ความคิดเห็นที่ 2
'ก้องเกียรติ - พายัพ' แกนกลางในตลาดหุ้น
กล่าวกันว่าไม่มีนักศึกษา วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (วปรอ.) รุ่นใดจะ "ฮอต" เท่ากับรุ่น "วปรอ. 4414" อีกแล้ว
เพียงแค่รายชื่อเพื่อนร่วมรุ่น ก็เด่นดัง และโดดเด่น ทั่งในแวดวงราชการ วงสังคม และในแวดวงตลาดหุ้น
อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่ได้ชื่อว่า "แน่นแฟ้น" กับรัฐบาลภายใต้การนำของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" มากที่สุด
เริ่มตั้งแต่ "ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์" อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานรุ่นปี 2548 เขาผู้นี้มีบทบาทสำคัญในการหักล้างข้อกล่าวหาเรื่อง "หลบเลี่ยงภาษี" ให้กับครอบครัวชินวัตร กรณีขายหุ้น "ชินคอร์ป" มูลค่า 7.33 หมื่นล้านบาท
ขณะที่รองประธานรุ่น 2 คน ก็ล้วนใกล้ชิดกับพรรคไทยรักไทย คนแรก "พล.อ.พรชัย กรานเลิศ" ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตอ.รุ่น 10) รุ่นเดียวกันกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"
พล.อ.พรชัย คนนี้มีชื่อปรากฏอยู่ในรายชื่อของผู้ที่ได้หุ้นจอง "แมงป่อง" (PONG) จำนวน 3 แสนหุ้น
รองอีกคน "ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซีย พลัส ก็ได้ชื่อว่าเป็น "กุนซือ" คนสำคัญที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจในรัฐบาล
ในอีกบทบาทของ ดร.ก้องเกียรติ ในฐานะของ นายกสมาคม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เขามักทำหน้าที่เป็น "โหรหลวง" ออกมา "พยุงหุ้น" อย่างเปิดเผยอยู่เนืองๆ
ขณะที่ประธานรุ่นปี 2549 "พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์" ก็มีบทบาทเป็นถึง "ผู้บัญชาการทหารเรือ" คนปัจจุบัน รวมถึง "สาธิต ศิริรังคมานนท์" เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่า บริษัท ชินแซทเทลไลท์ เจ้าของสัมปทานดาวเทียมไทยคม ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไทยคม 5 มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท
ในรุ่นนี้ยังมี "พายัพ ชินวัตร" น้องชาย นายกฯ ทักษิณ ส.ส.พรรคไทยรักไทย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสายตรงของพี่สาว "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" ผู้นำกลุ่มวังบัวบานในพรรคไทยรักไทย
อีกบทบาทหนึ่งของ พายัพ คือ "เซียนหุ้นพันล้าน" ที่ปรากฏชื่ออยู่เบื่องหลัง "หุ้นร้อน" นับสิบตัวในตลาดในระหว่างปี 2547 ถึงปัจจุบัน
ในรุ่นนี้ยังปรากฏกาย "มือขวา" ทางด้านธุรกิจของ นายกฯทักษิณ ที่ชื่อ "บุญคลี ปลั่งศิริ" ประธานคณะกรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น รวมอยู่ด้วย ในฐานะสมาชิกหมาย 57 ของรุ่น (จากจำนวน 184 คน) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีบทบาทอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงเพื่อนร่วมรุ่น กับที่ทางสำคัญๆ ของรัฐ และกองทัพ
เส้นสายสัมพันธ์ของบุคคลในรุ่น ยัง "ฝังราก-หยั่งลึก" ลงไปในตลาดหุ้น ผ่านเพื่อนพ้อง "วปรอ.รุ่น 4414" ที่เป็น "เจ้าของ" บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถึง 4 บริษัท ประกอบด้วย "ไชยยันต์ ชาครกุล" ผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) "ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล" ผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) "ราชศักดิ์ สุเสวี" ผู้ถือหุ้นใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์-พี (POWER) "ธีระศักดิ์ กาญจนศักดิ์ชัย" อดีตเจ้าของบริษัท ไทยเอนจิน เมนูแฟ็คเจอริ่ง (TEM) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท อะโกร อินดัสเตรียล แมชชีนเนอรี่ (AMAC) ที่กำลังจะกลับเข้ามาซื้อ-ขายในตลาด
นอกจากนี้เพื่อนร่วมรุ่น "วปรอ.รุ่น 4414" ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "นักปั้นหุ้น" (หมวด Rehabco) มือฉกาจของวงการตลาดหุ้นก็อยู่ในรุ่นนี้ด้วย เขาคือ "สุทธิศักดิ์ โล่ห์สวัสดิ์" มีผลงานปั้นหุ้นถึง 4 บริษัท ได้แก่ EMC, SMM, STRD และ AMAC (ของ ธีระศักดิ์ กาญจนศักดิ์ชัย)
ปัจจุบัน "สุทธิศักดิ์ โล่ห์สวัสดิ์" นั่งเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีเอ็มซี (EMC) โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น "วปรอ.รุ่น 4414" อีก 2 คนเป็นแขนขาในฐานะคณะกรรมการบริษัทในสายของตัวเอง ได้แก่ "พลโทหญิง สำอางค์ ทองปาน" และ "พลโทวีรศักดิ์ ไพรัช" (ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองบัญชาการทหารสูงสุด)
เห็นได้ชัดว่าเครือข่ายในตลาดหุ้นของ เพื่อนร่วมรุ่น วปรอ. 4414 หนาแน่นมาก เนื่องจากในรุ่นนี้มีครบสูตร ตั้งแต่ผู้บริหารโบรกเกอร์, นักลงทุนรายใหญ่, มือปั้นหุ้น (หมวด Rehabco) เจ้าของบริษัท และผู้บริหารระดับสูงขององค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงมี "อำนาจบารมี" ของนายกฯทักษิณที่แผ่ปกคลุม
"พายัพ ชินวัตร" อดีตประธานรุ่น วปรอ. 4414 ปี 2545-2546 แม้ในตำแหน่ง ส.ส.พรรคไทยรักไทย จังหวัดเชียงใหม่ พายัพ แทบจะไม่มีบทบาท แต่ในตลาดหุ้น เขาคือ "เซียนหุ้น" แถวหน้าที่ใครๆก็กล่าวขวัญถึง
พายัพ มีผลงานเล่น "หุ้นร้อน" มามากกว่าสิบบริษัท ระหว่างปี 2547-2548 เรามักจะได้ยินชื่อของ "เสี่ย พ." ผู้นี้เข้าไปมีเอี่ยวอยู่เสมอๆ ซึ่งที่ผ่านมา เขามักเข้าไปลงทุนผ่าน "นอมินี" โดยที่ไม่เคยถูกตรวจสอบ
"พายัพ" เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับบหนึ่งว่า เริ่มเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นราวปี 2532-2533 เล่นหุ้นมีอนาคตบ้าง ไม่มีอนาคตบ้าง เข้ามาเล่นแรกๆก็เจ๊ง เมื่อ 16 ปีที่แล้ว เข้ามาเล่นตอนดัชนีขึ้นไปที่ 1,200 จุด จากนั้นดัชนีก็ดิ่งลงไปเรื่อยๆ
"จำได้ว่าตอนล้างพอร์ต ปี 2538 จำแม่นๆเลย ขาดทุนไป 392 ล้านบาท"
แต่ในปี 2548 ไม่เพียง "พายัพ" จะถอนทุนคืนได้ทั้งหมดแล้ว เขายังได้กำไรกลับคืนมาอีกเกือบ 10 เท่าตัว หากประเมินจากคำพูดของเขา วันนี้ "พายัพ ชินวัตร" น่าจะมีเงินที่ได้กำไรจากตลาดหุ้นไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท
ที่น่าสนใจ ก็คือ ในเวบไซต์ของศิษย์เก่า วปรอ.รุ่น 4414 ได้มี "ลิงค์" ข้อมูลไปยังเวบไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ และเซ็ทเทรด ดอทคอม พร้อมทั้งมีข้อความระบุไว้ข้างล่างด้วยว่า
"ใครมีตัวเด็ด บอกเพื่อนด้วยนะครับ" ตอกย้ำว่า ศิษย์เก่า วปรอ.รุ่น 4414 ชอบเล่นหุ้นกันขนาดไหน
ทีมข่าว "น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ตามแกะรอย "หุ้นไอพีโอ" พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า เส้นทางผลประโยชน์ในตลาดหุ้นของเพื่อนร่วมรุ่น ถูกเชื่อมผ่านมาจาก "ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" รองประธานรุ่นปี 2548 ไปยังเพื่อนๆสมาชิกในรุ่น
เป็นที่น่าสังเกตุว่าบริษัทไหนที่มี "บล.เอเซีย พลัส" ของ ดร.ก้องเกียรติ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ หุ้นไอพีโอตัวนั้นก็จะถูกกระจายไปให้กับ เครือข่ายเพื่อน "วปรอ. 4414" ที่มาเปิดบัญชีเล่นหุ้นกับโบรกเกอร์รายนี้
ยืนยันได้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่าง ดร.ก้องเกียรติ และเพื่อนร่วมรุ่นแนบชิดมาก
โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนๆ วปรอ.4414 "ขาประจำ" ที่ได้หุ้นจอง (ไอพีโอ) สม่ำเสมอ อาทิ "กนกศักดิ์ ปิ่นแสง" ที่ปรึกษาบริษัทเชียงใหม่ คอนสตรัคชั่น และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว "เนวิน ชิดชอบ" ซึ่งได้หุ้นจาก "บล.เอเซีย พลัส" ผ่านพอร์ตของภรรยา "จันทมาศ ปิ่นแสง"
ขณะที่ "จันทมาศ ปิ่นแสง" ก็เปิดกองทุนส่วนบุคคล กับ "บลจ.แอสเซท พลัส" ของ ดร.ก้องเกียรติ เพื่อลงทุนอย่างเป็นล่ำเป็นสันในตลาดหุ้นอีกทาง
ลูกค้ารายใหญ่ที่เล่นหุ้นผ่าน บล.เอเซีย พลัส อีกทั้งเป็นเพื่อร่วมรุ่น วปรอ.4414 ของ ดร.ก้องเกียรติ ยังประกอบไปด้วย "ไชยยันต์ ชาครกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ "อเนน อึ้งอภินันท์" รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ดูแลงาน คลัสเตอร์ เครื่องจักรกลโลหการ) "องอาจ เอื้ออภิญญกุล" กรรมการบริหาร บริษัทบ้านปู "น.พ.เสถียร ภู่ประเสริฐ" กรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า ของครอบครัวชินวัตร และ "ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี
ส่วน "มานิต มัสยวาณิช" เจ้าของโรงงานผลิตรองเท้า Crazy Step ที่เปิดช้อปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย 20 สาขา ก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นอีกรายของ ดร.ก้องเกียรติ และเป็นลูกค้ารายสำคัญของ บล.เอเซีย พลัส
มานิต มักไม่ได้ลงทุนในชื่อของตัวเอง แต่จะลงทุนผ่านบุคคลใกล้ชิด อาทิ ซื้อขายผ่านพอร์ตของ "เสาวนีย์ จิระวุฒิกุล" "ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช" บุตรชาย "ชนมาศ มัสยวาณิช" บุตรสาว และ "นันทวัน มัสยวาณิช" ทั้ง 4 รายนี้ได้หุ้นจองจาก บล.เอเซีย พลัส แทบทุกตัว
สายสัมพันธ์ของ "ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" ยังทอดยาวไปยัง กลุ่มเพื่อนนักการเมือง สังกัดพรรคไทยรักไทย ผ่านการดูแลพอร์ตให้กับบุคคลระดับแกนนำของกลุ่ม เช่นการดูแลพอร์ตให้กับ "น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน" นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 3 บุตรสาวคนโตของ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" แม้จะเป็นแค่เพียงนักศึกษา แต่กลับมีพอร์ตเล่นหุ้นผ่าน บล.เอเซีย พลัส ในระดับ "ร้อยล้านบาท" เช่นลงทุนในหุ้น PICNI และ POWER และที่ผ่านมาก็ปรากฏชื่อได้รับหุ้นจอง "โออิชิ กรุ๊ป" (OISHI) 1 แสนหุ้น มูลค่า 1.9 ล้านบาท
นอกจากนี้ ดร.ก้องเกียรติ ยังดูแลพอร์ตหุ้นให้กับ "ครอบครัวมาลีนนท์" แทบทุกคน เช่น "ดร.แคทลีน มาลีนนท์" บุตรสาวคนโตของ "ประชา มาลีนนท์" อีกด้วย
บุคคลที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเครือข่ายเพียงบางส่วน ของ "วปรอ.รุ่น 4414" ที่ใช้ตลาดหุ้น เป็นแกนกลางผลประโยชน์ เก็บเกี่ยวความมั่งคั่งออกไปอย่างมหาศาล
"เสือ-สิงห์-กระทิง-แรด" ที่ว่าแน่ๆ ยืนยันได้ว่ายังพ่ายเขี้ยว และคม ของ"วปรอ.4414"
จากคุณ :
SoulZero
- [
6 มี.ค. 49 03:12:08
]
|
|
|