CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **ดับเบิลสแตนดาร์ด + ดับเบิล:-) + ดับเบิลแอมเพิล ริช = ?**

    ดับเบิล สแตนดาร์ด

    ๑/ ถ้อยแถลงของ..นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผจก.ตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการไม่ยอมขึ้นเครื่องหมายเตือนหุ้นชินคอร์ป ว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อสอบถามไปแล้วผู้บริหารบริษัทปฏิเสธมาตลอดห้าครั้ง  ทั้งๆ ที่มาตรการลงโทษผู้บริหารที่รู้เรื่องภายในแล้วไม่ยอมพูดความจริงก็อยู่ในมือท่าน  ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้บริหารชินคอร์ปไม่พูดความจริงกับตลาดหลักทรัพย์มาตลอด  เพราะวันขายหุ้นก็เปิดแถลงข่าวทันทีในภาคบ่าย   การปฏิบัติตนของตลาดหลักทรัพย์เทียบกับกรณีหุ้นอื่นๆ ไม่ได้เลย

    ๒/ อธิบดีกรมสรรพากรบอก การขายหุ้นชินครั้งนี้ไม่ต้องเสียภาษีแน่นอน  แต่ท่านไม่กล่าวถึงกรณีการออกแถลงการณ์ก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับการได้หุ้นมาโดยเสน่หามูลค่าหลายพันล้านบาทในตระกูลชินวัตร+ดามาพงศ์  ดังนี้..

    ครั้งแรก นายวิชัย จึงรักเกียรติ รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร (นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล-ปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงการคลัง) ทำหนังสือ ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2545 (ที่ กค.0811/6312) ระบุว่า การซื้อขายหุ้นดังกล่าว ถือไม่ได้ว่า ผู้ซื้อได้รับประโยชน์จากการโอนหุ้นซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน ซึ่งไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (4) (ช) ตามประมวลรัษฎากร เนื่องจากยังมิได้ก่อให้เกิดรายได้แก่ผู้ซื้อแต่ประการใด จนกว่าผู้ซื้อจะได้ขายหุ้นดังกล่าวไปโดยได้รับผลประโยชน์ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินที่ลงทุน


    ต่อมา เมื่อนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักบัญชีหุ้น บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ ซื้อจากบิดาในราคา 10 บาท จากราคาตลาด 21 บาท มีส่วนต่างประมาณ 55,000 บาท ปรากฏว่าถูกกรมสรรพากรคำนวณเป็นภาษีเงินได้ จึงมีการร้องเรียนว่า กรมสรรพากรเลือกปฏิบัติ ไม่ยอมเก็บภาษี "ส่วนต่าง" ราคาหุ้นชิน ทำให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2549 ว่าเป็นความผิดพลาดและเข้าใจผิดกรมสรรพากรพร้อมที่จะคืนเงินภาษีที่เก็บไปจากนายเรืองไกรไป นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กรมสรรพากรคืนเงินให้ผู้เสียภาษีโดยผู้เสียภาษีมิได้ขอคืน

    ครั้งที่สาม นายสุเทพ พงษ์พิทักษ์ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3 ทำหนังสือ ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 (ที่ กค.0709.03 (ภค.) / 12123) ถึงนายเรืองไกร เรื่องแจ้งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2546 โดยระบุว่า ในกรณีดังกล่าว ยังไม่อาจถือได้ว่าท่านมีเงินได้พึงประเมินเพราะเป็นเพียงขั้นลงทุน หาใช่ผลประโยชน์ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินลงทุน ตามมาตรา 40 (4) (ช) ท่าน (นายเรืองไกร) จึงยังคงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับตัวเลขผลประโยชน์จากการซื้อหุ้น จนกว่าท่านจะได้ขายหุ้นดังกล่าวไปโดยได้รับผลประโยชน์ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินลงทุน

    ผู้ที่เคยซื้อหุ้นมาราคาพาร์เพียงหุ้นละ 1 บาท จาก พ.ต.ท.ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน ได้แก่ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่บุญธรรมคุณหญิงพจมาน จำนวน 268 ล้านหุ้น (แตกพาร์แล้ว) นายพานทองแท้ ชินวัตร 733 ล้านหุ้น, นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 20 ล้านหุ้น หรือแม้แต่ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ซื้อหุ้นต่อมาจากนายพานทองแท้ 367 ล้านหุ้น ในราคา 1 บาท

    ระหว่างพ่อแม่ โอนให้ลูกยังพอเข้าใจได้ แต่น้องโอนให้พี่โดยเสน่หาเป็นพันๆ ล้านบาท  ไม่ผิดสังเกตบ้างเลยหรือ?

    ๓/ คำพูดของนายกฯ ทักษิณ ที่พูดไว้เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2545 ความตอนหนึ่งว่า "เมื่อวานผมดูข่าวจาก CNN ทราบว่า ขณะนี้สภาของสหรัฐกำลังแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งนี้ เพราะบริษัทต่างๆ ไม่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ แต่ไปจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ เช่น ในปานามาบ้าง หรือที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่รักชาติ เพราะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี..."

    แต่วันนี้ตนเองกระทำเองกลับบอกว่า "ตามกติกา" "ตรงไปตรงมา" "เป็นเรื่องทางธุรกิจ"  ....ขาก..ก....ก.....ตุ๊ย

    ๔/ ลานพระรูปห้ามชุมนุมเพราะกีดขวางทางจราจร และใกล้เขตพระราชฐาน

    เมื่อสามปีที่แล้ว  ใครครับที่ชักชวนประชาชนไปชุมนุมที่ลานพระรูปเพื่อ "ปักธงชัย" เอาชนะสงครามยาเสพติดในวันที่ ๔ ธันวาคมน่ะ
    กีดขวางทางจราจรเหมือนกัน ใกล้เขตพระราชฐานเหมือนกัน แต่ถ้าตนเองทำก็ถือว่า..ไม่เป็นไร(ใช่ไหม?)

    ๕/ หน่วยงานดีเอสไอ ทำไมกระโดดใส่เรื่องทุจริตของกทม.รวดเร็วทันใจดีจังเลย  เรียกสอบหมด  ตอนนี้ตั้งข้อหานายอภิรักษ์แล้ว และให้มารายงานตัวในวันที่ ๑๔ กพ.นี้

    แต่ต้นเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่นายโภคินที่ไปตกลงซื้อขายแลกเปลี่ยนกับรัฐบาล(พ่อค้า)ชาวออสเตรีย  รวมทั้งคนที่ลงนามอนุมัติให้ทำการซื้อขายได้ตามสเปค(ห่วยๆ) ที่ตกลงกันอย่างนายสมัคร  กลับไม่ถูกเรียกสอบแฮะ

    ถ้านายอภิรักษ์จะผิดก็เป็นปลายเหตุแล้วหลังจากได้สอบถามไปที่กระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้เพื่อขอให้ทบทวน แต่ถูกปฏิเสธว่าทบทวนไม่ได้ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    ๖/ เมื่อวานนายสนธิถูกผู้สนับสนุนนายกทักษิณแจ้งความดำเนินคดีไว้หลายกระทง ข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"  "ใช้คำพูดหยาบคายไม่เหมาะสม"

    ขณะเดียวกัน..
    นายกเองพูดในรายการนายกทักษิณคุยกับประชาชนเรื่อง "กระซิบ.."  และพูดกับพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ว่า  "ช่างแม่..มเต๊อะ"  คนกลุ่มเดียวกันกลับไม่มีใครให้ความสนใจเรื่องหมิ่น และเรื่องหยาบ  น่าสงสัยเรื่องสมองสองซีกจริงๆ

    แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 11:32:09

    จากคุณ : *bonny - [ 9 ก.พ. 49 09:33:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป