ความคิดเห็นที่ 35
แล้ว จะไปสนับสนุนใครละ ดูอดีตซิ
นวัตกรรมบันลือโลกที่รัฐบาลชวน 2 ได้กระทำหลังพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกแล้ว หนังสือนี้ได้สรุปไว้ว่ามีอยู่ 4 ประการที่สำคัญคือ ประการแรก การปิดสถาบันการเงินอย่างถาวร ปิดโอกาสการฟื้นตัวอย่างถาวร ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ให้หยุดกิจการชั่วคราว เพื่อปกป้องสถาบันการเงินเหล่านั้นที่ถูกคนก่อกระแสปลุกระดมปล่อยข่าวว่าให้ถอนเงินออกจากสถาบันการเงิน ด้วยหวังว่าเมื่อความตื่นตระหนกผ่านไปแล้วก็จะเปิดดำเนินการได้ตามปกติ ประการที่สอง เมื่อปิดสถาบันการเงินอย่างถาวรแล้วก็มีการโอนสินทรัพย์ประมาณ 800,000 ล้านบาท ไปให้กับ ปรส. โดยรัฐบาลรับภาระหนี้สินชำระเงินฝากคืนประชาชนในจำนวนเท่ากัน จากนั้นกระบวนการสัปเหร่อหากินกับศพก็เกิดขึ้น คือมีการสมคบกับทุนต่างชาติเข้ามาปล้นสินทรัพย์นี้ และขายไปอย่างมีเงื่อนงำ โดยมีผลขาดทุนกว่า 400,000 ล้านบาท เป็นนวัตกรรมบันลือโลกทางการเงินของโลกที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทำลายภาคธุรกิจและนักธุรกิจไทยอย่างย่อยยับ ประการที่สาม การสมคบกับต่างชาติบีบบังคับยึดและขายธนาคารและสถาบันการเงินของคนไทยให้กับต่างชาติ ประการที่สี่ การปล้นชาติด้วยการรื้อถอนมาตรการทั้งหลายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในสมัยรัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้วางไว้เพื่อปกป้องความเสียหายจากการโจมตีค่าเงินบาท โดยมีธุรกรรมสำคัญ 2 อย่าง คือ การขยายเวลาชำระหนี้ให้กับนักโจมตีค่าเงินเพื่อไม่ให้ตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาถึง 2 ครั้ง เพราะนักโจมตีค่าเงินบาทไม่สามารถหาเงินบาทมาส่งมอบให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ อันเป็นผลมาจากมาตรการป้องกันที่วางไว้นั้น จากนั้นก็เปิดตลาดเงินบาทให้นักโจมตีค่าเงินบาทสามารถหาเงินบาทมาส่งมอบแล้วทำให้เกิดความเสียหายขึ้น นวัตกรรมทั้งสี่ประการนี้หนังสือดังกล่าวนี้ได้นำเสนอหลักฐานและข้อมูลอย่างชัดเจน สิริรวมแล้วความเสียหายที่เป็นตัวเงินเด่นชัดจากนวัตกรรมสี่ประการมีมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงความเสียหายต่อเนื่องที่ประเทศไทยต้องกลายเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจของต่างชาติและความฉิบหายวายวอดของนักธุรกิจไทย ซึ่งประมาณค่ามิได้ ความเสียหายเหล่านั้นเป็นมรดกตกทอดมาถึงรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และโชคดีของประเทศไทยและคนไทยที่รัฐบาลนี้สามารถแก้ไขปัญหาความเสียหายเหล่านั้นให้หมดสิ้นไปในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ประเทศไทยฟื้น ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้น ทำให้นักธุรกิจไทยฟื้น และกลับคืนสู่เวทีโลกได้อย่างสง่างามดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ แล้วถามว่าความฉิบหายเหล่านั้นเป็นการกระทำของใคร? และรัฐบาลไหนเล่าที่ต้องรับผิดชอบ? มีใครสักคนหรือไม่ที่แสดงความรับผิดชอบหรือรับผิดชอบในเรื่องนี้? ไม่มีเลย มีแต่คนคิดอ่านใส่ร้ายป้ายผิดให้กับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยหมู่คณะตน และเกิดขึ้นในรัฐบาลชวน 2 มาถึงวันนี้เรื่องสำคัญ 2 เรื่อง ที่ได้กระทำในรัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ คือการปกป้องค่าเงินบาทเรื่องหนึ่ง และการปิดสถาบันการเงินชั่วคราวอีกเรื่องหนึ่ง ได้ถูกเปิดเผยให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำและเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพราะหน้าที่การปกป้องค่าเงินบาทเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกับกองทัพที่มีหน้าที่ปกป้องเอกราชอธิปไตยจากภัยรุกรานโดยอัตโนมัติ ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะการลอยตัวค่าเงินบาท เงินบาทจึงมีค่าตามความเป็นจริง และปลดแอกประเทศไทยจากภาระค้ำประกันหนี้ที่รัฐบาลชวน 1 ได้สร้างไว้ และเป็นผลให้ประเทศไทยได้กำไรดุลการค้าตั้งแต่เดือนกันยายน 2540 เป็นครั้งแรกถึงเดือนละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเรื่องนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วในปัจจุบันว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ดังนั้นหากจะกล่าวให้ชัดก็กล่าวได้ว่ารัฐบาลชวน 1 คือรัฐบาลที่ก่อหนี้ท่วมประเทศ ด้วยการเปิดเสรีทางการเงิน ทำให้ประเทศอยู่ในฐานะล้มละลาย รัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ คือรัฐบาลที่ถูกทวงหนี้โดยมีไอ้โม่งเที่ยวร้องตะโกนว่าไฟไหม้บ้าน ทำให้ตกใจอลหม่านและรัฐบาลชวน 2 ก็คือรัฐบาลที่พาโจรเข้าปล้นบ้านจนเกิดความเสียหายกว่า 800,000 ล้านบาท แล้วมีใครหน้าไหนสำนึกรับผิดชอบ กล้ารับผิดชอบและแสดงความรับผิดชอบบ้างเล่า? อย่างนี้แล้วยังจะมีหน้ามาเสนอหน้าอาสาประชาชนกันอีกหรือ!
จากคุณ :
Jack Wealth
- [
19 ก.พ. 49 12:17:25
]
|
|
|