CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 1

    ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 1
    bobby2006



    หน้า: 1/3

    “…นายกฯทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา…”

    ไม่ใช่คำกล่าวหรือคำเชลียร์ของบริวารลิ่วล้อของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ยืนอยู่รายล้อ เพื่อรอเศษเนื้อ หรือเศษอำนาจ ในไทยรักไทย หรือชินคอร์ปที่เราเคยได้ยินจนชินหู






    หากแต่เป็นคำกล่าวด้วยสีหน้า ท่าทางและแววตาที่จริงจังเป็นอย่างยิ่งของสนธิ ลิ้มทองกุล ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2546 ในครั้งหนึ่ง และถูกย้ำเป็นครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547 ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. เช่นเดียวกัน


    เป็นรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่มีผู้ดำเนินรายการนาม สนธิ ลิ้มทองกุล นักวิเคราะห์ผู้เปี่ยมด้วยมุมมองลึกซึ้งในทุกๆ กรณีปัญหาของไทยและของโลก และสโรชา พรอุดมศักดิ์ พิธีกรสาว ซึ่งสมควรอย่างยิ่งกับรางวัล นักชง ยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงสุด


    เป็นสนธิ ลิ้มทองกุล ที่กำลังออกอาการเกรี้ยวกราดต่อการดำรงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร


    เป็นสนธิ ลิ้มทองกุล ที่กำลังปลุกระดมประชาชนนับหมื่น นับแสนเพื่อโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร


    เป็นสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ไม่มีความจำเป็นต้องพูดจาเยี่ยงนั้นแม้แต่คิดก็ไม่พึงคิด เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยช่วยเหลือ ไม่เคยมีบุญคุณ ตรงกันข้ามยังติดหนี้บุญคุณทางธุรกิจแก่เขาอีกมากมายมหาศาล


    เป็นสนธิ ลิ้มทองกุล ที่กำลังพิพากษาว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ใช้ไม่ได้ และ พ ต ท ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา


    ระยะเวลาเพียงสองปีเศษ ทำให้ สนธิ ลิ้มทองกุล นักหนังสือพิมพ์ผู้เจนจบกับทุกกลยุทธ์ทางการเมือง ประหนึ่งเป็นผู้หยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งในแวดลงอำนาจรัฐ เสมือนเกมที่เล่นอยู่บนฝ่ามือตัวเอง เปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา


    จากดีที่สุด รักที่สุด ชอบที่สุด เชียร์ที่สุด กลายเป็นเลวร้ายที่สุด เกลียดที่สุด ชิงชังที่สุด และต้องกำจัดให้ได้ในที่สุด


    อารมณ์ และอาการเยี่ยงนี้ ไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ต้องประสบกับภาวะผิดหวังอย่างรุ่นแรงที่สุด ต่อ พ ต ท ทักษิณ ชินวัตร


    ผิดหวังรุนแรงชนิดที่มิอาจจะอภัยต่อกันได้ มีเพียงเส้นทางเดียวที่ต้องกระทำ คือการ ฆ่า ให้พ้นจากเส้นทางของตนเอง


    ไม่แปลกที่ผู้คนซึ่งอยู่ห่างไกลจากปริมณฑลของ เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จะเข้าใจว่าสนธิ ผิดหวัง พตท ทักษิณ ที่สำแดงธาตุแท้ของตนเองออกมาว่า ที่จริงแล้ว เขาก็ไม่แตกต่างจากนักการเมืองทั่วไป ที่ใช้อำนาจเป็นประโยชน์กับพวกพ้อง ญาติมิตรและไม่จริงใจกับประชาชน เพราะ 10 ครั้งของเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร สนธิพร่ำพูดและตอกย้ำเช่นนี้จริงๆ

    แต่ทว่า ผู้คนในแวดวงหนังสือพิมพ์ที่รู้จัก สนธิดี รวมไปถึงผู้คนที่เคยเฉียดใกล้ปริมณฑลเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ต่างคาดเดาว่าความผิดหวังรุนแรงที่บังเกิดขึ้น เป็นเพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ โอบอุ้ม ช่วยเหลือ สนธิมากเท่าที่ควร หรือมากเท่าที่สนธิคาดหวัง มิหนำซ้ำยังมีทีท่าเฉยเมยต่อความยากลำบากของสนธิ ที่ประสบอยู่ตรงหน้า

    ร่ำลือกันว่าความคาดหวังที่สนธิลิ้มทองกุล มีต่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และต้องผิดหวังนั้นหากคำนวณเป็นมูลค่าทางธุรกิจแล้วมีจำนวนไม่น้อยกว่าหลักสามถึงสี่ร้อยล้านบาทซึ่งอาจจะเป็นเงินไม่มากนักสำหรับ พตท ทักษิณ ในวันนี้ และสำหรับสนธิ ในวันวานแห่งอดีตที่รุ่งเรือง แต่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับคนที่เพิ่งพ้นสภาพบุคคลล้มละลายอย่างสนธิ ในวันนี้


    ร่ำลือกันว่า จากความผิดหวังที่เกิดขึ้น ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความโกรธ และความแค้นตามลำดับ แต่กระนั้นก็ตาม ยังมีความเชื่อของผู้คนที่รู้จักสนธิดีว่า ความโกรธและความแค้นของสนธิที่มีต่อ พตท ทักษิณ ยังคงสามารถที่จะเคลียร์กันได้ ตามประสานักธุรกิจด้วยกัน แต่อาจจะต้องมีราคาแพงถึงหลักพันล้านบาท เลยทีเดียว ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจำนวนหัวของผู้ที่มาชุมนุมกันอยู่ในสวนลุมพินี ทุกเย็นวันศุกร์


    ยิ่งมีจำนวนหัวมาก ราคาเคลียร์ก็ยิ่งสูง แต่หากมีจำนวนหัวไม่มากตามที่ประกาศไว้ราคาเคลียร์ก็อาจจะต้องมาตกลงกันใหม่


    ควรทราบด้วยว่า นอกเหนือจากสถานภาพนักหนังสือพิมพ์แล้ว สนธิ ลิ้มทองกุล มีคุณลักษณ์ที่ชัดเจนประการหนึ่ง คือความเป็นนักธุรกิจ ที่ยึดมั่นในปรัชญา การทำกำไรสูงสุดกับสิ่งที่ได้ลงทุนไป และไม่มีอะไรในโลกนี้ได้มาฟรี


    นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่สนธิ ต้องการ 5 แสนคน ในเย็นวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2548


    นี่อาจจะเป็นราคาต้นทุนของการระดมพลังมวลชน และผลประกอบการที่อาจจะได้รับที่มิอาจประเมินได้ แต่แน่นอนถ้าหากการเจรจาทางธุรกิจบรรลุผล ย่อมมีผู้จ่ายและผู้รับ และมีผลกำไรเกิดขึ้นตามปรัชญาการทำงานของนักธุรกิจที่ต้องได้กำไรสูงสุด


    เรื่องทำนองนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในเมืองไทยที่มากด้วยกลเกมของผู้เล่นที่ช่ำชองประสบการณ์ โดยมีประชาชนเป็นเบี้ยด้วยความสมัครใจ และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์


    แต่ไม่ว่าจะด้วยสมัครใจ เต็มใจ จำใจ หรือจนใจก็ตาม สิ่งที่เราพึงครุ่นคิดและใคร่ครวญให้จงหนักก็คือ เป็นไปได้หรือ ที่คนคนหนึ่งซึ่งมีมันสมองอันปราดเปรื่องและสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ มีข้อมูล ข้อเท็จจริงอยู่เต็มสองมือ มีสำนึกถูกผิด อยู่เต็มหัวใจ มีสำนึกแห่งคุณธรรมดีชั่ว อยู่ทั่วทุกอณูของร่างกาย จะตกอยู่ใต้ภวังค์แห่งมนต์เสน่ห์ของคนอีกคนหนึ่งมาอย่างยาวนานถึง 3 ปี ชนิดโงหัวไม่ขึ้น จนถึงกับยกย่องให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา จะกลับกลายเป็นคนคนหนึ่งที่รังเกียจ ชิงชัง นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของตัวเอง ถึงขนาดต้องโค่นล้มและขับไล่ให้พ้นจากแผ่นดินไทย


    หากอาการที่เกิดขึ้นกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ในวันนี้ มิได้มีผลประโยชน์ส่วนตนมาเคลือบแคลงหรือแอบแฝง ก็ต้องบอกว่า สินธิ ลิ้มทองกุล กำลังตกอยู่ในสภาวะต่อมคุณธรรมอักเสบอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน เพราะโกหกตัวเอง และผู้คนมาตลอด 3 ปีเต็มของการจัดทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เนื่องเพราะจริงๆ แล้ว “นายกฯ ทักษิณไม่ใช่นายกรัฐมนตรีดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา” ในทัศนะของสนธิตามที่ได้พร่ำพูด พร่ำบอกกับผู้ชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์เรื่อยมา


    ที่พูดไปทั้งหมดเป็นเพียงการโกหกไปในแต่ละสัปดาห์ เพื่อแสวงหา การักษาและดำรงอยู่ ของตนเท่านั้นเอง


    แต่ด้วยมันสมองและสติปัญญาระดับสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ซึ่งสถาปนาตัวเองเป็น “โมกุลแห่งวงการสื่อสารมวลชนของเอเชีย” เป็นผู้บริหารธุรกิจระดับหมื่นล้านบาท เคยเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่สื่อตะวันตก ให้ความสนใจมากที่สุด เคยเป็นผู้จัดการรัฐบาล เคยผ่านวันอันแสนสุข ผ่านคืนที่อมทุกข์มาแล้วหลายช่วงในชีวิต รวยที่สุดก็เคยมี จนที่
    สุดก็เคยเป็น จึงมิอาจเชื่อได้ว่า ทั้งหมดที่สำแดงออกมานั้น เป็นเพราะ “ต่อมคุณธรรมอักเสบ” เพียงสาเหตุเดียว หากแต่จะต้องมีสาเหตุที่สำคัญอย่างยิ่งยวด


    แต่จะเป็นสิ่งใดนั้น มีแต่สนธิ ลิ้มทองกุล เท่านั้นที่จะตอบได้ว่า…

    มันคืออะไร? และราคาเท่าไร?

    และการเจรจาทางธุรกิจ โดยมีประชาชนที่มาชุมนุมกันในสวนลุมพินีเป็นราคาและมีอำนาจรัฐเป็นเดิมพัน หรือตัวชี้วัดว่าเกมนี้ใครจะกำไร ใครจะขาดทุน จะลงเอยด้วยตัวเลขสิบหลักอย่างที่นักการเมืองระดับวงในและนักหนังสือพิมพ์ระดับผู้ใหญ่ร่ำลือกันจริงหรือไม่


    เหล่าเบี้ยทั้งหลายอย่างพวกเรา ต้องติดตามกันดูต่อไป…

    จากคุณ : mr_a - [ 9 มี.ค. 49 07:59:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป