CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **(ขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ด)..ทำไมระบอบทักษิณนิยมจึงพินาศ..เร็วกว่าที่คาดคิด**(ตอนที่ ๔)

    ตอนที่๑..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4100709/P4100709.html
    ตอนที่๒..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4101737/P4101737.html
    ตอนที่๓..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4104268/P4104268.html

    .....................

    ตอนที่๓
    .................................
    ตอนที่๔..
    จอมโกหก หลอกลวง

    เมื่อวานเราคุยกันเฉพาะเรื่องปากพล่อย คือ สักแต่พูด พูดแล้วไม่รับผิดชอบ  แต่วันนี้ เราจะมาพูดเรื่องการโกหกและการหลอกลวง
    สองคำนี้ไม่เหมือนกันนะครับ

    โกหก..คือ การพูดเท็จโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
    หลอกลวง..คือ การต้มตุ๋นให้หลงเชื่อ การปกปิดไม่พูดความจริงออกมาให้หมดก็ถือว่า ไม่ได้โกหก แต่ตั้งใจหลอกลวง

    การโกหกอาจเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่ไม่ได้ยึดศีลธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต  
    ชาวบ้านธรรมดาโกหก เราเรียกว่า คนปลิ้นปล้อน
    นักธุรกิจโกหก เราถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของการค้าขายเพื่อหากำไร
    แต่ นายกรัฐมนตรีโกหก..ถือว่า ขาดจริยธรรม ขาดคุณธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน

    ชาวบ้านธรรมดาหลอกลวง อาจต้องติดคุก ถ้าทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
    นักธุรกิจหลอกลวง ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะธรรมเนียมการค้าบ้านเรา ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องบอกความจริง ที่ไม่ปกติ คือ หลอกลวงแบบผิดสังเกต ก็ต้องติดคุกเหมือนกัน

    นายกรัฐมนตรีหลอกลวงประชาชน ถ้าประชาชนรู้ทัน ก็ต้องไล่ออกไป น่าเสียดายว่า มีคนรู้ไม่เท่าทันเสียมากกว่าคนรู้ทัน ท่านจึงยังอยู่ได้ในทุกวันนี้

    มาดูกันนะครับว่า ท่านโกหกหลอกลวงประชาชนอย่างไร จึงทำให้ระบอบทักษิณนิยมพินาศ..เร็วกว่าที่คาด

    ๑/ โกหกเรื่องการซุกหุ้นภาคแรก ต่อ ปปช. ศาลรัฐธรรมนูญ และประชาชนทั้งประเทศ

    นายกบอกปัดไม่รู้เรื่องที่หุ้นของครอบครัวที่ไปซุกอยู่ในชื่อของคนขับรถ คนใช้ รปภ.ได้อย่างไร เป็นจำนวนรวมกันเป็นพันล้านบาท
    ทำให้ขณะที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกก.ปปช.แจ้งตัวเลขผิดไป
    ท่านอ้างปล่อยให้เลขาส่วนตัวคุณหญิงทำหน้าที่แทน เลยไม่ทราบ

    ท่านอาจไม่รู้จริงๆ ก็ได้ ณ เวลาหนึ่งเวลาใด ตนเองถือครองทรัพย์สินไว้เท่าไร  เพราะทรัพย์สินมีมากมหาศาล พอรับฟังได้ ในเวลาปกติ
    แต่..
    ณ เวลาที่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อทางราชการและปปช.ตามกฎหมาย  ท่านต้องเอาใจใส่ ตรวจนับ และ ตรวจตราทรัพย์สินทั้งหมด ว่าเป็นของท่านและครอบครัวของท่านหรือเปล่า

    ตรงนี้..เจ้าของทรัพย์ต้องรับผิดชอบเอง จะไปโบ้ยให้คนอื่นรับผิดชอบไม่ได้ เพราะท่านเป็นคนลงนามกำกับว่า ทรัพย์สินเหล่านี้มีอยู่จริง ไม่ใช่เลขาคุณหญิง ไม่ใช่คนรับใช้มาลงชื่อแทนท่าน  เอกสารที่มีความสำคัญมากๆ เช่นนี้ ขาดการตรวจสอบจากท่านก่อนลงชื่อได้อย่างไร?

    หากจำนวนเงินนับพันๆล้านที่แจ้งไม่ครบนี้ เป็นคุณสมบัติที่ท่านละเลยโดย บกพร่องโดยสุจริต แล้วล่ะก้อ..

    จะให้ประชาชนเชื่อถือได้อย่างไรว่า ทุกครั้งที่ท่านลงนามในฐานะตัวแทนของประเทศชาติและประชาชน ท่านจะไม่กระทำการบกพร่องโดยสุจริตอีก

    ๒/ ภารกิจด่วนมากที่อินเดีย
    ท่านใช้โอกาสในการเป็นนายกรัฐมนตรี บินด่วนไปอินเดียด้วยเงินภาษีของประชาชนด้วยภารกิจลับฉุกเฉินที่ท่านจนป่านนี้ก็ไม่ยอมเปิดเผย  ทั้งๆ ที่ไม่มีกำหนดการเดินทาง

    ท่านไม่ตอบตรงๆ อ้าง.."เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้ เกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาค"
    ความมั่นคงในภูมิภาค หรือ ความมั่นคงในสัญญาดาวเทียมครับ??? แค่สงสัยนะ  เพราะจนป่านนี้ท่านก็ยังปิดบังอยู่

    ความมั่นคงในภูมิภาคอะไรกันครับไปประชุมที่อินเดีย? เป็นการประชุมนอกวาระ?  ไม่มีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคไปประชุมด้วยเลย?

    ๓/ โกหกว่า ท่านและลูกสาวไม่รู้ไม่เห็นเรื่องข้อสอบรั่ว  เป็นการแกล้งเด็ก  อย่าทำร้ายเด็ก มีอะไรมาลงที่ท่านเถิด หลั่งน้ำตาสะอื้น

    เรารังแกลูกของท่าน หรือ ลูกของท่านรังแกลูกคนอื่นกันแน่?
    ท่านไม่รู้จริงๆ หรือครับ?
    นายวรเดช เลขาธิการ กอ. ยอมรับเป็นคนเปิดดูข้อสอบจริง แต่เป็นการตรวจหาคำผิด ที่ผ่านมาพิมพ์ผิดกันมาก ราชการต้องเสียเงินพิมพ์ใหม่ถึง ๖ แสนบาท

    หรือ นายวรเดช ไม่รู้ว่า ข้อสอบที่ท่านแกะดูนั้น ตรงกับวิชาที่น้องอุ๊งอิ๊งจะสอบ?
    หรือไม่รู้ว่า ข้อสอบนั้น ได้ผ่านการตรวจทานคำผิดมาก่อนหน้านี้แล้วจากคณะกรรมการชุดอื่น?
    หรือไม่รู้ว่า การเปิดซองข้อสอบออกดู ต้องมีหลักเกณฑ์อย่างไร ต้องมีใครร่วมเป็นสักขีพยานบ้าง  เพราะระบบถูกกำหนดไม่ให้ใครเปิดดูโดยพลการได้แม้แต่*นายกรัฐมนตรี*  นี่จึงทำให้การเอ็นทรานซ์ได้รับความเชื่อถือมาตั้งแต่ นายกรัฐมนตรียังเป็นเด็กมัธยม  ที่เขากำหนดหลักเกณฑ์ไว้เช่นนั้นก็เพื่อป้องกันข้อสอบรั่ว

    หรือไม่รู้ว่า ถึงจะตรวจพบคำผิดก็ไม่อาจพิมพ์ใหม่ได้ทันแล้ว เพราะกำหนดการสอบที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มัน..เลื่อนออกไปไม่ได้?

    จะอ้างอย่างไรก็ได้ครับ แต่ประชาชนที่รู้ทันก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อคำกล่าวอ้างของนายกและลูกสมุน  และเขาไม่เชื่อก็ไม่ได้มาจากอิจฉาลูกของท่าน ต้องการใส่ร้ายลูกของท่านนะครับ

    ๔/ โกหกครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต คือ โกหกว่า ไม่รู้เรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปให้สิงคโปร์

    โกหกแรกก่อนปีใหม่..บอกว่า ไม่ทราบข่าวเรื่องนี้ ให้ไปถามลูกๆ

    โกหกครั้งที่สองหลังปีใหม่ บอกว่า ไปพักผ่อนที่สิงคโปร์มา  เรื่องหุ้นชิน ไม่รู้ ไม่เกี่ยวเลย  ไม่ได้ไปพบปะใครเลยอยู่แต่ในโรงแรมกับไปห้างสรรพสินค้า

    ท่านไม่ได้ไปพบปะเขา แต่เขามาพบปะท่านที่โรงแรมก็ได้ใช่ไหมครับ?
    สิงคโปร์ไม่มีอะไรให้ช้อปปิ้งหรอกครับ ของแบรนด์เนมก็แพงกว่าที่เมืองไทยเสียอีก เพราะค่าเงินสิงคโปร์แพงที่สุดในภูมิภาคนี้แล้ว สิงคโปร์ไม่มีสินค้าพื้นเมือง นวัตกรรมใหม่ๆ ของโลกให้นักท่องเที่ยวช้อปหรอกครับ  คนที่ไปมาแล้วยืนยันได้ว่า สิงคโปร์ผันตัวเองจากพ่อค้าปลีกเป็นพ่อค้าส่งขายแต่ระบบนานเป็นสิบปีแล้ว

    เขาว่ากันว่า..ท่านและครอบครัวไปเพื่อปิดดีลประวัติศาสตร์ครั้งนี้ที่นั่น....ใช่ไหมครับ??

    โกหกครั้งที่สามหลังจากขายหุ้นไปแล้ว..ท่านบอกว่า ลูกๆ ประชุมกันเองแล้วตกลงขายก็ขาย พ่อจะได้เล่นการเมืองอย่างสบายใจได้

    ตกลงว่า ลูกๆ สามคนกำหนดชะตาชีวิตอาณาจักรชินคอร์ปที่พ่อแม่ร่วมกันสร้างตั้งแต่ศูนย์ จนมีมูลค่ากว่า ๗ หมื่นล้านบาท ตามลำพังพี่น้อง ซึ่งคนหนึ่งอายุ ๒๗ เรียนไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเจ้าของบริษัทร่วมทุนกับเพื่อนที่เป็นลุกนักการเมืองหากินกับงบประมาณของรัฐ กับอีกสองคนที่ยังศึกษาอยู่  
    พ่อไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยใช่ไหมครับ?  มารู้เอาก่อนวันขายหนึ่งวัน เมื่อลูกๆ มาเซอร์ไพรส์ใช่ไหมครับ?

    โกหกแบบเด็กๆ น่า ท่านนายก  ไหนๆ จะโกหกทั้งทีน่าจะให้เนียนกว่านี้หน่อย  เพราะโฆษกประจำตระกูลก็บอกเองว่า ได้สอบถามเรื่องภาระภาษีกับทางกรมสรรพากรเรื่องการขายหุ้นครั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนปี ๒๕๔๘  ถ้าไม่มีเค้าลางตั้งแต่บัดนั้น จู่ๆ จะไปสอบถามทำไมครับ

    ถ้าท่านไม่พูดเลยเข้าข่าย..ปิดบังอำพราง แต่ท่านพูดออกมาไม่จริง ก็เข้าข่าย โกหกประชาชน

    โกหกครั้งที่สี่..ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมขายหุ้นหลังวันที่กม.การถือครองหุ้นของชาวต่างชาติจาก ๒๕% เป็น ๔๙% ประกาศแค่วันเดียว

    ท่านตอบว่า..ไม่เกี่ยวกันเลย คนละเรื่อง

    จริงๆ คนละเรื่องหรือ พยายามทำให้ชาวบ้านคิดว่า มันเป็นคนละเรื่องกันแน่?

    ถ้าไม่มีกฎหมายฉบับนี้ การขายหุ้นครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเกิดขึ้นได้ไหมครับ?

    ความบังเอิญมักจะเกิดกับตระกูลนี้เสมอ โดยเฉพาะความบังเอิญที่เป็นประโยชน์ต่อตระกูล

    โกหกครั้งที่ห้า..
    ผ่านสื่อทีวี และรายการวิทยุส่วนบุคคลของท่าน บอกว่า สื่อมวลชนลงข่าวบิดเบือนความจริง และคนที่ไม่เห็นด้วยกับที่นายสุวรรณแถลงนั้น  เป็นพวกขี้อิจฉา เสียผลประโยชน์  และเลยไปถึง พวกง่าว.. ไอ้พวกบ้าที่ออกไปชุมนุม..

    ตรงนี้เรียกว่า โกหกเพื่อเอาตัวรอด
    มีประชาชนรากหญ้ากี่คนกันครับที่เข้าใจควาซับซ้อนเรื่องแอมเพิล ริช  เรื่อง% การถือครองหุ้นของผุ้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ต้องทำรายงานให้ตลาดหลักทรัพย์ และหมู่เกาะบริทิช เวอร์จิ้น?

    พวกรากหญ้าน่ะ เขาไม่สงสัยหรอกครับ เพราะเขาไม่มีความรู้พอที่จะวิเคราะห์เรื่องไกลตัวเหล่านี้ได้  ท่านจงใจพูดเช่นนี้ก็เพื่อ หลอกลวงให้รากหญ้าที่เป็นฐานเสียงขนาดใหญ่เชื่อคำพูดของท่าน จริงหรือไม่?

    ท่านบอกว่า..หนังสือพิมพ์อื่นก็ทำ มติชน.. โพสต์ ก็ขายผ่านตลาดไม่เสียภาษีเหมือนกัน ไม่เห็นมีใครว่า

    ท่านพูดไม่หมดนี่นา.. ท่านไม่พูดว่า หนังสือพิมพ์สองเล่มนั้น เขาไม่มีกองทุนต่างชาติมาฮุบทีเดียว ๔๙% และเขาไม่ได้ไปซุกหุ้นอยู่ที่ต่างประเทศในรูปของกองทุนแอมเพิล ริช  ถ้าไม่มีเงื่อนไขทั้งสองอย่างนี้  ก็คงไม่มีใครออกมาอัปเปหิท่านหรอก

    ถ้าหนังสือพิมพ์ฉบับไหนบิดเบือนความจริง ทำให้ท่านและครอบครัวเสียหาย..
    มีหรือท่านจะปล่อยไว้?  มีหรือ ลูกสมุนของท่านจะปล่อยพวกนั้นไว้?

    คนของท่านสั่งปิดวิทยุ รายการโทรทัศน์ไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนับแต่ท่านบริหารงานมา
    แม้แต่นายสนธิ ท่านยังเคยฟ้องตั้งหลายพันล้าน  นส.สุภิญญา เลขาฯ ปฏิรูปสื่อ แค่วิจารณ์ความไม่ชอบมาพากลของชินคอร์ป ยังถูกชินฯ ฟ้องตั้ง ๔๐๐ล้านบาท

    แต่ครั้งนี้ ท่านยอมปล่อยให้พวกเขาบิดเบือนความจริง ใส่ร้ายป้ายสีตระกูลท่าน..  อุแม่เจ้า..เมตตาธรรมในบัดดล!!

    ฟ้องสิครับท่าน.. ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ศาลจะพิพากษาว่าอย่างไร เพราะนสพ.นำข่าวมาลง ล้วนเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและรอการพิสูจน์ทั้งนั้น

    ท่านบอกอีกว่า..การไปจดทะเบียนที่บริทิชเวอร์จิ้นนั้น นักธุรกิจและธนาคารไทยก็ทำกันเยอะแยะไป

    ถ้าท่านเอาตัวไปเปรียบกับนักธุรกิจ ทำเหมือนนักธุรกิจได้ ท่านก็เป็นนายกนักธุรกิจน่ะสิครับ


    อ้อ..แล้วอีกอย่าง  ท่านกับนักธุรกิจเหล่านั้นอยู่กับคนละสถานะนะครับ
    นักธุรกิจ ทำผิดจริยธรรม และไม่มีคุณธรรมได้ ไม่มีบทกฎหมายลงโทษ

    แต่..*นายกรัฐมนตรี ทำผิดจริยธรรม และไม่มีคุณธรรมไม่ได้*  ถูกถอดถอนตามมาตรา ๓๐๓-๓๐๔ ในรัฐธรรมนูญ

    จากคุณ : *bonny - [ 15 ก.พ. 49 09:51:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป