CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    update ความสำเร็จของสนธิคือความหน้าแตกของอาจารย์ จำลอง และแนวร่วมต่างๆ

    บทที่ 1 พื้นฐานของเกมส์หลัก

    อันนี้ต้องอ้างอิงจากกระทู้เก่าที่เคยชี้ให้เห็นว่า
    เนื้อแท้ของเกมส์การเมืองปัจจุบันคือ

    Player1: สนธิ  Player2: ทักษิณ

    Strategyสนธิ: brinkmanship คือการชักชวนให้คนรุมด่า
    ที่เคยใช้ได้ผลกับชวลิต โดยรุกรายสัปดาห์
    จากประเด็นต่างๆทั้งที่มีมูลและไม่มีมูล
    เพื่อ demoralize ทักษิณ คือทำให้รู้สึกขายหน้า ตกต่ำ
    เช่น การชี้หน้าด่าว่า "ออกไป" ด้วยท่าทีที่โอหัง
    ทั้งๆที่ไม่รู้ใครกันแน่ที่ควรจะ "ถูกไสหัวไปที่ชอบๆ" เป็นต้น

    ขอเพิ่มเติมว่าวิธีนี้ลงทุนน้อย สกปรกมาก
    ซึ่งแม้แต่นักการเมืองมืออาชีพก็ยังไม่กล้าทำ
    เพราะถ้าถูกจับได้ว่าตอแห หรือวิ่งหนีซักครั้ง จอดสนิท

    คนที่กล้าใช้คือต้อง...ด้านจริงๆ
    ถูกเปิดโปงยังไงก็ทำเอาหูทวนลม

    เช่น กรณ์โดนสะกิดแค่นิดเดียว เลิกไปเลย เป็นต้น
    แต่สนธิวิ่งหน้าเริดออกจากทำเนียบแทบไม่ทัน
    ยังมีหน้าออกมาปัดให้ประทินเฉย
    ถือว่าประทินโกรธ ธิไม่โกรธตอบ อหิงสาดีจัง

    Strategyทักษิณ: do nothing พยายามไม่ขยายวง ปรับ
    กระบวนช้าๆ แก้รับเป็นประเด็นๆ ซึ่งค่อนข้างช้าแต่ทำไง
    ได้ กว่าจะหาหลักฐาน กว่าจะรอให้ออกมาพูดทีละคน
    ต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะ settle down เป็นเรื่องๆ

    Outcome คงไม่ต้องพูดถึง
    เพราะบ้านเมืองเป็นตัวประกันให้สนธิปู้ยี่ปู้ยำ
    คือถ้าให้ตรวจสอบตามระบบแล้ว
    ทักษิณผิดก็ต้องออกไป อย่างนี้บ้านเมืองดีขึ้น

    แต่ถ้าเล่นเขย่ากันรายวัน หรือเล่นนอกระบบ
    ผุ้คนอกสั่นขวัญแขวน ไม่ต้องทำอะไร
    แล้วกลายเป็น ไม่มีอะไรในกอไผ่ อย่างนี้
    บ้านเมืองขาดทุน เพราะความ...ของสนธิ

    ----------------------------------------------

    บทที่ 2 ความง่อนแง่นของเกมส์ย่อย subgame

    คราวนี้สิ่งที่ต้องการ update ก็คือถึงแม้ว่าจะมีอาจารย์
    หรือองค์กรเครือข่ายต่างๆออกมาเล่นงานแทนสนธิ
    ต้องขอบอกว่าพื้นฐานของเกมส์ยังคงเหมือนเดิม
    คือยังมีแค่ 2 playersระหว่างสนธิกับทักษิณเท่านั้น

    เพราะที่ออกมาทีหลัง เป็นผลพวงจากการปั่นเรื่องของสนธิ
    จะบอกว่าสนธิทำงานได้ผลก็ได้
    คือหลอกอาจารย์มาตายแทนได้สนิท
    ถือว่าเป็น subgame ที่สนธิเป็นคนยุ
    โดยจากนี้ไปไม่ต้องออกแรง และไม่ต้องรับผิดชอบ

    ป่านนี้ สนธิและพวกอาจารย์ จำลองตลอดแนวร่วม
    คงคิดว่ากระแสความไม่พอใจรัฐบาล
    จะถึง critical mass ในวันที่ 26 กุมภา
    ถึงได้พากันออกมาแทงหมดหน้าตัก

    แต่ขอชี้ให้เห็นว่าลักษณะ multiplayer game ของสนธิ
    ส่อเค้าว่าจะเหลวไม่เป็นท่าหลายประการเพราะ

    ประการแรก ต้องยอมรับก่อนว่าสนธิ "มั่ว" มาตั้งแต่ต้น
    จากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่องหนึ่ง หน้าแตกมาไม่รู้เท่าไหร่
    ดังนั้น ไม่ว่าใครที่มาสานต่อ ก็อยู่บนพื้นฐานที่ไม่ถูกต้อง
    แล้วมันจะได้รับความสนับสนุนจากสังคมได้อย่างไร

    ประการที่สอง ปกติพวกอาจารย์ ถ้าทำอะไรที่ไม่ใช่
    การสอนมันจะล้มเหลว ไม่งั้นคงเลิกเป็นอาจารย์ไปแล้ว
    แล้วถ้าพวกอาจารย์ออกมาแทงหมดตัว "ตามสนธิ" ด้วย
    งานนี้โอกาสที่อาจารย์จะหน้าแตกมีค่อนข้างสูง

    ประการที่สาม แนวร่วมอย่างจำลองหรือองค์กรประหลาดๆ
    พวกนี้มักมีแต่ชื่อแต่ไม่มีตัวตนหรือผลงาน
    เป็นหน้าเก่าๆที่ดีแต่พุดตลอดชีวิต งานการไม่เคยสำเร็จ
    ปกติหากินกับการโกงงบประมาณเข้ากระเป๋า
    แต่ละคนหน้าตายังกะคนร้าย หนวดเครารุงรัง ไม่น่าเชื่อถือ

    ด้วยเหตุนี้ เสียงกล่าวร้ายที่พยายามตะเบ็ง
    ตราบเท่าที่ยังไม่มีแก่นสารพอที่ได้รับการตรวจสอบ
    จากกระบวนการประชาธิปไตย
    ก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนส่วนใหญ่

    ดังนั้น ที่สนธิหวังว่าจะมีคนออกมามากมายยิ่งกว่า 14 ตุลา
    ถือว่าเป็นเพียงจินตนาการไว้ปลอบใจกันเอง รักษาหน้ากัน
    อาจจะมีคนมาดูบ้าง แต่ถ้าให้มาตายบ้าง คิดว่าคงไม่

    เพราะคนสมัยใหม่ๆฉลาดพอที่จะแยกแยะได้ว่า
    สนธิคือใคร บ้านเมืองเป็นอย่างไร

    ที่พยายามบอกว่าสันติๆ เป็นเพียงขนมหวานไว้หลอกเด็ก
    ถ้าต้องการสันติจริง คงไม่ต้องยุให้คนออกมาเยอะๆ

    ไม่ต้องอะไร แค่สองสามหมื่นคนชุมนุมกัน
    ถ้ามีใครสักคนลุกขึ้นเร็วๆเพื่อไปห้องน้ำ
    คนที่เหลืออาจเหยียบกันตายไปแล้วเป็นสิบก็เป็นได้

    เรื่องแบบนี้สังคมไทยผ่านมามากพอแล้ว
    เอาไว้หลอกคนอื่นดีกว่า

    ถ้าต้องการความถูกต้องเป็นธรรมของสังคมไทยจริง
    การเคลื่อนไหวแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะให้
    กระบวนการประชาธิปไตยมีการตรวจสอบ
    อย่าง "สันติ" และ "ถูกต้อง" อย่างแท้จริง

    อันนี้เรามีเวลาอีกเยอะ จะเอาใครสักคนติดคุก
    ก็ต้องใช้กฎหมายไม่ใช่กฎหมู่
    ต้องให้แฟร์กันทุกฝ่าย เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้แล้ว
    ไม่ใช่เอะอะไรก็ท้าวสะเอวยื่นๆๆๆฎีกา
    ราวกับว่ายื่นใส่หน้ากัน อย่างนี้มันน่า...นะ

    --------------------------------------

    บทที่ 3 กลยุทธ์ของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    เนื่องจากเกมส์แบบนี้เป็นทั้ง sequential คือเปลี่ยนตากัน
    และเป็น simultaneous คือซัดแหลก ไม่ต้องรอกัน
    ดังนั้น ใครคิดอะไรได้ ก็ใส่เลย หรือตอบโต้กันเลย

    ฝ่ายรุกพูดไปแล้ว ว่าทำอะไรได้บ้างหรือมีน้ำยาแค่ไหน

    แต่ฝ่ายรับที่ต้องทำหรือควรกระทำเพิ่มเติม โดยทั่วไปคือ

    1. อย่าให้คนเข้ามายุ่งเรื่องนี้มาก เพราะถ้ายิ่งมาก จะเพิ่ม
    พลังให้กับทั้งสองฝ่าย สมมติฐานก็คือเรื่องนี้ไม่มีสาระอะไรมากตั้งแต่ต้น (เป็นเพียงหลักการ)

    2. ใช้กระบวนการที่มีไขข้อข้องใจเป็นเปลาะๆ อันนี้สำคัญ
    มาก แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม (เคยทำมาเยอะแล้ว)

    3. สลายฝ่ายรุกอย่างมีการจำแนก อย่าไปคิดว่าฝ่าย
    รุกจะเป็นพวกเดียวกันหมด จัดการกับแต่ละส่วนตามความ
    เหมาะสม**คุณข้องใจอะไรก็ว่าไปตามนั้น**
    อาจารย์ก็ส่วน นักศึกษาก็อีกส่วน ม็อบอาชีพก็อีกส่วน
    (ต้องใช้กำลังคนมาก ระดมทรัพยากรบุคคล ความคิด)

    4. ชิงเป็นฝ่ายกระทำในด้านการโชว์ผลงานต่อมวลชน
    (อันนี้เป็นงานประจำอยู่แล้ว ต้องให้หนักหน่อยช่วงนี้)

    แค่นี้ฝ่ายรุกก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะที่สุดของเขาคือการ
    ยุให้มีการเผชิญหน้า แต่ถ้าเขาไม่สามารถก่อม็อบได้
    ยิ่งนานวันไป ก็ยิ่งมีเวลาในการให้สังคมตรวจสอบตัวเอง

    ออกมาชี้เลยว่า เรื่องนี้จะตรวจอย่างนี้ เรื่องนี้ให้ใครติดตาม
    ทำนองนี้ ฝ่ายรุกก็จะพยายามหาอะไรใหม่ๆมาอีกจนได้
    อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาจนกว่าจะถึงจุดผกผัน turning point

    วันหลังค่อยคุยกันเรื่องนี้







    ------------------
    อ้างอิงกระทู้เก่า

    P4113659 ไทยรัฐพูดถูก แก่นแท้ของความวุ่นวายคือเกมส์ brinkmanship ของสนธิ milotte (28 - 18 ก.พ. 49 20:18)

    จากคุณ : milotte - [ 20 ก.พ. 49 00:19:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป