กระแสความแตกแยกในสังคมของเรานับวันจะรุนแรงมากขึ้น
อธิบายได้ตามทฤษฎีทางสังคมของฝรั่ง Dialectic ก็คือมี Thesis กับ Anti Thesis
โดยตัว Thesis จะเกิดมาจากเหตุปัจจัยของการแย่งชิงผลประโยชน์ที่สุกงอมแล้ว
และความบกพร่องโดยสุจริตทางจริยธรรมของท่านผู้นำ ซึ่งฝ่ายจารีตนิยมยอมรับไม่ได้
ยุคความด่วนเร็วของโลกแห่งการสื่อสารเข้ามามีส่วนในเรื่องนี้อยู่มาก
ความฉับไวของการแพร่กระจายข่าวสาร มันทำให้เกิดวัฒนธรรมจานด่วนในสังคม
สามารถสร้างภาพให้เกิดการยอมรับในสิ่งใดก็ได้ เช่น การเร่งความสุกงอมของตัว Thesis
หรือแม้นแต่การดับไฟจาก Anti Thesis ก็สามารถพึ่งพาเอเจนซี่ทางการตลาดได้
วันนี้พวกเราจึงได้เห็นสงครามการแย่งชิงพื้นที่สร้างความนิยมแก่ตนเองกับมวลชนอยู่บ่อยครั้ง
โดยอาศัยขีดความสามารถในเรื่องการทำงานการตลาดว่าของใครจะดีกว่ากัน
ซึ่งแต่เดิมงานแบบนี้จะรับใช้ภาคธุรกิจ แต่วันนี้สามารถนำมาปรับใช้กับการเมืองได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ดังนั้นผมจึงมองว่าวันที่ ๓ และ ๕ มีนาคม ที่จะถึงนี้คือสงครามการชิงมวลชน
เป็นการเบ่งพองตนเองให้ศัตรูเกิดความพรั่นพรึง ตามทฤษฎีอึ่งอ่าง
ซึ่งรัฐบาลจะได้เปรียบในภาพลักษณ์อย่างแน่นอนกับการลงมือในครั้งนี้
ต้องขอชมความชาญฉลาดของทีมงานด้านมวลชนของรัฐ ที่เข้าใจหลักการในการทำสงครามจิตวิทยากับมวลชนอย่างมีระบบ ไม่แปลกใจที่ทีมงานหลายคนเป็นอดีตนักต่อสู้ในสมัยสงครามจรยุทธ พวกนี้จะมีความเข้าใจในแผนรุกรับทางมวลชนสูง เพราะผ่านการทำงานกับรากหญ้ามานาน
วอร์รูมทางสังคมของที่รัฐบาลชุดนี้จึงน่ากลัวมาก จึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นนโยบายไปรษณีย์บัตรกำลังจะถูกนำมากองเป็นภูเขาเพื่อชี้นำกระแสในสังคมไทย
ความจริงวิชาการตลาดก็คือ ยุทธศาสตร์การเข้าถึงกิเลสคน มันเป็นเปลือกสีสวยที่เคลือบย้อมความดิบอยู่ข้างใน สามารถหลอกล่อให้ผู้คนเดินเข้ามาติดกับดักได้โดยง่าย สีที่เคลือบฉาบอยู่ที่ผิวนอกหรือมายาภาพสามารถเปลี่ยนความรู้สึกให้ผู้สัมผัสกับมันเกิดความรู้สึกดูดี
มันสามารถเปลี่ยนดำให้เป็นขาว ชั่วให้เป็นดี ผิดให้กลายเป็นถูกได้ไม่ยาก
..กลเกมนี้สัตว์นักล่ากำลังนำมาใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์โดยผู้เสพมันอาจมิรู้ตัว
สื่อและคลื่นในอากาศจึงเป็นถนนเส้นใหม่ที่ใครๆก็อยากครอบครองและเป็นเจ้าของมัน ใครได้ไปเป็นเจ้าของ คนคนนั้นก็สามารถเข้ามาเป็นเจ้าชีวิตของคนได้ทั้งหมด
วิธีคิดแสนสวยจากเอเจนซี่ทางการตลาด จะถูกนำมาปรุงแต่งจากทีมงานมืออาชีพ ลูกกวาดสีสวยทั้งสินค้าและบริการเริ่มนำออกมาสู่สายตาประชาชน
ถ้อยคำคมๆ มายาภาพที่สื่อถึงแรงดึงดูดให้ผู้รับเกิดความอยาก ถูกนำมากระตุ้นทั้งรูป รส กลิ่น เสียง เย้ายวนให้อยากสัมผัสและลิ้มลอง
เครื่องกรองความดิบของคนยุคเก่าเริ่มชราภาพและถอยไปมีฐานะเพียงมรดกที่ชำรุดแล้วในทางประวัติศาสตร์
เมืองไทยวันนี้ไม่รู้ว่าเส้นแบ่งความถูก - ผิดอยู่ตรงไหน เพราะถูกการตลาดเข้าบดบังเสียจนสิ้น ปัญหาทางสังคมที่เกิดอย่างดาดดื่นล้วนเกิดมาจากขบวนการขัดเกลาของสังคมไม่ทำงาน ภาครัฐเองส่วนใหญ่เติบโตมาจากภาคธุรกิจจึงพุ่งเป้าการพัฒนาไปที่การเพิ่มเม็ดเงิน การพัฒนาที่มองเห็นเป็นรางคู่หรือ Dual Trick ทางด้านเศรษฐกิจ แท้จริงคือถนนวันเวย์ที่จะมุ่งสู่โลกทุนโลกาภิวัฒน์นั้นเอง
มันไม่ใช่เป็นรางคู่ระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับทางด้านจิตใจที่ควรเดินไปพร้อมๆกัน
วันนี้ช่างทาสีต้องแพ้ช่างพ่นสีเพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า ช่างพ่นสีใช้นักการตลาดฝีมือดีเข้ามาทำงานการเมืองกันเป็นทีม ล้วนแต่เป็นจอมยุทธที่สามารถทำงานการตลาดเพื่อครองใจคนได้ในทุกระดับ การลดแลกแจกแถมในทางสังคมมีให้เห็นในรูปนโยบายอยู่อย่างมากมาย
ภาพของรัฐบาลเองยามหม่นหมองก็มีทีมงานคอยพ่นทาให้เกิดสีสรรและคอยเบี่ยงเบนกระแสให้
มีความเคลื่อนไหวแบบผิดปกติในการแทรกแซงความคิดเห็นผ่านสื่อ ทั้งในโพล ในSMS โหวต หรือในเวปบอร์ดทั่วๆไป มีพวกขาประจำที่ขยันแบบผิดปกติชอบโทรไปแสดงความคิดเห็นตามรายการ TV และวิทยุ ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้รู้จังหวะเวลาในการเข้ามาแสดงความแบบขาประจำ คล้ายกับกลุ่มจัดตั้งในเวทีคอนเสิร์ต
ไม่อยากจะนึกเลยว่าเอเจนซี่ทางการตลาดเดี๋ยวนี้สามารถบุกเข้ามาบริหารกระแสให้แก่ใครก็ได้ที่มีเงิน ยุคนี้จึงขอเรียกว่ายุคการตลาดนำไทย
เห็นวิชาการตลาดกำลังงอกงามในสังคมไทยจึงรู้สึกเป็นห่วง การตลาดจะทำให้คนไทยกลายเป็นพวกหลงเงินตรา อีกไม่นานเราจะหลงลืมความเป็นมนุษย์ สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสีสรรทางการตลาดและเล่ห์มายา แต่สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมที่แห้งแล้งทางจิตวิญญาณและศีลธรรม
จากคุณ :
ไทยพันธุ์แท้
- [
2 มี.ค. 49 12:50:08
]