PANTIP.COM : P4148367 | กระทู้เตือนความจำ คำพูดของใครเอ่ย?

ความคิดเห็นที่ 11

ผู้นำที่ถูกไล่ออกเปรียบเทียบ (1)

18.30-19.30 น. ฝ่ายโครงการพิเศษ 1 ม.ราชภัฏสวนดุสิต+สำนักบริหารงานวิทยุชุมชน ชวนนิติภูมิพูด “การจัดการศึกษานอกระบบ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของออสเตรเลีย” ที่ห้องประชุมศาลาชื่นอารมณ์ ม.ราชภัฏสวนดุสิต

ขณะนี้มีการเดินขบวนขับไล่นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายท่านสงสัยว่าประชาชนคนฟิลิปปินส์ไล่อาร์โรโยเพราะอะไร ต้องบอกว่าไล่เพราะมีความเชื่อว่าอาร์โรโยชนะเลือกตั้งเพราะทุจริต ซื้อเสียง และความกลับไป กลับมาของอาร์โรโย

ก่อนหน้าอาร์โรโย นิติภูมิขอปูพื้นผู้นำฟิลิปปินส์ที่ถูกไล่ออกซัก 2-3 คน ครับ

ผู้อ่านท่านที่ตามการเมืองฟิลิปปินส์คงยังจำได้ ย้อนไปสมัย พ.ศ. 2535 อดีตนักเรียนนายร้อยทหารบกเวสปอยต์ท่านหนึ่งได้เป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ท่านนั้นคือ พลเอก ฟิเดล รามอส ในช่วง พ.ศ. 2535-2541 ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีอัตราการพัฒนาไม่สูงมาก แต่มั่นคง ท่านรามอสเป็นประธานาธิบดีที่เรียบๆ ไม่ปรู๊ดปร๊าด สไตล์การบริหารประเทศเหมือนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ของเรา แต่ประเทศพัฒนาไปได้อย่างดีมีความมั่นคงทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง สามารถนำประเทศพ้นจากความล้มละลายหายนะ ตอนบั้นปลายท้ายสมัยของพลเอกรามอส ผมยังคิดเลยครับว่า ฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่ผงาดไปได้ดีประเทศหนึ่งในกลุ่มอาเซียน

คนที่ทำให้ฟิลิปปินส์ประสบพบกับความซวย อ่อนล้าจนเป็นประเทศระทวย ก็คือ อดีตประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดา ไอ้คนนี้มาด้วยนโยบาย For Poor Pro Poor นโยบายเพื่อคนจน โปรดคนจน ช่วยคนจน เขียนให้เข้าใจง่ายหน่อยก็คือ แกไปนำนโยบาย “ประชานิยม” มาใช้ เอาเงินจากคลังมาหาเสียงด้วยการแจกแหลกเพื่อให้คนจนสนับสนุนแก คนชั้นกลางและคนรวยจะไม่ชอบนโยบายของเอสตราดา แต่เอสตราดาก็ไม่แคร์ เพราะแกคิดว่า คนรวยมีน้อย คนจนมีมากกว่า

ในห้วงเอสตราดาเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ คือระหว่าง พ.ศ. 2541-2543 แกอนุมัติเงินมาช่วยคนจนมาก เอางบประมาณแผ่นดินมาใช้จ่ายให้ค่าเทอมนักเรียนในชนบท เพื่อจะใช้เด็กและพ่อแม่เด็กพวกนี้มาเป็นฐานการเมืองสนับสนุนแก

สิ่งหนึ่งในช่วงห้วงปลายสมัยของเอสตราดาที่เหมือนกับยุคนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ การที่เอสตราดาพยายามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ต่างชาติสามารถจะเป็นเจ้าของที่ดินได้ เหมือนกับที่นายบุญคลี ปลั่งศิริ เสนอให้มีกฎหมายที่อนุญาตให้ต่างชาติเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ 100% ถึงแม้ว่าจะชั่วอย่างไร แต่เอสตราดาก็ยังดีกว่าพวกคณะผู้นำเผด็จการบางประเทศ เพราะตอนที่เอสตราดาจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ 100% นั้น เอสตราดายังยอมให้มีการหยั่งประชามติ แต่ผู้นำในบางประเทศกลับใช้ให้ญาติและนักธุรกิจจากกลุ่มทุนประมาณ 10 กลุ่ม เป็นผู้ตัดสินใจ

เดิมผมคิดว่าเอสตราดามาจากครอบครัวยากจน แต่เมื่อไปฟิลิปปินส์ ผมจึงทราบความจริงว่า ครอบครัวของเอสตราดาเป็นพวกเชื้อสายสเปนรวย จุดแข็งของเอสตราดาก็คือ มีญาติพี่น้องที่มีสถานะเข้มแข็ง บางคนเป็นทนายความใหญ่ บางคนเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาก แม้แต่เมียของเอสตราดาเองก็เป็นแพทย์หญิง ฯลฯ

จุดอ่อนของเอสตราดาอยู่ตรงญาติเช่นเดียวกัน แกเล่นให้ญาติเข้ามาทำธุรกิจทุกอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจสายการบิน ธุรกิจเบียร์ ญาติของแกและกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เป็นนักธุรกิจในเครือ สะสมที่ดินในฟิลิปปินส์ ไว้เป็นจำนวนมาก เป็นหมื่นหลายแสนเอเคอร์ เมื่อถึงคราวจะแปรที่ดินเป็นเงิน ก็ต้องแก้กฎหมายให้ต่างชาติมาเป็นเจ้าของได้ 100%

พวกคนจนส่วนใหญ่กระดี้กระด้าเชื่อตามคำโฆษณาของรัฐบาลทางโทรทัศน์ว่า ถ้าต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดินแล้ว จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ประเทศและเศรษฐกิจจะดีขึ้น ยังดีที่คนชั้นกลางและ คนระดับบนของสังคมฟิลิปปินส์ต่อต้านการแก้กฎหมาย เอสตราดาจึงต้องระงับเรื่องการยกที่ดินให้ต่างชาติ

เอสตราดาเจ้าของนโยบายแจกแหลกให้ประชาชนคนของตนเป็นง่อยคอยแต่จะแบมือรับ ถูกรัฐสภาขับออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2544 ในข้อหาคอรัปชัน

อิจฉาฟิลิปปินส์ที่มี ส.ส.ที่ไม่เป็นเช่นวัวควายเหมือน ส.ส.ในบางประเทศ ไม่เช่นนั้น คนจนฟิลิปปินส์ก็คงจะไม่มีแผ่นดินอยู่กันหรอกครับ.

นิติภูมิ นวรัตน์

จากคุณ : MacDelta - [ 28 ก.พ. 49 19:10:09 ]