PANTIP.COM : P4142552 ตอบตัวเองได้หรือยัง ทำไมทักษิณยุบสภา [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 40

.*.*.*.*.*..... แนะนำบทความ "วิเคราะห์การเมือง" จากไทยรัฐ (ของแท้)
ปีที่ 57 ฉบับที่ 17569 วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549

ล็อก 90 วันสังกัดพรรค อำนาจไม่ถึงประชาชน

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้น

แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

รัฐบาลพรรคเดียว ของพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ที่ชนะการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 มาแบบท่วมท้นถล่มทลายได้ ส.ส. เข้ามาถึง 375 เสียง

กุมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แต่ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งอยู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ได้เพียง 11 เดือนครึ่ง ก็ต้องกลายสภาพเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ

ประกาศยุบสภา

คืนอำนาจให้ประชาชน

ทั้งนี้ จากการแถลงอย่างเป็นทางของสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เหตุผลในการประกาศยุบสภาครั้งนี้ว่า

การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการปกติ ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แบบรัฐสภา

เมื่อใดที่มีความขัดแย้งหรือเกิดปัญหาการเมือง อันอาจนำมาซึ่งวิกฤตการณ์ต่างๆ จนการบริหารราชการแผ่นดินไม่อาจดำเนินไปได้โดยปกติ

หากปล่อยให้เนิ่นช้าไป ความขัดแย้งและปัญหานั้นอาจบานปลาย ถึงขนาดกระทบต่อเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย

วิธีการสุดท้ายที่มักนำมาใช้อยู่เสมอก็คือ การยุบสภา

เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

คืนอำนาจตัดสินทางการเมืองกลับไปให้ประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง และเป็นผู้ตัดสินว่า ความขัดแย้งและปัญหานั้นสมควรยุติลงเช่นใด

และเมื่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด ได้ตัดสินด้วยการเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองใด จนได้รัฐบาลที่ได้มาโดยชอบธรรมตามวิถีทางรัฐธรรมนูญแล้ว

ทุกฝ่ายก็ต้องเคารพในฉันทานุมัติของประชาชน และยุติความเคลื่อนไหวทางการเมือง อันเป็นที่มาของความขัดแย้งและปัญหาที่ได้รับการตัดสินใจนั้นแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ภาวการณ์บ้านเมืองก็จะกลับเข้าสู่ปกติ

นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังได้ระบุด้วยว่า

เป็นเพราะได้เกิดความสับสนทางการเมือง เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มไม่พอใจในตัวผู้นำรัฐบาล และมีการชุมนุมเรียกร้องเชิงบีบบังคับ

และการชุมนุมได้ขยายตัวไปในทางที่กว้างขวางและอาจรุนแรง ส่อเค้าว่าจะมีการเผชิญหน้าจนอาจปะทะกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

และอาจมีการสอดแทรกฉวยโอกาสจากผู้ที่ประสงค์จะเห็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง

จุดชนวนให้เกิดความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน จนลุกลามถึงขั้นก่อการจลาจลวุ่นวายสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

แม้รัฐบาลเรียกร้องให้เกิดความปรองดอง ก็ยังไม่อาจแก้ปัญหาและความคิดที่แตกต่างกัน ของกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกดดันรัฐบาลกับกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยและประสงค์จะเคลื่อนไหวบ้างจนอาจเกิดการปะทะกัน

สภาพเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และความสงบเรียบร้อย ของสังคม

ดังนั้น จึงต้องคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับไปสู่ประชาชนด้วยการยุบสภา

และจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เปิดใจกับประชาชนถึงเหตุที่ตัดสินใจยุบสภาว่า

“ต้องขออภัยประชาชนที่ต้องให้ออกมาเลือกตั้ง ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะตอนนี้มีความพยายามล้มรัฐบาลด้วยวิธีต่างๆอย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มคนที่เสียประโยชน์ คนไม่พอใจรัฐบาล และกลุ่มการเมือง

รัฐบาลได้พยายามอดทนอธิบาย แต่ไม่ได้รับความสนใจที่จะฟัง

มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามเรียกร้องให้ตนลาออก แต่คนกลุ่มใหญ่ให้กำลังใจให้ต่อสู้ต่อไปอย่าลาออก

ขณะนี้เห็นว่าบ้านเมืองกำลังไปได้ดี ได้รับความสนใจ จากต่างประเทศและทั่วโลกที่จะเข้ามาลงทุน แต่เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง

เพราะคนเหล่านี้ก่อตัวทำให้เกิดเรื่อง เริ่มมีการถามถึงเสถียรภาพรัฐบาล ตลาดหุ้น เมกะโปรเจกต์ก็ชะงัก

ได้พยายามสอบถามจากผู้ปรารถนาดีห่วงบ้านเมือง ว่าจะทำทางไหนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะฉะนั้น ต้องกลับสู่ครรลองประชาธิปไตย รับไม่ได้ที่จะให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย

เมื่อเกิดความขัดแย้งกันว่ารัฐบาลมีอำนาจจริงหรือไม่ จึงขอให้ประชาชนตัดสินใจว่าอยากจะให้รัฐบาลมาทำงานต่อหรือไม่ หรือเห็นด้วยกับกลุ่มที่คัดค้าน

จึงต้องขอรบกวนประชาชนว่าขออนุญาตว่าสิ่งที่ท่านมอบอำนาจให้ทำงานสี่ปี จะขอคืนอำนาจอีกที ผมพร้อมน้อมรับการตัดสิน

แต่ไม่พร้อมรับการแอบอ้างจากคนนอกระบบว่าเป็นการตัดสินใจ ของประชาชนใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย

วันที่ 2 เมษายน ขอให้ประชาชนได้แสดงพลังว่าท่านเห็นด้วยกับระบบไหน”

ทั้งหมดนี้ คือ

เหตุผลข้อเอ่ยอ้างในการตัดสินใจยุบสภาของ พ.ต.ท. ทักษิณ

อย่างไรก็ตาม “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างใกล้ชิด เราขอบอกว่า

โดยปกติรัฐบาลที่มีเสียงข้างสนับสนุนในสภาฯอย่างท่วมท้น การยุบสภาไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

การยุบสภาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาความแตกแยกในเสียงข้างมาก

แต่สำหรับรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เสียงข้างมากยังแน่นเหมือนเดิม

มีปัญหาบ้างก็แค่ ส.ส.กลุ่มวังน้ำเย็นออกมาโหวกเหวกโวยวาย แต่ก็ยังไม่มีปัญหาเรื่องการโหวตในสภาฯ

ทีมของเราจึงขอชี้ว่า การประกาศยุบสภาในครั้งนี้ เกิดจากวิกฤติของตัวผู้นำรัฐบาลเพียงคนเดียว

ที่เกิดจากกรณีปัญหาเรื่องจริยธรรม จากประเด็นการขายหุ้นบริษัทเครือชินคอร์ป พฤติกรรมสะสมเรื่องคอรัปชันเชิงนโยบาย

ฉุดให้ต้องยุบสภา

ที่สำคัญ ส.ส.พรรคไทยรักไทยเองไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ การโยกหุ้นขายหุ้นของครอบครัวผู้นำมาก่อน จะมารู้กันก็พร้อมๆกับสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป

นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

ที่สำคัญ ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศยุบสภาโดยอ้างว่า

เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน

ซึ่งคงไม่ใช่ข้ออ้างที่ถูกต้อง

เพราะในการยุบสภาครั้งนี้

อำนาจไม่ได้กลับไปสู่ประชาชนอย่างแท้จริง

แต่อำนาจยังเป็นของหัวหน้าพรรคแต่เพียงผู้เดียว

เพราะยังมีกฎเหล็กเรื่องการสังกัดพรรค 90 วัน ล็อก ส.ส.ในพรรคเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถขยับไปสังกัดพรรคอื่นได้

ในขณะที่ ส.ส.บางคนบางกลุ่ม ต้องหมดสิทธิอาสา กลับเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน เพราะพรรคไม่ส่งลงสมัคร

อำนาจจึงไม่ได้กลับไปสู่ประชาชนอย่างสมบูรณ์

เหนืออื่นใด การยุบสภาครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณหวังให้ กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ยุติบทบาท

แต่มาถึงตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

ยังประกาศเดินหน้าไล่นายกฯออกจากตำแหน่ง

ไม่ยุติการชุมนุม

แน่นอน ถ้าจะพูดถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เมษายน ชัดเจนว่า

พรรคไทยรักไทย ได้เปรียบพรรคอื่นทุกประตู

เพราะเจ้าของพรรคมีทุนจำนวนมหาศาล กระสุนเสบียงกรังเพียบ มี ส.ส.ที่ถูกล็อกไว้ในสังกัดเป็นจำนวนมาก มีฐานระดับรากหญ้าสนับสนุน

แถมยังมีอำนาจรัฐในช่วงเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ในกำมือ

ปัจจัยเหล่านี้ เป็นตัวชี้วัดได้ว่า

ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม

ถึงขนาดที่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคนว่า เลือกตั้งในครั้งนี้จะทำให้ได้เสียงสนับสนุนจากประชาชน

มากกว่า 19 ล้านเสียง

มั่นใจเกินร้อยว่าต้องได้กลับมาเป็นรัฐบาลที่ยิ่งใหญ่ กว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ขอชี้ว่า สถานการณ์ข้างหน้าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในอำนาจการเมือง

เรื่องไม่จบแน่

รัฐบาลชุดใหม่ของพรรคไทยรักไทย จะไม่มีคำว่า

ปลอดการต่อต้าน

เพราะสถานการณ์ของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผลการเลือกตั้งเท่านั้น

แต่มันขึ้นอยู่ที่คุณสมบัติของผู้นำ

ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติตามกฎหมาย

แต่มันเป็นคุณสมบัติในเรื่อง

มโนธรรมและจริยธรรมของคนที่เป็นผู้นำประเทศ.

"ทีมการเมือง"

http://www.thairath.co.th/thairath1/2549/column/politic/feb/26_2_49.php

จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 27 ก.พ. 49 13:52:24 ]