ความคิดเห็นที่ 1
สรุปผลโพลล์เรื่อง เลือกตั้ง สว. ชุดใหม่ประชาชนรู้เท่าทันแค่ไหน
(แถลงผลการสำรวจในการเสวนาเรื่อง จับตาโฉมหน้า สว.ใหม่ ผู้ทรงเกียรติหรือร่างทรง จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549)
เก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 1-10 กุมภาพันธ์ 2549 จากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 30 จังหวัดทั่วประเทศตามสัดส่วนของ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละภาค จำนวน 3,183 คน เป็นชายร้อยละ 46.4 และหญิงร้อยละ 53.6 โดยอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลร้อยละ 18.6 อยู่ต่างจังหวัดในเขตอำเภอเมืองร้อยละ 23.7 และอยู่ต่างจังหวัดนอกเขตอำเภอเมืองร้อยละ 57.7 สุรปผลได้ดังนี้
1. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ 83.7 ระบุว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันพุธที่ 19 เมษายน ที่จะถึงนี้ โดยให้เหตุผลว่า เป็นหน้าที่และไปเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมาย (ร้อยละ 73.2) ไปเพราะต้องการเลือกคนดีมาเป็น สว. และ สว. มีความสำคัญต่อบ้านเมือง (ร้อยละ 13.7) ไปเพราะหน่วยเลือกตั้งอยู่ใกล้บ้านเดินทางสะดวก (ร้อยละ 3.5) ไปเพราะกลัวถูกตัดสิทธิ (ร้อยละ 2.4) และไม่ระบุเหตุผล (ร้อยละ 7.2) ขณะที่ร้อยละ 5.4 ระบุว่าจะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยในจำนวนนี้ให้เหตุผลว่าไม่ว่าง/ต้องทำงาน/ติดธุระ (ร้อยละ 57.4) ไม่สนใจ/เบื่อ/ไม่รู้จะเลือกไปทำไม (ร้อยละ 29.6) บ้านอยู่ไกล/เดินทางไม่สะดวก (ร้อยละ 5.6) และไม่ระบุ เหตุผล (ร้อยละ 7.4) อีกร้อยละ 10.9 ระบุว่ายังไม่แน่ใจ เพราะในวันดังกล่าวอาจติดธุระหรือต้องทำงาน (ร้อยละ 58.7) จะรอดู ผู้สมัครก่อนถ้าน่าสนับสนุนก็จะไปเลือก (ร้อยละ 15.7) ยังไม่ทราบข่าว/ไม่รู้ว่าเลือกที่ไหน (ร้อยละ 12.8) และไม่ระบุ เหตุผล (ร้อยละ 12.8 )
2. ในส่วนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ สว. สำหรับใช้เป็นแนวทางในการเลือกผู้สมัครนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ร้อยละ 63.6 ระบุว่ายังมีความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอ ขณะที่ร้อยละ 36.4 ระบุว่ามีความรู้ ความเข้าใจเพียงพอแล้ว
3. เมื่อถามว่าในการตัดสินใจเลือกผู้สมัคร สว. ครั้งนี้จะเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติใดเป็นหลัก พบว่าอันดับแรก ร้อยละ 46.3 จะเลือกผู้ที่เข้าใจปัญหาของประชาชนในพื้นที่ รองลงมาร้อยละ 18.7 เลือกผู้ที่มีประวัติการทำงานดี ไม่ด่างพร้อย ร้อยละ 12.7 เลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมาย ร้อยละ 10.4 เลือกผู้ที่มีความเป็นอิสระจากพรรคการเมือง ร้อยละ 4.4 เลือกผู้ที่มีบุคคลน่าเชื่อถือให้การสนับสนุน ร้อยละ 2.9 เลือกผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ร้อยละ 1.4 เลือกผู้ที่มี พรรคการเมืองสนับสนุน และร้อยละ 3.2 เลือกจากคุณสมบัติอื่นและเลือกโดยพิจารณาจากคุณสมบัติหลายข้อรวมกัน
4. สำหรับประเด็นที่ผู้สมัคร สว. บางคนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคการเมืองหรือเป็นญาตินักการเมืองนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ร้อยละ 58.0 ระบุว่าจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเพราะมีคุณสมบัติด้านอื่นที่ควรพิจารณา มากกว่า ขณะที่ร้อยละ 24.5 ระบุว่าจะส่งผลให้ไม่เลือกผู้สมัครคนดังกล่าว และร้อยละ 17.5 ระบุว่าจะส่งผลให้เลือก
5. เมื่อถามถึงความพอใจการทำงานของ สว. ชุดปัจจุบัน พบว่า มีเพียงร้อยละ 16.4 ที่ระบุว่าพอใจ โดยให้เหตุผล ว่ามีความตั้งใจทำงานดี มีผลงาน บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า ยังมองไม่เห็นข้อบกพร่อง และหลังเลือกตั้งมีการมาเยี่ยมเยียนประชาชน ขณะที่ร้อยละ 25.7 ระบุว่าไม่พอใจ เพราะไม่เห็นผลงานที่ชัดเจน ไม่เป็นกลาง/เป็นเครื่องมือของนักการเมืองชอบ ทะเลาะกันเอง ห่วงผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป ไม่กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ไม่สนใจประชาชน และไม่พัฒนาท้องถิ่น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่คือร้อยละ 57.9 ระบุว่าไม่แน่ใจ เนื่องจากไม่ค่อยได้ติดตามการทำงานของ สว. ไม่ทราบว่า สว. ต้องทำอะไรบ้าง และสื่อไม่ค่อยได้นำเสนอข่าวการทำงานของ สว.
6. ในส่วนความคาดหมายต่อภาพรวมของ สว. ชุดใหม่ที่จะได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้ ร้อยละ 48.5 เชื่อว่า จะไม่แตกต่างจาก สว. ชุดเดิม โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายเดิมระบบเดิมใครมาเป็นก็ไม่ต่างกัน ผู้สมัครส่วนใหญ่ยังคง ใช้ฐานเสียงของพรรคการเมืองเหมือนเดิม คนดีหายากส่วนมากจะทำเพื่อตัวเอง คนส่วนใหญ่ยังคงไม่รู้ว่าเลือก สว. ไปทำไม คาดว่า สว. ชุดเดิมน่าจะได้ และผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นญาติและพวกพ้องของ สว. ชุดเดิม ขณะที่ร้อยละ 43.6 เชื่อว่า สว. ชุดใหม่จะดีกว่าชุดเดิม เพราะได้เห็นการทำงานของ สว. ชุดเดิมย่อมมีแนวทางพัฒนา ให้ดีขึ้น ประชาชนได้บทเรียนจาก สว.ชุดแรกมาแล้ว เชื่อว่าจะมีคนดีๆ มาลงสมัครมากขึ้น และครั้งนี้จะตั้งใจเลือกให้รอบคอบ มากยิ่งขึ้น โดยมีเพียงร้อยละ 6.3 ที่เชื่อว่า สว. ชุดใหม่จะแย่กว่าชุดเดิมโดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นคนของ พรรคการเมือง และรู้ช่องทางในการสร้างประโยชน์ให้ตัวเองมากขึ้น และร้อยละ 1.6 ระบุว่าไม่แน่ใจในภาพรวมของ สว. ชุดใหม่
7. สำหรับความมั่นใจในความเป็นอิสระของ สว. ชุดใหม่ พบว่า มีประชาชนเพียงร้อยละ 33.9 ที่มั่นใจว่า สว. ชุดใหม่จะเป็นอิสระไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคการเมือง (โดยมั่นใจมากร้อยละ 8.2 และค่อนข้างมั่นใจร้อยละ 25.7) ขณะที่ส่วนใหญ่คือร้อยละ 66.1 ไม่มั่นใจ (โดยไม่มั่นใจเลยร้อยละ 17.6 และไม่ค่อยมั่นใจร้อยละ 48.5 )
8. ส่วนผลงานที่คาดหวังจะเห็นจาก สว. ชุดใหม่นั้น พบว่า เป็นความคาดหวังในผลงานที่ตรงตามบทบาท หน้าที่ของ สว. เพียงร้อยละ 15.8 โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น - คาดหวังในผลงานด้านการพิจารณากลั่นกรองกฎหมาย ร้อยละ 57.0 - คาดหวังในผลงานด้านการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน/ตรวจสอบการทำงานของคณะรัฐมนตรี ร้อยละ38.6 - คาดหวังในผลงานด้านการพิจารณาคัดเลือก แต่งตั้งบุคคลในองค์กรตรวจสอบหรือองค์กรอิสระ อาทิ สตง. ปปช. และ กกต. ร้อยละ 3.1 - คาดหวังในผลงานด้านการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและตำแหน่งอื่นๆ ร้อยละ 1.3 ขณะที่ร้อยละ 39.2 ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดกลับคาดหวังในผลงานที่ควรจะเป็นบทบาทหน้าที่ของ สส. ได้แก่ การนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สินของประชาชน การแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ การแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตร การปฏิรูปการศึกษา และการจัดสรรงบประมาณของแต่ละหมู่บ้านให้มากขึ้น เป็นต้น ร้อยละ 23.2 คาดหวังผลงานแบบรวมๆ เช่น ให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใส สร้างผลงานให้ชัดเจนกว่าเดิม และมี บทบาทให้มากขึ้น ร้อยละ 5.7 ระบุว่าไม่คาดหวังอยากทำอะไรก็ทำไปเลย และร้อยละ 16.1 ไม่ตอบ และตอบไม่ได้เพราะไม่ทราบว่า สว. ต้องทำอะไรบ้าง
9. สำหรับความเชื่อมั่นต่อการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ คือร้อยละ 56.9 ไม่เชื่อมั่นว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะสามารถควบคุมดูแลการเลือกตั้ง สว. ครั้งนี้ให้มี ประสิทธิภาพและบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ (โดยไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 13.6 และไม่ค่อยเชื่อมั่นร้อยละ 43.3) ขณะที่ร้อยละ 43.1 ระบุว่า เชื่อมั่น (โดยเชื่อมั่นมากร้อยละ 7.9 และค่อนข้างเชื่อมั่นร้อยละ 35.2)
10. สุดท้ายสิ่งที่อยากฝากถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง ร้อยละ 76.1 ฝากให้ กกต.วางตัวเป็นกลางและทำงาน อย่างซื่อสัตย์โปร่งใส รองลงมาร้อยละ 7.0 ฝากให้กำลังใจ กกต.โดยรู้ว่าเหนื่อยแต่อยากให้สู้ ร้อยละ 5.5 ขอให้ กกต. แจ้งข่าวสาร การเลือกตั้ง สว.ให้ประชาชนรู้ให้มากกว่านี้ ร้อยละ 1.2 ฝากให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สว. ให้ดี ร้อยละ 2.4 ระบุว่า ไม่มีอะไรจะฝาก และร้อยละ 7.8 ไม่ตอบ
ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มีความตระหนักในหน้าที่และตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในวันที่ 19 เมษายนที่จะถึงนี้ แต่ยังขาดซึ่งความรู้ความเข้าใจสำหรับใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่า สว. คือใคร เลือกไปทำอะไร และยังแยกไม่ออกระหว่างบทบาทหน้าที่ของ สว. กับ สส. ดังนั้นบางส่วนจึงตั้งใจจะเลือกผู้สมัคร สว. ที่มีความใกล้ชิดกับ สส. ในพื้นที่โดยหวังให้ทำงานร่วมกันในการพัฒนาท้องถิ่นและยกระดับ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น ซึ่งความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวจะยิ่งส่งผลให้ สว. ชุดใหม่ที่ได้จากการเลือกตั้ง ครั้งนี้มีโอกาสเป็นสภาวงศาคณาญาติของพรรคการเมืองมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ ตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อให้ทุกเสียงของประชาชนผู้ออกไปใช้ สิทธิเลือกตั้งเป็นเสียงสวรรค์ที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง
-----------------------------------
สนใจดูรายละเอียดได้ที่ http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
จากคุณ :
Zeq
- [
1 มี.ค. 49 12:52:23
]
|
|
|