| เพราะ รัฐบาลทักษิณ ไม่ยอมช่วยเหลือต่อต้าน เรื่อง เบียร์ช้าง เข้าตลาดหลักทรัพย์ (2 คน) |
| เพราะ พรรคไทยรักไทย ไม่สนับสนุน ดร.มานะ เป็น ผู้ว่า กทม (0 คน) |
| เพราะ เนวิน เคยคิดยึดมูลนิธิ มหาจำลอง เนื่องจากไปสร้างรุกเข้าไปในที่ดิน สปก. (1 คน) |
| ไม่พอใจ ทั้ง 3 เรื่องรวมกัน (18 คน) |
| ไม่ใช่ทั้ง 3 เรื่อง แต่เป็นเพราะ ทักษิณ ขาดความชอบธรรม และ จริยธรรม ในการบริหารประเทศ (30 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 51 คน |
นายกทักษิณ เปิดเผยเรื่องราวชีวิต ช่วง พบ พลตรี จำลอง ในหนังสือ ตาดูดาว เท้าติดดิน พอสังเขป ดังนี้
ชายข้างหน้า ยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นรับไหว้ เป็นรอยยิ้มที่ซื่อ เปิดเผย ตรงไปตรงมา รับกับผมเกรียน เสื้อม่อฮ่อม สีน้ำเงินเข้ม และ รองเท้าแตะ เครื่องแต่งกาย สมถะ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว
วันนั้น ชายร่างสันทัดผู้นี้ เข้ามาขอพบผมโดยมิได้นัดหมาย ด้วยว่าบ้านของท่านอยู่ใกล้ๆ กับสำนักงานชินวัตรเก่า ตรงราชวัตร ประกอบกับคุ้นเคยกับผมเป็นการส่วนตัว มานาน ท่านจึงเดินมาหาแบบไม่มีพิธีรีตองอะไร
หลังจากผมเชื้อเชิญ เข้าไปในห้องทำงานแล้ว ท่านก็เอ่ยถึงธุระด้วย น้ำเสียงนุ่มทุ้มเรียบๆ ว่า
ผมมีเรื่องจะให้ทักษิณช่วย
ได้ครับ พี่มีอะไรว่ามาเลย ผมตอบอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันคิด ว่าที่ที่รุ่นพี่ร่วมสถาบันโรงเรียนเหล่าต้องการไหว้วานคืออะไร ซ้ำยังพยักหน้ารับไว้ก่อนราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องง่ายเสียอีก
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับผม รู้จักกันเป็นเวลานานนับสิบปี แม้ท่านเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. ผมเป็น นตร. รุ่นห่างกันมาก แต่เราก็นับพี่นับน้องกันตามวัฒนธรรมของนักเรียนเหล่า นอกจากนั้นเรายังเป็นคอการเมือง ที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ เมื่อ คุณจำลอง เข้ามาทำงานการเมือง ตั้งพรรคพลังธรรม และ มีที่ทำการอยู่ที่บ้านท่าน ผมก็ยิ่งมีโอกาสแวะเวียน ไปพูดคุยได้บ่อยครั้ง
และด้วยความสัมพันธ์ต่อเนื่องนี่เอง ที่ทำให้ คุณ จำลอง กับผม ต่างเข้าใจและมั่นใจ ในจุดยืนทางการเมืองของกันและกันชัดเจนว่า ถึงคุณ จำลองจะใส่ม่อฮ่อมแล้วผมใส่สูท หรือคุณจำลองจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ส่วนผมเป็นประธานบริษัทธุรกิจ แต่อุดมการณ์ของคุณจำลองกับผมไม่แตกต่างกัน
วันที่คุณจำลองมาพบผมตรงกับเดือนกันยายน ปี 2538 หลังจากพรรคพลังธรรมเกิดราว 6 ปี ซึ่งถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร จากพรรคขนาดเล็กได้รับเลือกตั้งเพียง 14 คน ในปี 2531 มาเป็นพรรคขนาดกลางในเวลาอันรวดเร็ว คือเลือกตั้งสมัยมีนาคม 2535 ผ่านเข้ามาถึง 41 คน กันยายนปีเดียวกันก็เพิ่มเป็น 44 คน
และ หลังเลือกตั้งครั้งล่าสุด พลังธรรมก็มาถึงจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ นั่นคือการพยายามปรับพรรคให้มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมกับสร้างลักษณ์เก่าที่ว่า พลักธรรมผูกติดอยู่กับคุณจำลอง ด้วยการดึงคุณ บุญชู โรจนเสถียร เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน แต่ดูเหมือนเจตนานี้จะไม่บรรลุผล เพราะไม่นานนัก คุณจำลอง ก็ต้องกลับเข้ามาดูแลพลังธรรมอีกครั้ง
ตอนที่ คุณ จำลอง มาพบผม เป็นช่วงที่รัฐบาลนายกฯ ชวน กำลังปรับคณะรัฐมนตรี ทุกพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้ง พลังธรรม กำลังคัดสรรจัดผู้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ ในส่วนของพลังธรรมนั้น เนื่องจากคุณจำลอง ต้องการให้มืออาชีพเข้ามาทำงาน จึงเชิญบุคคลนอกพรรคมารับ 2 ตำแหน่งสำคัญ หนึ่ง คือ คุณ วิชิต สุรพษ์ชัย รับตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม และ ผมเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ผมอยากให้ทักษิณช่วยมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ คุณจำลอง พูดต่อ ขณะที่ผมยังตั้งตัวไม่ติด
ทักษิณ ลองพิจารณาดู หากมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะช่วยบ้านเมืองได้มาก เพราะเป็นกระทรวงสำคัญ
แต่ผมยังไม่เคยทำงานด้านนี้นะครับ
ผมเชื่อว่าทักษิณทำได้ ทักษิณ มีความรู้ จบปริญญาเอกจากเมืองนอกมา มีประสบการณ์งานราชการ มีเพื่อนในวงราชการก็มาก ทำธุรกิจ ก็เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ผมว่าเหมาะสมที่สุด
พี่คงทราบแล้วว่า คุณชวน ชวนผมลงเลือกตั้งกับประชาธิปัตย์ สมัยหน้า
ไม่เป็นปัญหาหรอก นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งทักษิณจะตัดสินใจอย่างไร ก็สุดแท้แต่ทักษิณ
ถ้าอย่างนั้น ผมขอ ปรึกษา ครอบครัวก่อนนะครับ ตอนนั้น เราจบบทสนทนา ไว้เช่นนี้