CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    จดหมายเปิดผนึกถึงพี่สนธิ เรื่องการขาย AIS จากทวีวุฒิ จุลวัจนะ ลูกน้องเก่าพี่เอง

    เมื่อโทรคมไทยถูกต่างชาติซื้อ ไทยได้เสียอะไร


    DTAC และ AIS กลายเป็นของต่างชาติไปแล้ว ทาง CIO Forum ก็ตกใจแล้วตกใจอีก แทบไม่เชื่อหูเหมือนทุกท่าน “ใจมันหาย” ยังไงไม่รู้ แล้วรู้สึกกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโทรคมไทยในมือต่างชาติ แต่ก็พยายามตั้งสติตรึกตรองอย่างมีเหตุผล แล้วก็วางตัวเป็นกลาง เพื่อการวิเคราะห์ดูว่าเรื่องนี้ ดีต่อไทยตรงไหนและไม่ดีตรงไหน


    การเมืองเสียความมั่นคง

    ดูจะเป็นเรื่องใหญ่มากที่มีการขาย AIS และบริษัทโทรคมอื่นๆไปให้ทุนสิงคโปร์ ไม่เหมือนตอนขาย DTAC ไปให้ เทเลนอร์ การเมืองนั้นไม่มั่นคงไปทันทีตอนนี้ สร้างความเสียหายให้ระบบเศรษฐกิจมากมาย ตั้งแต่หุ้นไปจนถึงความมั่นใจของต่างชาติในไทย และความมั่นใจของคนไทยเองในไทย มีการกล่าวหาว่าเป็นการ “ขายชาติ” ไปแล้ว ทาง CIO Forum ก็ติดตามเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนที่แล้ว ที่มีข่าวลือออกมาในวงการโบรกเกอร์ว่าจะมีการขาย AIS เพราะ AIS นั้นยังเป็น 2G อยู่ในขณะที่ต้องลงทุนอีกมากก่อนจะเป็น 3G ขึ้นมาได้ ในฉบับนั้นเราก็ได้เสนอมุมมองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยว่า “ถ้าจะขายต้องขายตอนนี้ เพราะเป็นการขายที่จะได้ราคาดีกว่าการรอไว้ตอนหลังที่จะต้องลงทุนใน 3G และเป็นการตัดหน้า WTO ที่มีกรอบว่าไทยต้องเปิดเสรีโทรคมอยู่แล้วในไม่กี่ปี คือในวันข้างหน้าแข่งกันมาก สรุปคือขายตอนนี้ดีที่สุด” ก็เหมือนการรีบขายรถก่อนตกรุ่นนะครับ นักวิเคราะห็ยังบอกอีกว่าเพราะการเกิดขึ้นของ กทช การแข่งขันจะยุติธรรมมากขึ้น คือตอนนี้ AIS ได้เปรียบคนอื่นอยู่มาก คือนอกจากรถตกรุ่นแล้ว เครื่องยนต์ก็กำลังจะพังอยู่แล้ว ในฉบับนี้เราจะพยายามเสนออย่างเป็นกลางถึงข้อดีและเสียในการที่ทุนต่างชาติเข้ามาซื้อบริษัทโทรคมไทย


    ผมขอเอาบางประเด็นออกจากการไตร่ตรองและไม่พูดถึงมากนะครับ

    แต่ก่อนอื่นขอกล่าวหน่อยว่าทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อนั้น “เป็นเพียงสัญญาเช่าใช้” เพราะทุกอย่างตั้งแต่ดาวเทียมไปจนถึงเสาส่งสัญญานและคลื่นที่ใช้นั้น เป็นของชาติทั้งสิ้น คือ “ซื้อขายกันไม่ได้” นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่เขามาซื้อไปนั้นก็เก่ามากแล้ว คือเป็น 2G คือเหมือนเขามาซื้อรถตกรุ่นนะครับ คือตอนนี้เขาไปกันถึง 3G และ 4G แล้ว ยิ่งดาวเทียมไม่ต้องบอก ถึงลูกล่าสุดจะพึ่งยิงขึ้นไป เพราะในโลกของเทคโนนั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ตอนนี้ก็เก่าแล้วครับ อีกความจริงที่อยากเอาออกจากเรื่องที่ผมจะเขียนจริงๆ ว่าการขายนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็คือเรื่องความปรอดภัยของข้อมูลนะครับ ที่กลัวกันว่าสิงคโปร์จะมาดักฟังคนไทยพูดคุยกันนะครับ มันก็เป็นเรื่องความมั่นคง แต่ทุกวันนี้ระบบมือถือนั้น ก็คือสัญญานวิทยุนั่นเอง สิงค์โปร์มีเครื่องมือเท่ากับ Computer Laptop ก็แอบฟังคนไทยคุยกันได้แล้วครับ คือคลื่นวิทยุดักฟังกันง่ายขนาดไหนคงทราบนะครับ คงไม่ได้มาใช้เงินขนาดนี้เพื่อเรื่องนั้นแน่นอน มันเหมือนบอกต้องซื้อปืนใหญ่ไว้ยิงนกนะครับ


    ที่อยากลบออกจากเรื่องอีกอย่างก็คือ Temasak เป็นกองทุนนะครับ ในแวดวงหุ้นจะรู้กันว่ากองทุนเขาดูแลระดับนโยบายเท่านั้น ผู้กำกับนโยบานก็คือ Board ถ้าดู Board AIS ก็ยังคนไทยส่วนมากนะครับ คงมีการเปลี่ยนแปลง แต่ในสาระแล้วก็ต้องดูกันต่อไปนะครับว่าจะคนไทยหรือต่างชาติ เรื่องสุดท้ายที่อยากลบออกจากเรื่องคือภายในไม่กี่ปี ก็ต้องเปิดเสรีนะครับ เพราะประเทศทั่วโลกตกลงกันว่าจะเปิดโทรคมอย่างเสรีนั่นเอง คือยังไงก็หนีฝรั่งไม่พ้น เขาเข้ามาแน่ ไม่ใช่ไม่ตกใจที่ AIS ถูกขายนะครับ ผมก็ตกใจ เพราะมันเร็วเหลือเกิน เป็นของไทย แต่ในอีกมุม ฝรั่งเขาจะกรูกันเข้ามาแน่นอนในไม่กี่ปี


    อีกอย่างที่อยากลบออกจากการมีประเด็นคือเรื่องการตามให้ทันโลกของเทคโนโลยี่นะครับ คือเขาไปกันถึง 3G และ 4G แล้ว แต่การที่ฝรั่งเข้ามา หรือขายไปให้ฝรั่ง เท่าที่ผมสังเกตุผู้สื่อข่าวสายโทรคมเขียนแล้ว ส่วนมากจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน คือมันจะดีต่อการเดินให้ “ทันตามเทคโนโลยี่โลก” แต่ผมว่ามันไม่แน่นะครับว่าฝรั่งเขาจะเป็นนักพัฒนาขนาดไหน คือ 3G นั้นก็ชักจะเก่าไปเสียแล้วนะครับ คือมันชักจะสายแล้วใน Product Life Cycle ตอนนี้ถ้าจะเล่น มันต้องนึกถึง 4G แล้วครับ แต่เท่าที่ดูมา ก็เห็นฝรั่งดูกันอยู่แต่ 3G ผมขอสรุปก็แล้วกันนะครับ ว่าฝรั่งมันบ่งบอกว่าเขาก็ “เฉื่อย” เหมือนกันนะครับ ฉนั้นผมขอเอาข้อดีที่เพื่อๆหลายคนมอง เรื่องฝรั่งเข้ามาในโทรคมไทย ที่มองกันว่าดี ผมขอเก็บเข้าลิ้นชักไว้ก่อนนะครับ


    อีกข้อดีที่ผมขอเข้าลิ้นชักไว้ก่อนคือเรื่องทุนนอกเข้าประเทศนะครับ เพราะมันดีแน่ที่เงินเข้าประเทศเกือบแสนล้านบาทอย่างนี้ แล้วไม่ขอพูดเรื่อง Temasak จะเอากำไรจากเงินปันผลออกนอกนะครับ หรือการขนเงินออกนอกนะครับ เพราะดูออกจะไร้สาระพอดู เพราะจริงๆแล้วการเข้ามาตอนนี้ Temasak จะต้องลงทุนอีกมากในการทำ 3G ต่อด้วย 4G นะครับ ฉะนั้นรับรองได้ว่าจริงๆแล้ว คงอีกสิบปีหละครับกว่าจะเอาเงินออกนอกจากผลกำไรได้ ชนิดเต็มน้ำเต็มเนื้อจนกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่เป็นสาระได้


    อีกอย่างที่ผมขอเอาเก็บเข้าลิ้นชักไปเลยคือเรื่องความรู้สึกนะครับ คือถ้าไม่ขาย ก็คือทับซ้อน แล้วถ้าขาย ก็คือขายชาติ แต่มันก็ไปกระทบเรื่อง Pride หรือความภูมิใจจริงๆเรื่องนี้ คือเรามองกันว่า AIS นั้นสุดยอดของบริษัทคนไทยแล้วและเป็นของนายกสะด้วย รับได้หรือไม่ได้ คนไทยภูมิใจตรงนี้มาก พอขาย มันก็อด “โห่” ไม่ได้สิครับ เพราะ Pride ของเราถูกกระทบ แล้วเข้าตลาดหลักทรัพย์กันมากี่องค์กรแล้วครับ ที่มองกันว่าเหมือน “ขายชาติ” เรื่องนี้มันเป็นเหมือน “ฟางเส้นสุดท้ายจริงๆ” แต่ที่ผมเก็บเข้าลิ้นชัก ไม่ใช่เพราะผมไม่มี Pride หรืออะไรนะครับ แต่หนึ่ง AIS และบริษัทในเครือนั้น จริงๆแล้วจะว่าสุดยอดก็ว่าได้ แต่จะว่าสุดแย่ก็ว่าได้ สาเหตุเพราะเทคโนโลยี่พื้นฐานนั้นเก่าแก่จริงๆ ถ้ายอดเยี่ยมจริง ไทยนั้นต้องมี 3G มานานแล้ว สองคือได้เปรียบคู่แข่งมากในการแข่งขัน นั่นเป็นสาเหตุหลักที่เขาโตมาได้ขนาดนี้ อาจจะมองได้ว่าไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ สามเมื่อเจ้าของเขาปล่อยได้ แล้วทำไมผมจะปล่อยไม่ได้ แน่นอนผมเสีย Pride หรือความภูมิใจที่กลายเป็นของสิงค์โปรไปแล้ว แต่ก็อีก เมื่อวันวานยังมีนักเล่นหุ้นไทยบอกผมเลย ว่าซื้อกองทุนที่ไปเล่นหุ้นฝรั่งแล้วนะ เป็นล้านๆบาทเลย นั่นก็หมายความว่าคนไทยก็มีการออกไปซื้อของต่างชาติเหมือนกันนะ แล้วคนไทยในสหรัฐ จะเห็นได้ชัดเลย ว่าเขาทำธุรกิจ หรือจะซื้อจะขายที่ดินขนาดไหน หรือทำสวนทำไร่อย่างไร กฏหมายเปิดเสรีหมด ฉะนั้นที่ผมเก็บเรื่อง Pride เข้าลิ้นชักไปด้วย ก็เพราะมันเป็นโลกไร้พรมแดนและการค้าเสรีจริงๆ อีกอย่างใครจะไปรู้ กองทุนเล่นหุ้นต่างประเทศนั้นอาจจะไปซื้อหุ้น Singapore Telecom ก็ได้ สุดท้ายแล้ว ประเทศไทยก็เป็นบริษัทปล่อยกู้ต่างประเทศไปแล้ว มากกว่าไปกู้เขามา คือตอนนี้คนไทยให้ทั่วโลกกู้อยู่ US$20,000 ล้าน ฉะนั้น Pride มันไม่เจ็บขนาดนั้น


    ฉะนั้นจริงๆแล้วอะไรหละที่เป็นข้อดีข้อเสียของการขายให้ต่างชาติ


    ผมคิดว่าผมขอตอบโจทย์นี้โดยไม่บอกดีกว่าว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่ขอตอบในแง่ให้ข้อคิดว่ากระทบอะไรเป็นหลัก เพราะมุมมองผมว่าอะไรดีและไม่ดี ก็เป็นเพียงมุมมองผม แต่ผมคิกว่าสิ่งที่การขาย AIS จะกระทบมากที่สุดคือมุมมองของคนไทย เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาชาติ โดยเฉพาะการค้าขายกับโลก คือในตัวมันเองการขาย AIS ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมาย แค่ Deal เกือบแสนล้าน GDP ไทยต่อปีและทรัพย์สินที่สร้าง GDP นั้น มันมากกว่า Deal AIS เป็นพันเท่า เรียกว่าจริงๆแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงสักเส้น แต่มันกระทบจิตวิทยามวลชนมาก ผมไม่ขอพูดเรื่องความมั่นคงทางการเมืองนะครับ เพราะผมไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ


    เช่นตอนนี้นั้นมีกระแสโจมติ FTA หรือ Free Trade Agreement มาก นักวิเคราะห์ต่างๆหลายค่ายชี้ให้เห็นถึงความไม่ดีมากมาย ผมเคยเป็นหัวหน้ากองบกหนังสือพิมพ์ทางธุรกิจมาก่อน จึงพอมองออกนะครับ เช่นตั้งแต่ทำ FTA กับ Australia มา ไทยเสียดุลการค้ามากขึ้น เรื่องแบบนั้นเข้าใจง่ายครับ คือก็แน่นอนว่าไทยเคยซื้อของที่ Australia ขายให้ไทย มาจากประเทศอื่นมากมาย มาตอนนี้ก็เข้าไปซื้อของจาก Australia มาแทนที่ เพราะมี FTA กัน เช่นทองนะครับ แต่ประเด็นคือมีคนอีกกลุ่มใหญ่ในไทย พร้อมที่จะต้องการเห็นชาติ “ช้าลง” ในการเดินไปข้างหน้า ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในการตอบรับ Globalization การขาย AIS นั้นอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ไทยหันมา “ปิดประเทศมากขึ้น” ไม่เน้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ  ไม่เน้นการค้าขายโลก ไม่เน้นการเข้าตลาดหลักทรัพย์


    มันเป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะปิดประเทศ แยกตัวออกจากกระแสหลักของโลก


    ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ถ้าคนส่วนมากว่าอย่างไร ผมก็ว่าอย่างนั้นและรับได้นะครับ ประเทศไทยนั้นยังมีคนจนอยู่อีกราว 7-8 ล้านคน ที่จนจริงๆ ความสำพันธ์ระหว่างการเจริญเติบโตและรายได้ของคนนั้นคงจะแน่นอนว่ามีจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าคนไทยเลือกที่จะไม่แข่งขันกับโลก ปิดประเทศ ไม่ตามยุค Globalization และจะเอาโตช้าลง นั้น สิ่งหนึ่งคือคนจนอาจจะต้องจนไปอีกสักพัก จนกว่ากระแสมันจะตีกลับมาเอาการเจริญเติบโตอีกที ในใจผม ผมคิดว่า Deal AIS นะน่าจะมีสาระที่กระทบต่อตรงนี้มากที่สุด คนชั้นกลางอาจจะยอมรับการไม่มี Bonus และการขึ้นเงินเดือนได้ คนรวยนั้นก็สะบายอยู่แล้ว อย่างมากที่สุดก็ย้ายเงินไปทำธุรกิจจากนอกประเทศมากขึ้น แต่คนจนสิครับ เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อการโตช้าลง ก็หมายความว่ารัฐจะมีขีดจำกัดในการใช้จ่ายมากขึ้น  ส่วนคนจบงานออกมา ก็บินไปทำงานต่างประเทศสะบายสมัยนี้ ยิ่งพวกมีดีกรีด้านไฮเทคด้วยแล้ว ประเทศแบบสหรัฐจ้างไปทำงานที่นั่นกันเป็นฝูง เงินเดือนก็ระดับอินเตอร์ แต่ผมเป็นห่วงคนจนครับ ถ้ากระแสโตช้า ไม่เอาค้าขายโลก ไม่เอา Globalization กลายเป็นกระแสหลักขึ้นมาเพราะการขาย AIS กระทบจิตวิทยามวลชนอย่างแรง


    สุดท้ายผมขอพูดถึงปรัชญาทางเศรษฐกิจสักหน่อยนะครับ เป็นที่สอนกันเบื้องต้นเลยนะครับในด้านเศรษฐศาสตร์ และเป็นปรัชญาที่ยอมรับกันมาก นั่นคือ เรื่อง Comparative Advantage หรือการค้าขายนั้น เมื่อประเทศหนึ่งขายของที่ตัวเองทำได้ดีกว่าและถูกกว่าคนอื่นกับประเทศอื่น สิ่งนี้ทำให้โลกเจริญขึ้นไปด้วยกัน  ผมไม่ได้พุดถึงการโจมตีค่าเงินบาทอย่างบ้าครั่งและการปล่อยให้หนี้ระยะสั้นของไทยพองนะครับ แต่แน่นอนว่าทุนสิงคโปร์ที่มาซื้อ AIS นั้น อาจจะสามารถทำให้ AIS ดีกว่าเจ้าของทำก็ได้ และแนวโน้มอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะมือบริหารของสิงคโปร์นั้น ระดับที่หนึ่งในห้าของโลกไปแล้ว สุดท้ายใครได้รับประโยชน์จากการที่ AIS บริหารดีขึ้นหรือครับ ผมคงฟันธงไม่ได้ แต่อาจจะเป็นผู้บริโภคไทยนี่เองก็ได้นะครับ

    จากคุณ : trtfanclub - [ 11 ก.พ. 49 15:22:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป