    การใช้ความรู้วิชาการที่มีอยู่ในการร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย
    ยังเป็นภารกิจที่คณาจารย์ต้องแบกรับ ยิ่งคณาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับหลักการบริหาร หลักการปกครองบ้านเมือง
    ยิ่งต้องช่วยกันผลักดันบ้านเมืองให้ไปในทิศทางที่ถูกที่ควร

    วันนี้หลักการบริหารทุกประการ ถูกละเมิดโดยผู้ปกครองประเทศที่ชื่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
    ผู้นำที่สมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างทั้งในด้านความถูกต้องและจริยธรรม
    กลับมีพฤติกรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงความบกพร่องในจริยธรรมการบริหาร
    ไม่สามารถใช้เป็นแบบอย่างของการยกตัวอย่างเพื่อปลูกฝังให้นักศึกษาเกิดภาพลักษณ์ในทางดีงาม
    เพื่อสร้างผู้นำสังคมไทยรุ่นใหม่ในอนาคตอีกต่อไป
    1. การนำชื่อตนเอง ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในดินแดนที่คนทั้งโลกรู้จักดีว่าเป็นถิ่นของการฟอกเงิน
    การทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทำธุรกิจปิดบังพราง สร้างเงื่อนไขยอกย้อนจนสามารถหลีก หลบ เลี่ยง
    ไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกกฎหมาย หากเป็นนักธุรกิจทั่วไป ยังถูกประณามว่าไม่รักชาติ
    แต่นี่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ จะให้เรียกว่าอย่างไร

    2. การขายธุรกิจชิน แก่นักลงทุนต่างประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท
    แม้ว่าจะกล่าวอ้างว่า เพื่อต้องการทำงานการเมืองโดยปราศจากความกังวลทางธุรกิจ
    สะท้อนว่าตลอด 4 ปีกว่าที่ท่านดำรงตำแหน่งทางการเมือง ท่านมิได้ปลอดจากธุรกิจอย่างแท้จริง
    เป็นเพียงการปลอดแต่ในนามเท่านั้น การขายธุรกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เช่น
    โทรคมนาคม ให้แก่ต่างชาติ โดยกล่าวอ้างว่าไม่มีแหล่งเงินทุนใดใหญ่พอจะรับซื้อ
    แสดงถึงการนำผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง มองเห็นความร่ำรวยของวงศ์ตระกูล
    มากกว่าความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ

    3. ความร่ำรวยที่เกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจในสมัยที่ท่านเป็นผู้บริหารประเทศ
    ทำให้ให้เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ถึงหลักแสนล้าน มาจากความได้เปรียบในการบริหาร
    การใช้ราชการและการออกกฎกติกาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจครอบครัว
    ความร่ำรวยดังกล่าวไม่ได้มาจากการแข่งขันกับธุรกิจอื่นอย่างเสมอภาค
    และผลจากการประกอบที่เพิ่มความร่ำรวย กลับอาศัยช่องว่างช่องโหว่ทางกฎหมาย
    โดยการแนะนำจากเนติบริกร ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ในขณะที่ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ
    ข้าราชการที่รับเงินเดือนชนเดือน ต้องชำระภาษีตามระบบ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบาย
    ในเชิงเหตุผล ความเป็นธรรมในสังคมได้

    4. การแทรกแซงองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. สตง. คณะกรรมการการเลือกตั้ง วุฒิสภา กทช. กสช.
    ซี่งรัฐธรรมนูญได้ออกแบบเพื่อให้เกิดการถ่วงดุลทางการเมือง แต่ทุกองค์กรกลับกลายเป็น
    องค์กรง่อยเปลี้ยทางการเมือง ไม่สามารถทำหน้าที่ในการถ่วงดุล หรือกำกับติดตามอย่างได้ผล
    เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในยุคสมัยที่รัฐบาลไทยรักไทยครองอำนาจ ทั้งนี้
    ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามาจากความพยายามที่ต้องการ “กินรวบ” เพื่อการปกครองประเทศแบบศิโรราบของท่าน

    5. การใช้จ่ายเงินงบประมาณของประเทศ ถูกใช้จ่ายอย่างไร้หลักการ อย่างฟุ่มเฟือย
    แจกจ่ายไปในชนบทอย่างไร้วินัยทางการเงิน เพียงเพื่อหวังผลคะแนนนิยมทางการเมือง
    สร้างค่านิยมการรอคอยความช่วยเหลือ และรอการปลดหนี้ มากกว่าการพึ่งพาตนเอง
    โครงการแล้วโครงการเล่าที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น นำไปสู่ภาระหนี้ในอนาคต
    นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ เช่น เงินจากกองสลาก หวยบนดิน ถูกใช้จ่ายอย่างง่ายดาย
    ตามบัญชาและบงการของนักการเมือง ไม่สะท้อนถึงความสามารถในการวางแผนการจัดการที่เป็นระบบ

    6. การทุจริต คอรัปชั่น ที่กระจายขยายวง นำไปสู่ต้นทุนที่ไม่ควรมีของประเทศอย่างมากมาย
    การให้ประโยชน์ทางธุรกิจเพื่อครอบครัวพวกพ้อง ได้ถูกเปิดเผยขึ้นตลอดเวลาเรื่องแล้วเรื่องเล่า
    โดยขาดความจริงจังในการแก้ไขจากผู้นำประเทศ หนำซ้ำบริษัทที่เป็นธุรกิจครอบครัวได้รับการสัมปทาน
    หรือสิทธิประโยชน์อย่างง่ายดายโดยปราศจากการแข่งขันที่เป็นธรรม จนเป็นที่เกรงว่า
    หากรัฐบาลยังอยู่ต่อไปอีกเพียงแค่ครบสมัย ไม่ต้องรอถึง 12 ปี 16 ปี อย่างที่บางคนใฝ่ฝัน
    ประเทศไทยจะเหลืออะไรบ้าง บนความร่ำรวยของคนไม่กี่ตระกูล

    7. การครอบงำสื่อ เป็นผู้จัดการเบ็ดเสร็จของสื่อของรัฐและเอกชนเกือบทุกชนิด เช่น ช่อง 11 ช่อง 9
    ที่เป็นของรัฐอยู่แล้ว ช่อง 3 เป็นตระกูลที่ร่วมในรัฐบาล การซื้อและครอบงำ ITV
    การใช้รายการในช่อง 5 และช่อง 9 ในการวิเคราะห์ข่าวกล่าวร้ายผู้มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล
    การปิดและเบียดรายการข่าวที่เป็นกลางในคลื่นวิทยุหลายสถานี การสั่งปิดเวปไซต์
    และสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่วิพากย์การทำงานของรัฐ จัดได้ว่าไม่มียุคสมัยใดที่สื่อถูกครอบงำและคุกคามเท่าสมัยนี้

    คนที่จะการบริหาร การปกครองบ้านเมือง นอกจากต้องมีความรู้ ความสามารถ
    ยังต้องสอบผ่านทางจริยธรรม ซึ่ง ณ วันนี้ พิสูจน์แล้วว่า คุณธรรม จริยธรรม เป็นสิ่งสำคัญเหนือ
    ความรู้ความสามารถ วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า ท่านนายกไม่ผิดกรณีซุกหุ้น
    ตุลาการหลายท่านอาจคิดว่า ควรให้โอกาสแก่คนที่มีความสามารถมากู้วิกฤตบ้านเมือง
    แม้ว่าเขาจะมีข้อบกพร่องทางจริยธรรมเพียงเล็กน้อย ซึ่ง ณ วันนี้พิสูจน์ว่า
    การให้คนที่บกพร่องทางจริยธรรมมาบริหารบ้านเมือง ไม่มีทางที่การดำรงตำแหน่งหน้าที่จะเป็นการพัฒนา
    ให้เกิดการเติมเต็มในจริยธรรมที่ขาดหาย มีแต่จะใช้โอกาสในฐานะผู้บริหาร ฉกฉวยผลประโยชน์
    ให้แก่ตนเองพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงจริยธรรมอย่างไร้ยางอายมากขึ้นทุกที

    (มีต่อค่ะ)

    จากคุณ : อยู่ อย่าง แมว - [ 8 ก.พ. 49 10:22:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป