PANTIP.COM : P4096659 กลุ้มใจจริงๆ เพื่อนมันจะไปม็อบไล่นายกพรุ่งนี้ มันบอกเป็นเพราะ "นายกโกงภาษี" [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 13

สวัสดีครับทุกๆคน ผมเป็นคนจังหวัดยะลา เป็นคนใต้อยู่ในตัวเมืองยะลาครับ
ที่จริงแล้วผมก็ไม่ต้องการจะเขียนมาแสดงความคิดเห็นแบบนี้เลยถ้าไม่จำเป็นจริงๆผมเป็นคนรักสงบไม่อยากจะทะเลาะกับใครแต่ที่จำเป็นต้องเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นนั้นมี2ประการ คือ
1.ผมอยากเห็นความเป็นธรรมในสังคม
2.ไม่อยากให้คนไทยสังคมไทยต้องแตกแยกครับ

ขอให้ทุกๆคนค่อยๆอ่านนะครับ อย่าอ่านผ่านๆนะครับจะได้เข้าใจตรงกัน" คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อผมก็ได้ครับ" แต่ขอให้ใช้สติปัญญา พิจารณาอย่างมีเหตุผล และ "อย่าทำผิด อย่าโกหกต่อตัวเอง" ก็พอครับ

ก่อนที่ผมจะแสดงความคิดเห็นผมขอให้คุณทุกคนทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรับรู้รับฟังตามๆกันมาก่อนครับ
-พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ในหลัก "กามาลสูตร" มี10ข้อ ผมจำไม่ได้ทุกข้อแต่โดยหลักว่าไว้ว่า
"การได้รับรู้รับฟังตามๆกันมา แม้จะเป็น พ่อ แม่ ครู อาจารย์ พี่น้อง เพื่อนสนิท ฯลฯ พูดให้ฟังก็ตาม ยังไม่ควรเชื่อในทันที"
โดยเฉพาะการมีคนว่าร้ายใครก็ตาม ควรตั้ง สติ ให้ดีก่อน ควรถามหาเหตุผลและหลักฐานก่อนจึงจะค่อยเชื่อ ไม่ควรใช้อารมณ์ความรู้สึกของคนพูดและของตัวเองตัดสินผู้อื่นโดยขาดเหตุผลและหลักฐาน โดยไม่รอรับฟังเหตุผลของผู้ถูกกล่าวหาก่อน

ผมขอให้ทุกๆคนทำหัวใจของตัวเองให้ "ว่าง" ก่อนและสิ่งที่เคยเชื่อก็เอาออกมาวางไว้ข้างๆตัวก่อนแล้วทำหัวใจให้เป็น "ธรรม" เหมือนตราชั่งนั้นต้องมีที่ชั่งน้ำหนักทั้ง2ข้างต้องนำของ2สิ่งมาชั่งพร้อมกันจึงจะรู้ว่าอะไรหนักว่ากัน ไม่ควรปักใจเชื่อเอาเองว่าสิ่งนี้ต้องหนักกว่าสิ่งนั้น โดยการคาดคิด คาดเดา เอาเอง
พวกเราจึงไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา นั้นโดยทันที (คือฟังแต่ยังไม่รับเข้าไปในใจโดยทันทีแต่วางไว้ข้างๆก่อน เหมือนตราชั่งที่ควรมีของ2สิ่งมาเปรียบเทียบกัน)ควรรอให้อีกฝ่ายหนึ่งได้มีโอกาส อธิบาย ก่อน

ถ้าเรา แค่ได้ยิน ได้ฟัง จากสื่อต่างๆเพียงฝ่ายเดียว แล้วเราก็เชื่ออย่างชนิดปักใจ (คือปักเข้าไปในใจจนถอนตัวไม่ขึ้น) เชื่อโดยทันทีทันใดเราก็อาจจะตกเป็นเหยื่อ หรือ เป็นเครื่องมือของใครก็ได้ตลอดเวลา เหมือนลูกบอลที่ให้ใครต่อใครใช้เตะไปเตะมาไปเข้าประตูของอีกฝ่าย ตลอดไป

สิ่งที่ผมจะแสดงความคิดเห็นจริงๆแล้วจะไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการเมืองแต่มันแยกกันไม่ออกจริงๆเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้มันจงใจทำให้เป็นเรื่องการเมืองชัดเจนจริงๆ

ตัวผมนั้นเคยเล่นหุ้นมา1ปีกว่าในปี2545-46 ทำให้ผมเข้าใจคนที่ออกมากล่าวหาคุณทักษิณ ในทันทีว่ามีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่ การที่ พรรค ปชป.
ได้ออกมากล่าวหาว่าท่านทักษิณ ไม่ยอมเสียภาษีการขายหุ้น เป็นการเลี่ยงภาษีนั้น เริ่มแรก พรรค ปชป.ก็ออกมาหลอกลวงประชาชน ใส่ร้ายป้ายสี คนอื่นทันทีเลยครับ เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่าผมก็เล่นหุ้นและคนอีก2-5แสนคนก็เล่นหุ้น ผมและคนเล่นหุ้นที่ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เหล่านี้ ไม่เคยเสียภาษีครับ กฏระเบียบเค้ากำหนดเอาไว้นานเป็นสิบปี มาแล้วครับ ทุกคนที่เล่นหุ้นรู้ดีครับ
คุณกรณ์ จาติกวนิช ก็เคยมีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ท่านก็ทราบดี เพราะว่าท่านก็ขายหุ้นออกไปได้เงินมาหลายล้าน ท่านก็ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียวเพราะว่าขายในตลาดหลักทรัพย์ แล้วเพราะเหตุใด คุณ กรณ์ และพรรค ปชป. จึงออกมากล่าวหาคุณ ทักษิณ ด้วยประเด็นนี้ ก็เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศ อีกกว่า60ล้านคน ไม่ได้เล่นหุ้น จึงไม่เข้าใจ กฏระเบียบนี้ ที่มีมานานเป็นสิบปีแล้ว จึงอาศัยช่องว่างนี้เล่นเกมทางการเมืองเพื่อทำให้คุณทักษิณ
โดนกระแส สังคม ด่าเอาฟรีๆ

ผมจะอธิบายให้เข้าใจนะครับว่าการเล่นหุ้น โอนหุ้น ซื้อขายหุ้น ในตลาดนั้นไม่ต้องเสียภาษ๊ เป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณไม่เชื่อ ถ้าคุณมีเพื่อนที่เล่นหุ้น ให้คุณลองถามดูได้เลยครับว่า ต้องเสียภาษีไหม ผมและคนอีก2-5แสนคนที่เล่นหุ้น โอนหุ้น ซื้อขายหุ้น นั้นไม่ต้องเสียภาษีตลอดเวลามาสิบกว่าปีแล้ว เป็นเรื่องปกติมานานแล้ว เป็นสิ่งที่คนเล่นหุ้นรู้กันดีอยู่แล้ว ถ้าคุณผู้อ่านเข้ามาสมัครเปิดบัญชีเล่นหุ้น เข้ามาใหม่ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเช่นกันครับ จึงเป็นความยุติธรรมอยู่ในตัวเองอยู่แล้วครับ (แล้วจะมาบังคับ คุณทักษิณให้เสียภาษี อยู่คนเดียว อยู่ได้ มันแปลกดีนะ)

บางส่วนที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมเข้าใจก็เพราะว่าไปเข้าใจผิดว่า ภาษีรายได้กับ ภาษีการขายหุ้นนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน นี้แหละที่ทำให้คนเข้าใจผิดกันมากมาย
แม้แต่นักวิชาการ ผู้มีความรู้มากทั้งหลาย ก็มีเพราะแยกไม่ออกว่า ภาษีรายได้ กับ ภาษีการขายหุ้นนั้น เค้าใช้กฏหมายแยกคนละส่วนกัน ไม่เอามาปนกัน
ซึ่งก็อย่างที่บอกเค้าก็ใช้แบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว
พวกคุณต้องแยกให้ออกแบบชัดเจน เพราะภาษีรายได้ของคุณทักษิณและครอบครัวนั้น ท่านเสียทุกๆปีครับ รวมกันแล้วเสียถึง 3000 ล้านบาทและกลุ่มชิน คอร์ป เสียโดยรวม 50000ล้านบาท เป็นภาษีที่มากทีเดียว แต่เรื่อง การโอน ซื้อขาย หุ้นนั้น ต้องใช้กฏระเบียบเกี่ยวกับหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ครับ มันเป็นเรื่องเฉพาะหุ้นไงครับ

ที่ คุณกรณ์ และพรรค ปชป. ออกมากล่าวหาท่าน ทักษิณ ประเด็นนี้เพราะต้องการอาศัย "ความไม่รู้และ ความสับสนเรื่องภาษี ของคนส่วนใหญ่ 60ล้านคน" ให้เป็นประโยชณ์ทางการเมือง นั้นเองครับ ชัดเจนที่สุด

พอมีคนจับได้เรื่องภาษีโอน ซื้อขายหุ้นนั้นท่านทำถูกกฏหมาย ก็เลยเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่อยๆเพื่ออาศัยความไม่รู้ของคน60ล้านคนให้เป็นประโยชณ์ทางการเมืองไปเรื่อยๆเพื่อสร้างกระแสกดดัน ท่านนายกทักษิณ ตลอดไป เช่น เปลี่ยนจากไม่เสียภาษีเป็น การซุกหุ้น การใช้ข้อมูลภายในบ้าง การไม่ทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ บ้าง ฯลฯ

เมื่อมีคนตั้งคำถามหาคำตอบ คุณทักษิณ ก็หาคำตอบที่มีเหตุผลและหลักฐาน มาตอบแล้วก็ยังไม่ยอมเข้าใจ ก็จะหาเหลี่ยม หามุม อื่นๆ มาถามอีกเรื่อยๆ เจตนาเพื่อที่จะขยายผลเรื่องนี้และสร้างกระแสสังคมไปเรื่อยๆโดยอาศัยความไม่รู้ของคนส่วนใหญ่
เชื่อสิถ้ากลายเป็นเรื่องการเมืองแล้วละก็ จะมีคำถามแบบนี้ไม่มีวันจบสิ้นจะถามหาคำตอบไปเรื่อยๆจนกว่าคุณทักษิณจะลาออกนั้นแหละ

พวกคุณก็น่าจะรู้และดูออกว่าผู้ที่ออกมากล่าวหาและต้องการให้คุณทักษิณลาออกนั้น ล้วนแต่ไม่ชอบและไม่เคยชอบ เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณ หรือไม่ก็ตามกระแสกันทั้งนั้น กล่าวหาท่านเป็นประจำ ท่านทำอะไรไม่เคยทำถูกต้องเลยในสายตาของพวกเค้า

มาถึงเรื่อง จริยธรรมบ้าง ผมขอถามว่า จริยธรรม ของใครครับ ของพรรค ปชป. หรือ ของคุณกรณ์ หรือ ของคุณสนธิ หรือของสื่อมวลชน ไม่ทราบว่า จริยธรรม ของใคร แล้วใครเป็นคนตัดสินว่า ใครมี จริยธรรม ใครไม่มีจริยธรรม มันตัดสินกันตรงไหน ครับ
ผมว่า เราเอาคำว่า "จริยธรรม" เอาไปไว้บนหิ้งบูชาเถอะครับ แล้วเอาเหตุผลความจริงกับหลักฐานมาพิสูจน์กันดีกว่าครับ เอาคำสวยหรู ดูโก้ ไฮโซ เอาไปไว้บนหิ้งบูชาเถอะครับ คำๆนี้มันกว้างและครอบจักรวาลเกินไป พอไม่พอใจ ไม่ชอบใครขึ้นมาก็มักอ้างคำว่า จริยธรรม ผมก็ไม่รู้ว่าจริยธรรมของใคร ใครเป็นคนตัดสินว่าคนๆนี้มีจริยธรรม คนๆนี้ไม่มีจริยธรรม
ยังมีคำสวยหรู ดูดี ไฮโซ อื่นๆอีกผมว่าเอาไว้บนหิ้งบูชานั้นแหละดีแล้ว อย่าเอามาใช้เลยครับ "พ่อช่างนักประดิษฐ์คำจริงๆ"

คุณทักษิณไม่น่าไปสร้างศัตรูที่สำคัญที่สุดเลย คือ สื่อมวลชน (สื่อข้า ใครอย่าแตะ ; สื่อเทวดา แตะไม่ได้) สาเหตุเพราะท่านเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ง้อ ไม่หงอ สื่อมวลชน ทำให้บางครั้ง ท่านตอกกลับ นักข่าวและสื่อมวลชน จนหน้าแตก หน้าแหก กันเป็นประจำ จนทำให้สื่อมวลชนเจ็บใจ เป็นประจำ(ไม่ใช่ทุกคนนะครับ) เป็นความแค้นที่รอวันปะทุ ในที่สุดโอกาสก็มาถึงจนได้ โดยเฉพาะ คุณสนธิ นี้เลยที่เป็นคนจุดกระแสร่วมกับพรรค ปชป. ขึ้นมา
ท่านไม่ใช่นักการเมือง โดยอาชีพ จึงไม่รู้ไม่เข้าใจว่า สื่อมวลชน นี้แหละ สำคัญ ที่จะทำให้ รัฐบาลล้ม ได้ มานักต่อนักแล้ว

คุณทักษิณ ไม่เก่งเรื่องการเมืองเท่าไหร่จึงตั้งตัวไม่ทัน ถ้าท่านเข้าใจการเมืองมากกว่านี้ ท่านคงไม่ขายหรือขายแต่ขายแบบเงียบๆไม่เปิดเผยแบบนี้หรอกครับ ไปขายเงียบๆนอกประเทศไทยก็ได้ แล้วค่อยเอาเงินกลับมา มันง่ายนิดเดียว(ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกันเพราะเป็นกฏระเบียบสากล) ไม่โดนกล่าวหา โดนด่าฟรี แบบนี้หรอก แต่ท่านเป็นคนเปิดเผยท่านไม่คิดมาก ไม่คิดว่า " การขายหุ้นของท่านเองแท้ๆ " จะมีคน บางคน บางกลุ่ม ที่ไม่ชอบท่านจะเอามาเล่นเป็นการเมืองเพื่อล้มรัฐบาล ได้ถึงเพียงนี้ ท่านคงคิดไม่ถึง และถ้าท่านเข้าใจการเมืองไทยท่านทักษิณ คงจะจำได้ว่าท่านบรรหาร ท่านพลเอก ชวลิต นั้นต้องลาออกเพราะอะไร เพราะพรรค ปชป.นี้แหละครับพรรคนี้เก่งเรื่องการเมืองมากๆชอบใช้กฏหมายมาเล่นงานผู้อื่นโดยขาดหลักฐานและชอบบิดเบือนกฏหมายให้คนเข้าใจผู้อื่นผิดๆประจำ ดังเช่นท่าน บรรหารท่านเคยโดนมาแล้ว " พรรค ปชป.ใช้แค่ สำเนาเอกสารปลอม" เพียงใบเดียวที่บอกว่าท่านบรรหารไม่ได้สัญชาติไทย (ประมาณนี้ครับผมจำรายละเอียดไม่ได้หมดเกือบ10ปีมาแล้ว) แล้วใช้สื่อมวลชนให้เป็นประโยชณ์แบบหน้าด้าน ไม่สนว่าจะเป็นเอกสารปลอมโดยต้องการล้มรัฐบาลท่านบรรหารเพียงอย่างเดียว โดยอาศัยความไม่รู้ของคนส่วนใหญ่ สร้างกระแสสังคม ความไม่ชอบธรรมให้เกิดขึ้นในตัวท่านบรรหาร เพื่อกดดันให้ท่านลาออก หรือยุบสภา และพรรคปชป.นี้แหละ ใช้ความหน้าด้าน ไปกดดันและดึง สส. ( กลุ่ม งูเห่า12-16 ตัว มั่งจำไม่ได้) ในฝ่ายของรัฐบาลให้มาเป็นพวกตัวเองเพื่อที่จะกดดัน และทำให้รัฐบาลมีเสียงน้อยกว่า ตัวเอง และเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง สร้างความไม่ชอบธรรมให้แก่ท่านบรรหาร นี้แหละนิสัยของพรรค ปชป. นี้แหละ จริยธรรมของ พรรคปชป. แล้วตอนนี้ พรรคปชป. ก็จะนำวิธีการเดิมๆแบบนี้กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ท่านเสนาะท่านก็รู้สัณญานนี้ดีแต่ท่านมี สส. ไม่พอท่านจึงทำอะไรไม่ได้

พรรค ปชป.นั้น ไม่เคยรอคอยการเป็น รัฐบาล นานแบบนี้มาก่อน เมื่อมีโอกาสก็ไม่ปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ นี้ก็รอมา5ปีแล้วถ้าต้องรออีก3ปีคงอดอยากปากแห้ง ลงแดงตายมั่ง อิอิ
การใส่ร้ายป้ายสีในครั้งนี้ มีประโยชณ์ต่อพรรค ปชป.มากๆ อย่างน้อย3ข้อ
1.ตั้งใจล้มรัฐบาล ถ้าล้มได้ก็โชคดีปีใหม่ไป
2. ถ้าล้มไม่ได้ก็ยังได้สาดโคลน ทำให้เปรอะเปื่อนกันไปข้าง
3. เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็จะได้ใช้ข้อหานี้มาสาดโคลน ซึ้าที่เก่า เอาแบบไม่ต้องใส่กันไปเลย ฮ่าๆๆ

ผมต้องการนำเสนอให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเกมการเมืองของคนที่ รอให้ครบ4ปีไม่ได้อีกแล้ว เหมือนในอดีตที่เคยทำมาแล้วได้ผลจึงลงมือทำมันอีกครั้ง ขอให้เราทุกคนรู้ไว้ แล้วอย่าเป็นลูกฟุตบอลให้ใครแตะง่ายๆโดยไม่มีเหตุผลครับ

ก็ขอขอบคุณ ครับที่อ่าน
(ผม ขออนุญาติ นำไปโพสท์ ในที่อื่นด้วยนะครับ ใครที่เห็นด้วยช่วยผมก็ยินดีครับ)

จากคุณ : moo (กรรไกรรัตนะ) - [ 11 ก.พ. 49 00:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21

อืมในเรื่องการโกงภาษีผมว่าใครเล่นหุ้นในกระดาน เกือบ 100% จะรู้อยู่แล้วว่าไม่ต้องเสียภาษีลองเทียบกับ โออิชิ โมเดลลิ่ง สิครับทาง คุณตัณก็ไม่ต้องเสียภาษีในการขายหุ้นโออิชิให้กับทางเบียร์ช้างอยู่แล้ว (ใครๆก็รู้ แต่ไม่ยักมีใครมาใส่ใจเหมือนในเคสนายกฯแฮะ) เำีพียงแต่ฝ่ายค้านและนายสนธิอาศัยความไม่รู้เรื่องกฏหมายของประชาชนมา
ใส่ไฟเข้าไปสังเกตุว่าหลังๆหลายท่านที่เริ่มรู้มากขึ้น ก็พยายามเปลี่ยนไปเล่นเรื่องการซุกหุ้นแทน บางครั้งคนเราก็เอาเรื่องอารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล... ในยุคข้อมูลข่าวสารนี้ ไม่ใช่แค่การรับข้อมูลมาอย่างเดียวนะครับแต่ต้องหัดตีแผ่และศึกษาข้อมูลนั้นๆในเชิงลึกให้ดี
เพราะคุณจะไม่รู้หรอกว่าคุณได้ถลำลึกไปไกลแล้ว... (แกนนำที่เรียกร้องถ้าเค้าไม่เสียผลประโยชน์จะไม่ทุ่มเทเรียกร้องกันขนาดนี้หรอก)

ผมไม่ได้บอกว่านายกคนนี้ดีเลิศนะ แต่สิ่งที่สนธิทำมันเลวร้ายเกินไปนะ มันคือเกมสกปรกกันล้วนๆ

อ้างอิง................
กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ข่าวหุ้น

เจ้าสัวเจริญเลียนแบบนายกฯทักษิณ ทำบิ๊กล็อตหุ้น OISHI ในกระดานราคา 32.50 บาท"ตัน"รวยเละ 3,352 ล้านบาทไม่ต้องเสียภาษี ระบุพันธมิตรรายใหม่ทำให้ธุรกิจแกร่งยิ่งขึ้นเตรียมทำเทนเดอร์ก.พ.-มี.ค.นี้ ยันดีลครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับไทยเบฟฯ
วานนี้(26 ม.ค.) มีการแถลงข่าวพันธมิตรรายใหม่ของบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ OISHI ปรากฎว่าบริษัท นครชื่น จำกัด และ Bengena InternationalLtd. เข้าเป็นพันธมิตรรายใหม่ โดยการโอนขายหุ้นในครั้งนี้ซื้อขายผ่านทางกระดานทำให้ไม่มีการเสียภาษีเกิดขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มนครชื่นมีนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการขายหุ้นในครั้งนี้นายตันจะได้รับเงิน 3,352 ล้านบาท และนายตันจะมีหุ้นลดลงเหลือประมาณ 10%
นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ OISHI เปิดเผยว่าภายหลังจากมีพันธมิตรรายใหม่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นจะทำให้ธุรกิจของบริษัทในอนาคตมีความแข็งแกร่งขึ้น
"ผมขอยืนยันว่าจะทำให้ธุรกิจของ OISHI เติบโตต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเติบโตของ OISHI ภายหลังจากมีพันธมิตรรายใหม่เข้ามา การเติบโตจะไปในทิศทางที่ดีมั่นคงอย่างแน่นอน"นายตัน กล่าว
ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าว นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS ระบุว่า หลังมีพันธมิตรรายใหม่เข้ามาจะทำให้สินค้า OISHI มีช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากพันธมิตรรายใหม่เป็นกลุ่มนายเจิรญซึ่งมีธุรกิจหลายประเภท ดังนั้นเป็นเสมือนการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งฐานทางการเงินจะดีขึ้นตามไปด้วย และแบรนด์ OISHI เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชาเขียวในปัจจุบันอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีคงต้องรอดูแผนธุรกิจสำหรับปี 2549 ของ OISHI อีกครั้งจึงจะสามารถสรุปข้อมูลที่ชัดเจนได้ว่า OISHIจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนหลังมีพันธมิตรรายใหม่

ผมอยากบอกว่ามันไม่ใช่การโกงแต่คือการหลีกเลี่ยงมากกว่า ถ้าคุณจะโทษก็น่าจะเป็นเรื่องจริยธรรมมากกว่า
(ดีลใหญ่ขนาดนี้ผมว่าเขาเตรียมการมาอย่างรอบคอบอยู่แล้วครับ)

การหลีกเลี่ยงภาษีมันมีมาตั้งนานอยู่แล้วแทบจะทุกบริษัทในประเทศไทย แม้แต่เราๆท่านๆเองก็เถอะครับยังหาช่องว่างจ่ายภาษีน้อยที่สุดอยู่แล้ว (แม้แต่พรรคปชป.สนธิเองหรือคนในพรรคเองที่เป็นนักธุรกิจก็เถอะ)ผมว่าไม่เลวเมื่อเทียบกับการโกงกินหรอกนะ
ถ้าจะพลาดก็คือกฏหมายของเราเองที่ไม่มีความรัดกุม หรือไม่ได้ระบุถึงภาระในการเสียภาษีที่ครอบคลุม
แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 49 00:43:55
แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 49 00:11:02

จากคุณ : subzero - [ 12 ก.พ. 49 00:07:44 ]