CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **(ขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ด).. ทำไมระบอบทักษิณนิยมจึงพินาศ..เร็วกว่าที่คาดคิด**(ตอนที่ ๖)

    ตอนที่๑..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4100709/P4100709.html
    ตอนที่๒..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4101737/P4101737.html
    ตอนที่๓..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4104268/P4104268.html
    ตอนที่๔..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4107267/P4107267.html
    ตอนที่๕..
    http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4110093/P4110093.html
    .........................................

    ๖) ทำลายประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ

    นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้นักวิชาการหลายสถาบันและนิสิตนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง  เพราะการกระทำของนายกรัฐมนตรี มิได้เสิรมสร้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญการปกครอง  

    ไม่ใช่ไม่เสริมสร้างอย่างเดียว ต้องเรียกว่า ทำลายย่อยยับไปกับมือด้วย

    ทำไมผมจึงกล้ากล่าวเช่นนั้น  ลองมาดูเหตุผลที่ยกมาอ้างจากการกระทำเหล่านี้นะครับ..

    ๑/ ไม่เคยให้ความสำคัญกับการประชุมสภา
    นี่น่าจะเป็นนายกคนแรก และคนเดียวของโลกในระบอบการปกครองที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่เข้าประชุมสภาน้อยที่สุด

    คือมาเฉพาะตอนเปิด-ปิดสมัยประชุม และวันที่มีการลงคะแนนเสียง

    ส่วนวันอื่นๆ ในวาระที่มีกฎหมายสำคัญ ท่านจะมาแจม..สักประเดี๋ยวก็เผ่น

    เพราะนายกไม่เคยให้ความสำคัญกับญัตติต่างๆ ในสภามาตั้งแต่ต้น  ไม่เคยสำนึกว่า การทำงานของสมาชิกผ่านระบบที่มีรัฐสภาเป็นการทำหน้าที่ของขบวนการนิติบัญญัติและการบริหาร  ซึ่งท่านเป็นเจ้าภาพของญัตติทั้งหมด

    เมื่อท่านไม่ให้ความสำคัญกับการทำงานในระบบรัฐสภา  ลูกน้องท่านทั้งหลายก็ไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยเหมือนกัน เพราะตัวอย่างที่ท่านทำไว้นี่แหละ สร้างความขี้เกียจให้กับสมาชิกพรรคไทยรักไทยจำนวนมาก

    ส่งผลให้การปรชุมสภา ล่มแล้ว ล่มอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
    แล้วยังไงทราบไหมครับ?
    ท่านนายกและพลพรรคออกมาโทษฝ่ายค้านว่า ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมือง จึงขอให้นับองค์ประชุม

    ทำไมท่านนายกและสมาชิกพรรคไทยรักไทยจึงไม่มองการกระทำของตัวเองก่อนล่ะว่า  มันน่าละอายใจแค่ไหน ที่สภาที่มีพรรคที่มีเสียงข้างมากมากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง ๓๗๗ เสียง จึงปล่อยให้สภาล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบได้

    และเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากมากที่สุด ที่มีการล่มประชุมบ่อยครั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศชาติ

    นายกก็ยังคงไม่สนใจอยู่ดี  เพราะท่านไม่สำนึกว่า ระบอบทักษิณนิยมนี้ มีความจำเป็นอันใดที่นายกจะต้องเข้าประชุมสภาอย่างสม่ำเสมอ  เข้าประชุมเฉพาะกฎหมายที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนก็พอเพียงแล้ว เรื่องกฎหมายสังคมอื่นๆ ช่างหัวมัน  ใช่หรือไม่?

    ๒/ ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชน
    สื่อสารมวลชนที่มีบทบาทในสังคมไทยมีอยู่สามแขนง คือ ทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์

    ทีวี..
    ช่องที่ทำได้น่าเกลียดที่สุด คือ ให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารแทบจะด้านเดียว คือ ทีวีช่อง๑๑  โดยเฉพาะรายการวิเคราะห์วิจารณ์ข่าวสารบ้านเมือง  ทีวีช่องนี้แทบจะไม่เคยเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาลมาเป็นแขกรับเชิญเลย

    ทำไมล่ะครับ.. ทีวีช่องนี้เป็นของกรมประชาสัมพันธ์ไม่ใช่หรือ?  กรมประชาสัมพันธ์รับใช้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศนะครับ มิใช่รับใช้พรรคไทยรักไทยเท่านั้น

    ไอทีวี..
    ช่องนี้เดิมเคยเป็นที่พึ่งของประชาชนที่แสวงหาข่าวสารที่เที่ยงธรรมและเป็นกลาง  หลังจากการเข้ามาฮุบกิจการของกลุ่มชินคอร์ป  ก็เปลี่ยนนโยบายไปเป็นทีวีเสรีบันเทิงและข่าวสารแทน

    ผลงานชิ้นแรกของไอทีวีหลังถูกฮุบในปี ๒๕๔๔ คือ ปิดกั้นการเสนอข่าวสารอย่างเสรีให้กับประชาชน เพื่อมุ่งหวังให้พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งทั่วไปปี ๒๕๔๔  ทำให้เกิดกบฎไอทีวี ที่ต่อต้านการออกคำสั่งลับจากผู้บริหารให้เสนอข่าวเพื่อเอาใจพรรคการเมืองบางพรรค

    เมื่อไม่สนองนโยบายก็ไล่ออกนักข่าวสายการเมืองทันที ๒๒ คนโดยไม่จ่ายชดเชย  ทำให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลแรงงาน และในที่สุดศาลก็พิพากษาให้ไอทีวีมีความผิดจริง ต้องจ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้พนักงานทั้งหมด รวมทั้งต้องรับกลับเข้าไปทำงานเช่นเดิมด้วย  แต่ก็หลังจากเวลาผ่านพ้นไปแล้วเกือบ ๔ ปี  ชีวิตในช่วงนั้นของนักข่าวทั้ง ๒๒ คนเหมือนตายทั้งเป็น เพราะถูกหมายหัวว่าเป็นกบฎนักข่าว  สำนักข่าวอื่นๆ ก็ไม่กล้ารับเข้าทำงานทันที ด้วยกลัวเกรงบารมีของมาเฟียที่เป็นสปอนเซอร์โฆษณาอยู่

    ไอทีวี..(เคเบิลทีวี)
    เดิมเป็นของชินคอร์ปต่อมาขายให้กับนายทุนของพรรคไทยรักไทย  การนำเสนอข่าวในช่วงปกติมีความเป็นกลางพอสมควร แต่ในช่วงวิเคราะห์วิจารณ์  เป็นทีวีที่สนับสนุนรัฐบาลชัดเจน  ให้แง่มุมที่เชียร์รัฐบาลด้านเดียวตลอด

    ทีวีช่องอื่นๆ ทำข่าวพอเป็นกระษัย เพราะรายได้หลักมาจากรายการอื่นๆ  จึงไม่ประสงค์จะเป็นศัตรูกับรัฐบาลหรือพรรคการเมืองไหนๆ

    แต่รายการประหลาด เช่น สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน นี่ชัดเจนในเนื้อหาที่สุดว่า เกิดมาได้อย่างไร  ใครเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดรายการนี้  และมีรายการนี้เพื่อประโยชน์ของใคร

    ในเมื่อท่านทั้งสองมาเพราะการเมือง ก็ต้องไปเพราะการเมือง  เหมาะสมดีแล้ว

    วิทยุ..
    แทบจะพูดได้ว่า ไม่มีเสรีภาพในการนำเสนอข่าวในแง่ของการวิเคราะห์ข่าวเลย  ถ้ารัฐบาลเห็นว่า ผู้ดำเนินรายการใด สถานีใด มีเนื้อหาเป็นปฏิปักษ์กับนายกรัฐมนตรีหรือนโยบายรัฐบาล  จะถูกกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง และถูกปิดไปในที่สุด
    ไม่ว่าจะเป็นรายการของอจ.เจิมศักดิ์  นส.อัญชลี ไพรีรักษ์  อยู่ไม่ได้ ถ้าคิดต่างจากที่รัฐบาลคิด

    ข้ออ้างในการปิดมีหลายวิธี ทั้งปรับผัง.. ถ้าเป็นวิทยุชุมชนก็เสาสูงเกินกำหนด

    น่าแปลกนะครับ ที่รายการดังกล่าวที่ถูกปิดไปมีประชาชนรับฟังไม่น้อยกว่ารายการวิทยุอื่นๆ ที่เป็นของรัฐบาล อาจจะมากกว่าด้วย เพราะเมื่อมีการบอกต่อกันไป  ผู้คนก็จูนคลื่นไปที่นั่นหมด

    เมื่อถูกปิดกั้นไป ประชาชนเหล่านั้นก็ต้องไม่พอใจเพราะช่องทางการรับรู้ข่าวสารทั้งสองด้านถูกปิดตายไป  ก็แน่นอนต้องมาระเบิดเอาในเว็บบอร์ดบ้าง  ในการชุมนุมของประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลบ้าง  ก็เป็นธรรมดา เพราะสิทธิของเขาตามรัฐธรรมนูญ เขาต้องมีสิทธิในการรับรู้ข่าวอย่างเสรี  สื่อมวลชนก็ต้องรายงานอย่างมีอิสระ

    หนังสือพิมพ์..
    ปี ๒๕๔๔-๔๕ เป็นปีที่สื่อมวลชนแขนงนี้ขาดจรรยาบรรณมากที่สุดนับตั้งแต่หลังการปฏิวัติของพลเอกสุจินดาและคณะเป็นต้นมา
    สื่อถูกคุกคามทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ให้เสนอข่าวที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล  โดยใช้เครื่องมือกดดันสื่อคือ..

    --เงินค่าโฆษณา  หนังสือพิมพ์ทุกฉบับอยู่ได้ด้วยงบโฆษณาของเอกชนและภาครัฐ  หากมีใครออกคำสั่งว่า ห้ามส่งโฆษณาให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้นะ เพราะลงข่าวโจมตีการกระทำของนายกและรัฐบาล  งบโฆษณาก้อนโตเหล่านี้ก็จะไปจุกอยู่กับหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นๆ ที่มีทีมเชียร์รัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ

    ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทหนังสือพิมพ์ที่ถุกระงับโฆษณา คุณจะดำเนินการอย่างไร? อุดมการณ์ของสื่อนำมาจ่ายเงินเดือนลูกจ้างในบริษัทไม่ได้นะครับ  ผมพูดแค่นี้แหละ

    --จากปากของนายกเอง
    การออกมาด่าสื่อที่ลงข่าวไม่ถูกใจนายกเกิดขึ้นเป็นประจำจนเป็นสัญลักษณ์ของการระบายออกของนายกรัฐมนตรี  หลายครั้งที่ท่านระบุชื่อขอสิ่งพิมพ์นั้นผ่านสื่อมวลชนด้วย

    "ฉบับนี้.... ลงข่าวไม่สร้างสรรค์ บิดเบือน"  "รักชาติหน่อยสิ..ลงข่าวอย่างนี้เป็นคนไทยหรือเปล่า"  

    จริงๆ ใครตัดสินครับว่า สร้างสรรค์หรือ หรือบิดเบือนความจริง  ท่านนายก หรือ ประชาชนที่ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ควรเป็นคนตัดสินมิทราบ??

    ท่านตัดสินเองแล้วด้วยการประณามผ่านสื่อ  โดยที่ประชาชนที่อ่านยังไม่ได้อ้าปากเลย

    ถ้าหนังสือพิมพ์ลงข่าวบิดเบือนจริง..
    เหตุใด สภาหนังสือพิมพ์ สภาวิชาชีพสื่อมวลชน จึงออกแถลงข่าวตามหลังมาทุกครั้ง ปกป้องการทำงานของสื่อฉบับที่ถูกระบุ  ถ้าจะบอกว่า เป็นสื่อชนิดเดียวกันต้องพร้อมใจกันปกป้องพวกตัวเอง  แต่ท่านลืมไปแล้วหรือว่า มีอีกหลายฉบับนะที่เป็นพวกของท่าน เชียร์ท่านมาตลอด และเขาเหล่านั้นก็นั่งอยู่ในสภาหนังสือพิมพ์ และสภาวิชาชีพสื่อด้วย

    เป็นเพราะเงินค่าโฆษณา มันไปไม่ถึงสภาหนังสือพิมพ์ และสภาวิชาชีพเหล่านั้น...มั้ง??  เพราะเขาไม่ได้ตีพิมพ์ออกจำหน่ายจึงไม่ได้รับผลกระทบ  เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า?

    ถ้าสื่อสารมวลชน บิดเบือนความจริง จนทำให้ท่านนายกเสียหาย..
    ท่านสามารถฟ้องร้องได้ทันที  ดังที่ท่านและชินคอร์ปได้กระทำการมาแล้ว ต่อนายสนธิ เรียกค่าเสียหาย ๒ พันล้าน
    ต่อนส.สุภิญญา เลขา คปส. ๔๐๐ล้าน

    แต่แล้วทั้งสองกรณี  ท่านและชินคอร์ปก็ต้อง"รนราน" ไปถอนฟ้องก่อนที่ศาลจะทำการตัดสิน

    ทำไมล่ะครับ? ในเมื่อเชื่อมั่นว่า เขาบิดเบือนความจริง ก็ควรให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชะตากรรมสิครับ  ดังเช่นที่นายชวนเคยฟ้องหมิ่นประมาทต่อสื่อมวลชน  ก็ไม่ถอนฟ้องจนกระทั่งศาลตัดสินให้นายชวนชนะคดี  เพียงแต่นายชวนไม่ได้เรียกร้องเงินทองเป็นค่าเสียหาย ก้อนมหึมาอลังการสร้าง เหมือนที่ท่านนายกและชินคอร์ปทำ

    รวยแล้วไม่โกงไม่พอครับ รวยแล้วต้องไม่เบ่ง ไม่รังแกคนที่จนกว่าด้วย

    จากคุณ : *bonny - [ 18 ก.พ. 49 10:08:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป