CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สังคมไทยกำลังเดินเข้าสู่ยุคสังคมแห่งความเสี่ยงและสังคมขี้ฉ้ออย่างเต็มขั้น

    สังคมไทย...กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคของการพัฒนาไปสู่สังคมแห่งความเสี่ยง ซึ่งในเส้นทางเดียวกันก็ยังนำพาสังคมไปสู่สังคมแห่งการขี้ฉ้ออย่างเต็มรูปแบบด้วย...การดูดซับส่วนเกินทางเศรษฐกิจ จากกระบวนการการกำหนดและบริหารนโยบายจะมีมากขึ้น และแยบยลซับซ้อนมากขึ้น ฯลฯ

    ก้อนทรัพยากรเรามีอยู่อย่างจำกัด…ทุ่งใหญ่นเรศวรไม่มีวันงอก ภูเขาหินปูนที่ปากช่องไม่มีวันงอก ก๊าซธรรมชาติที่อ่าวไทยไม่มีวันงอก แต่ความต้องการของผู้คนในวันนี้มันงอกขึ้นเร็วเหลือเกิน ความสมดุลของทรัพยากรกับปากของคนนับวันจะเกิดช่องว่างมากยิ่งขึ้นทุกวัน

    สังคมขี้ฉ้อมันเกิดมาพร้อมกับอัตราการเร่งของคนเรานี่เอง ซุปเปอร์พืช ซุปเปอร์สัตว์ ซุปเปอร์ GDP ซุปเปอร์ CEO การเติบโตที่เน้นเพียงสัญลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงอาการบวมเป่งของการเติบโตแนวเร่ง พืชก็โตจากการอัดสาร สัตว์ก็โตจากการเร่งเนื้อ  เศรษฐกิจก็โตจากการขยายมาเก็ตแคปหรือการเอาสมบัติสาธารณะของมาเลหลังให้ต่างชาติ...เติบโตแนวนี้มันเหมือนคนบวมน้ำเกลือ เมื่อแตกทอนเนื้องานการลงทุนออกมาแล้ว ปรากฎเพียงรูปแบบความเจริญที่บวมฉุคล้ายกับอาการบวมน้ำเกลือของคนไข้ที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง

    การเติบโตเช่นนี้มันทำให้โครงสร้างของสังคมมีปัญหา เพราะเป็นการเติบโตที่ไม่ได้สัดส่วนระหว่างการเติบโตของเม็ดเงินกับการเสื่อมถอยของทรัพยากรและโครงสร้างทางศีลธรรมที่ต้องถูกทำลายลงไป

    วัฒนธรรมขี้ฉ้อ..มันเกิดมาจากการแข่งขันเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเจ้าถนนแห่งความรวย ท่ามกลางการยื้อแย่งของคนในสังคม สังคมจึงดินสู่ความเสี่ยง…เศรษฐกิจถูกกระตุ้นอย่างหนักให้คนออกมากินเติบใช้เติบ สังคมและการเมืองจึงเป็นผลข้างเคียงของการกระตุ้นกันอย่างที่เห็น เน้นแต่ด้านปริมาณ แต่ไม่เคยเหลือบแลถึงความสมดุล


    เรากำลังโตแบบบวมน้ำเกลือ จากการอัดฉีดที่เน้นการโตขึ้นของตัว C (การบริโภค) กับตัว G (การใช้จ่ายภาครัฐ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินจากการก่อหนี้สาธารณะมาเทลงหลุมอยากของคน และอาศัยแรงกระตุกเศรษฐกิจตัวนี้ ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวไปพร้อมกันไปทั้งระบบ จึงหลีกหนีไม่พ้นที่ต้องเล่นกับเกมเงินต่อเงิน

    เกมเงินต่อเงินก็คือการลงมาเล่นกับฟองสบู่ที่มั่นใจว่าจะคุมมันได้ โดยใช้ Cheap Money เป็นตัวเดินเกมเป็นทุนนิยมแนวใหม่ที่เล่นง่ายคล้ายเกมในคาสิโน เพียงใช้หลักทฤษฎีการพยากรณ์หรือการอ่านเกมมาเป็นตัวเพิ่มผลผลิต…เพียงนำเงินมาลงที่นากระดาษ แล้วลงมือพรวนดินรดน้ำใส่ปุ๋ย สุดท้ายก็มีเม็ดเงินงอกออกมาจากกระดาษโดยไม่ต้องออกแรงในภาคการผลิตจริง..เห็นได้ชัดในตลาดรองหรือตลาดหุ้น

    อาการบวมน้ำเกลือ ในทางเศรษฐกิจ ทำให้เปลือกนอกเราดูอ้วน แต่เป็นการอ้วนหนี้มากกว่าอ้วนเนื้องานของภาคการผลิต

    สังคมขี้ฉ้อมันหลอกคนด้วยปริมาณการเติบโต โดยอ้างถึงมูลค่าที่เป็นตัวเลข ทั้งจีดีพี ทั้งดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ อันเป็นผลผลิตการทำงานของกลุ่มคนส่วนปลายยอดสุดของปิรามิด โดยที่พวกเขาออกแรงกันไม่ต้องมาก เพียงนั่งคาดคะเนจากการเก็งกำไรในโอกาสตามข้อมูลที่ถืออยู่ และสร้างกำไรจากส่วนต่างของการเปลี่ยนการถือครองกระดาษกันไปมา จึงไม่แปลกใจที่เห็นคนบางกลุ่มออกมาสนับสนุนนโยบายขยันกินขยันใช้ของรัฐบาลอย่างเต็มที่

    เศรษฐกิจขยันกินขยันใช้ เติบโตขึ้นจากการกระตุ้นเม็ดเงินลงไปในระบบแบบโปรยหว่าน ทั้งกองทุนหมู่บ้าน SML ธนาคารคนจน ในส่วนของภาคเอกชนก็เปิดตัวให้มีการส่งเสริมอย่างเต็มที่ บัตร credit ปลิวอยู่เต็มเมือง non-bank เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด…ล้วนแล้วแต่เปิดโอกาสให้ผู้มีแรงเสียดทานทางเศรษฐกิจสูงๆ ได้เข้ามาตักตวงผลประโยชน์กันอย่างเต็มที่

    ขณะที่โครงสร้างของกฎหมายและการบังคับใช้ยังคงอ่อนแอ และเปิดโอกาสรับใช้กลุ่มคนข้างบนมากกว่ารากหญ้ารากฝอย..ความอ่อนแอทางสังคมดังกล่าว ดูเหมือนเกิดมาจากภูมิคุ้มทางสังคมเกิดความบกพร่อง เชื้อโรคขี้ฉ้อจึงแพร่ระบาดกันอย่างหนักอย่างที่เห็น

    กลุ่มฉวยโอกาสส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่ถนัดงานใต้ดิน มีอาชีพหลักคือการประมูลรับเหมา และเป็นผู้มีแรงเสียดทานทางสังคมสูงเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์สูงในวงการใต้โต๊ะ จนได้รับการยกย่องจากกลุ่มทุรชนว่าเป็น”ผู้กว้างขวาง” พวกนี้เติบโตมาพร้อมกับวัฒนธรรมต่างตอบแทน ที่ต้องเลี้ยงลูกน้อง ต้องพึ่งพาได้ ถือเป็นระบบอุปถัมถ์แบบใหม่ที่เข้ามาแทนที่ระบบเจ้าขุนมูลนายในระบบเดิม

    ถนนการเมืองคือทางผ่านสำคัญ ที่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ใช้เป็นเส้นทางลัด ฝ่าด่านคุณธรรม-จริยธรรมของสังคมเก่าเข้ามาได้ และก็สร้างวัฒนธรรมใหม่ของตัวเองขึ้นมา..เช่น..”โกงบ้างไม่เป็นไรขอให้ทำงาน”

    พวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะมีความพิเศษอยู่ในตัว เปลือกนอกจะดูดีเป็นที่ยอมรับ แต่เนื้อในคือจอมอสูร ในมือจะกำสาก ปากก็จะพล่ามแต่ศีลธรรม แต่เผลอเป็นไม่ได้เหมือนพวกปอบ คอยแต่จะฮั้วประมูล แปลงโฉมในสัญญา และฉลาดแกมโกงที่จะใช้นโยบายเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง…พวกเขามักจะชอบรวมกลุ่มตามแหล่งอบายมุข เมื่อก่อนก็คือบ่อน พอเติบใหญ่ขึ้นก็พยายามทำให้ดูดีเปลี่ยนที่มั่วสุมมาอยู่ที่สนามกอร์ฟ… เขาจะโตเร็วมากในบรรยากาศที่บ้านเมืองเป็นสีเทา และชอบฉวยโอกาสแพร่พันธุ์ยามบ้านเมืองกำลังอ่อนแอหรือป่วยไข้

    การบังคับใช้กฎหมายที่ต้องอ่อนแอลงส่วนใหญ่ก็จะมาจากพวกเขา และถ้ามีโอกาสเขาก็จะปีนมาอยู่เหนือกฎหมายเสียเอง เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการถือครองเงินตรา..พวกนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของสังคมขี้ฉ้อที่ระบาดหนักอยู่ในยุคนี้

    ว่ากันว่าอานุภาพของเงินตรานั้น...มันมีฤทธิ์มีเดชถึงขั้นสามารถ จ้างผีมาโม่แป้ง ก็ยังได้  ด้วยเหตุนี้ทุกๆวงการจึงเต็มไปด้วยภูมิผีที่เข้ามาสิงสู่ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลฝ่ายสนธิก็ล้วนแต่นิยมจ้างผีมาโม่แป้งด้วยกันทั้งนั้น..ไม่เว้นกระทั้งสื่อยอดนิยมทั้งหลาย เช่นในเวปบอร์ดราชดำเนินเองก็ยังหนีพวกนี้ไปไม่พ้น

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 18 ก.พ. 49 10:16:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป