CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ===ชนวนขัดแย้ง จำลอง - ทักษิณ ===

    ลึกๆ แล้ว น่าจะมาจากการตั้ง
    ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม
    แล้ว โพธิรักษ์ และสันติอโศก จะฮุบเอาหมด   ขัดแย้งเรื่อง การจัดงานวันวิสาขบูชา ที่พุทธมณฑล


    โพธิรักษ์" ออกแถลง อ้างประกาศ "นานาสังวาส" ไม่ขึ้นต่อมหาเถรฯ ตั้งแต่ปี 18 จึงไม่มีสิทธิ์ลงโทษขับออกจากหมู่ ชี้ที่ศาลตัดสินแพ้คดี แค่แพ้ทางโลกแต่ไม่แพ้ทางธรรม ยังเป็นพระร้อยเปอร์เซ็นต์ "มหาระแบบ" จี้ "หมอจักรธรรม" จัดการตามกฎหมาย ป้ายสีคณะสงฆ์ถึงขั้นเข้าคุก ติง "ทักษิณ" อย่าเตลิดออกนอกลู่นอกธรรม จัดงานใหญ่เหตุใดไม่ปรึกษาพระเถระ อย่าคิดว่าสั่งได้ ถ้าไม่เหมาะ พระก็ไม่ทำตาม

    โพธิรักษ์ได้ออกมาตอบโต้มหาเถรสมาคมถึงการประกาศบัพพาชนียกรรม หรือประกาศขับออกจากหมู่สงฆ์ ต่อคณะสงฆ์สันติอโศก เมื่อปี พ.ศ. 2532 ว่าการกระทำบัพพาชนียกรรมคณะสงฆ์สันติอโศกครั้งนั้น ถือว่ามหาเถรสมาคมกระทำผิดธรรมวินัย สังฆกรรมนั้นจึงไม่มีผลบังคับ ใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะ

    เจ้าสำนักสันติอโศกได้ออกหนังสือ "คำแถลงจากสมณะโพธิรักษ์" ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า การที่หมู่มหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นสงฆ์หมู่ใหญ่ ได้ประกาศบัพพาชนียกรรม ขับตนเองและคณะสันติอโศกออกจากหมู่ใหญ่ หรือออกจากหมู่สงฆ์ที่ชื่อว่ามหาเถรสมาคม ถือเป็นวิธีการหนึ่งของธรรมวินัยที่มหาเถรสมาคมสามารถทำได้ แต่ข้อเท็จจริงคือว่า เป็นการกระทำหลังจากที่ตนเองและคณะได้กระทำการประกาศตนต่อคณะสงฆ์มหาเถรสมาคม สำเร็จเป็น "นานาสังวาส" (การอยู่ร่วมต่างกัน ใช้แก่พระสงฆ์ที่มีศีลไม่เสมอกัน ทำอุโบสถหรือสังฆกรรมร่วมกันไม่ได้) กล่าวคือสงฆ์สันติอโศกได้ประกาศตนเป็นนานาสังวาส ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2518

    "ตามธรรมวินัยเมื่อภิกษุเป็นนานาสังวาสกันแล้ว สงฆ์ต่างคณะย่อมไม่สามารถเป็นผู้คัดค้าน เป็นผู้ประท้วง (ปฏิกโกสนา) ในท่ามกลางสงฆ์ได้ พระไตรปิฎก เล่ม 5 ข้อ 193 บ่งชี้ไว้ชัดเจน แต่มหาสงฆ์ก็ยังขืนทำบัพพาชนียกรรมอาตมากับคณะอยู่นั่นแหละ และยืนยันว่าอาตมากับคณะเป็นนานาสังวาสไม่ได้"

    โพธิรักษ์กล่าวว่า มหาเถรสมาคมไม่พยายามพูดธรรมวินัยกับสันติอโศก ทั้งที่การกระทำของสันติอโศกคือการทำตนเป็นนานาสังวาสด้วยตนเอง ตามธรรมวินัย โดยสงฆ์สันติอโศกได้ประกาศนานาสังวาสอย่างเปิดเผยท่ามกลางที่ประชุมคณะสงฆ์ 180 รูป อันมีเจ้าคณะอำเภอเป็นประธาน ที่ศาลาวัดหนองกระทุ่ม ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมทั้งมีลายลักษณ์อักษรยืนยันมอบให้เจ้าคณะอำเภอ ซึ่งท่านก็ได้ส่งต่อไปยังระดับสูงจนเป็นที่รับทราบกันทั่ว ทั้งนี้ ตามธรรมวินัย เพียงแต่ประกาศขอแยกเป็นนานาสังวาสด้วยวาจา ไม่ต้องถึงกับแถลงเป็นลายลักษณ์อักษร ก็แยกตนเป็นนานาสังวาสสำเร็จแล้ว คือประกาศแยกตัวไม่ขึ้นต่อการปกครองคณะสงฆ์ไทย หรือมหาเถรสมาคมนั่นเอง

    "ในหนังสือปกาสนียกรรมก็พิมพ์รายละเอียดเอกสารพวกนี้ไว้ครบทั้งหมด เพียงแต่ท่านทำทีเบี่ยงเบนไปเป็นว่า นั่นไม่ใช่การประกาศตนเป็นนานาสังวาส ซึ่งเป็นการเล่นแง่กันนั่นเอง"

    หนังสือของโพธิรักษ์ระบุว่า ตามธรรมวินัย เมื่อสงฆ์เป็นนานาสังวาสกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็ปฏิบัติกันไปตามความเห็นและยึดถือที่แตกต่างกัน ที่สำคัญสงฆ์ฝ่ายหนึ่งไปฟ้องร้องชำระความผิด หรืออธิกรณ์อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ หากฝ่ายใดไปอธิกรณ์อีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายนั้นต้องอาบัติ และอธิกรณ์นั้นเป็นโมฆะ การตัดสินความนั้นใช้ไม่ได้ ไม่มีผลบังคับ แต่ทางคณะสงฆ์มหาเถรสมาคม ได้กระทำต่อคณะสงฆ์สันติอโศกถึงขั้น "อนุวาทาธิกรณ์" คือเป็นโจทก์ฟ้องร้องกล่าวหาสันติอโศก แล้วตั้งคณะพิจารณาตัดสินความกัน ซึ่งตามธรรมวินัยไม่สามารถกระทำได้

    โพธิรักษ์กล่าวว่า การที่คณะกรรมการสงฆ์วินิจฉัยตัดสินความตนเอง ก็กระทำลับหลังจำเลย เพราะไม่ได้แจ้งจำเลย ไม่ได้เรียกจำเลยคือตนเองกับสงฆ์สันติอโศกเข้านั่งอยู่ในที่พิจารณาความ ร่วมรับรู้รับฟัง ร่วมให้การแต่อย่างใด ถือว่าสงฆ์มหาเถรสมาคมกระทำตามอำเภอใจ กระนั้นก็ตาม สันติอโศกก็ไม่ได้ดื้อดึงดัน ยอมในสิ่งที่ยอมได้ กระทั่งยอมขึ้นศาล ยอมเปลี่ยนสภาพหลายอย่าง แต่ที่ไม่ยอมคือการสละสมณเพศ โดยยังยืนยันความเป็นสมณะตามธรรมวินัยอยู่ตลอดเวลา การต้องแพ้คดีความในศาลยุติธรรมทางโลกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมวินัยเลย เป็นเรื่องของกฎหมาย ข้อกฎหมายที่ไม่ใช่บัญญัติของพระพุทธเจ้า

    จากคุณ : Jack Wealth - [ 21 ก.พ. 49 10:59:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป