CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    รู้ทัน สนธิ บทที่ 2

    "หลังจากพังพาบไปกับพิษไข้ต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเคยประกาศความยิ่งใหญ่ของชนชาติผิวเหลือง ให้นักธุรกิจสื่อในซีกโลกตะวันตกได้

    ประจักษ์ในความสามารถเหมือนกับครั้งหนึ่งในอดีตกาลที่ เจงกีสข่าน ได้ยกพลบุกตะลุยไปจนถึงยุโรป ก่อนจะสิ้นชีพ เพราะความทะเยอทะยานที่เกินกำลัง

    ของตัวเอง"



    “โมกุลแห่งสื่อของเอชีย” อย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีสภาพไม่แตกต่างจากจักรพรรดิเจงกีส ข่าน คือต้องถึงกาลดับชีพในโลกธุรกิจ ด้วยสภาพหนี้สินล้นพ้นตัว

    หลายหมื่นล้านบาท อาณาจักร เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เสกเป่าขึ้นมาด้วยลมปากและปลายลิ้น ก็ล่มสลายพังครืนลงมาจนยากจะรับมือไหว

    เมื่อหมดสิ้นหนทางที่จะต้านพิษไข้ต้มยำกุ้งได้ และไม่อายทานพายุเศรษฐกิจที่พัดผ่านประเทศไทยไปได้ สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกาศทฤษฎี “ไม่มี ไม่หนี ไม่

    จ่าย” พร้อมกับประกาศตนเป็นลูกหลาน (นอกรีต) พระเจ้าตาก ด้วยการ “ชักดาบ” เจ้าหนี้ทุกรายประดามี


    กระบวนท่าของสนธิ บังเกิดผลสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกระดับ ทั้งในประเทศแลต่างประเทศ เนื่องจากมีนักธุรกิจจำนวนมาก ยึดสนธิเป็นแบบอย่างในการ

    ต่อสู้กับเจ้าหนี้ด้วยทฤษฎี 3 ไม่ ส่งผลให้ประเทศไทย กลายเป็นลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ต่างชาติเข็ดขยาดไปตามๆ กัน


    กล่าวกันว่าเฉพาะบริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีหนี้สินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระที่มากเกินกว่าสนธิจะเยียวยาได้ จึงต้องปล่อยให้เจ้าหนี้

    เข้ามาจัดการแบ่งสันปันส่วนหนี้ที่สนธิ สร้างเอาไว้ ในขณะที่สนธิก็หมดสภาพที่จะยื้อยุดฉุดกระชากหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหลายจนต้องยอมรับสภาพบุคคลล้ม

    ละลายในวันหนึ่ง เมื่อธนาคารนครหลวงไทย ฟ้องให้ชำระหนี้จำนวน 151 ล้านบาท สนธิไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารนครหลวงไทย ก็ดำเนินการในชั้น

    ศาลให้ศาลสั่งสนธิเป็นบุคคลล้มละลาย


    ถึงแม้จะตกอยู่ในสภาพบุคคลล้มละลาย แต่สนธิก็คงมีบทบาทในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ

    การดำเนินชีวิตของสนธิ ก็ยังคงเป็นไปอย่างมีสีสัน ไม่แตกต่างจากก่อนจะเป็นบุคคลล้มละลายมากนัก นักการเมือง นักวิชาการจำนวนมากยังคงแวะเวียน

    ไปหา ไปขอความเห็นต่างๆ อยู่เป็นประจำ ไม่เพียงเท่านั้น สนธิยังอยู่เบื้องหลังการขยายกิจการของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อทำธุรกิจสื่อเว็บไซต์และสื่อ

    โทรทัศน์ ในนามผู้จัดการด้วยเงินทุนหลายร้อยล้านบาท


    ถึงแม้จะอยู่เบื้องหลังและรั้งตำแหน่งเพียงที่ปรึกษาบริษัท แต่ก็ไม่อาจจะปกปิดสถานภาพที่แท้จริงของตัวเองต่อสายตาของนักลงทุน และเพื่อนพ้องน้องพี่

    ในวงการสื่อมวลชนได้ เนื่องจากการเดินหมากทางธุรกิจของสนธิ เป็นหมากที่ดุดัน กว้านซื้อตัวบุคลากรมือดีจากค่ายต่างๆ เข้ามาอยู่ในคอกของตัวเอง อย่าง

    ไม่พรั่นพรึงต่อราคาที่มีการเสนอเข้ามา ขุนพลข่าวมือดีจากโทรทัศน์ทั้ง 6 ช่อง ถูกอำนาจเงินดูดเข้าไปอยู่ใต้ชายคาบ้านเจ้าพระยา และบ้านพระอาทิตย์ ซึ่ง

    เป็นป้อมค่ายหลักของสนธิในการหวนคืนกลับมาสู่สังเวียนธุรกิจสื่อสารมวลชนอีกครั้งหนึ่ง


    ด้วยการลงทุนหลายร้อยล้านบาท เพื่อสร้างอาณาจักรใหม่ ที่มีเว็บไซต์ manager.co.th และโทรทัศน์ 11 news 1 เป็นหัวหอกหลักนี้เอง จึงทำให้เกิดข้อสงสัย

    ขึ้นในวงการธุรกิจ และวงการสื่อมวลชนในประเทศว่าแท้จริงแล้วสนธิ ไม่ได้บาดเจ็บจากพิษไข้ต้มยำกุ้งจริง ไม่ได้ล้มจริงตามที่เป็นข่าว

    จริงอยู่บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ล้มไปแล้ว แต่สนธิยังคงยืนได้อย่างผ่าเผย ซึ่งพฤติกรรมดั่งนี้ไม่อาจเรียกเป็นอื่นได้ นอกจากการล้มบนฟูก กล่าว

    คือบริษัทเจ๊ง แต่สนธิไม่ได้เจ๊งตามไปด้วย

    เพราะความชาญฉลาดในการทำธุรกิจ และความเจนจัดในการใช้บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเอง เชื่อกันว่าสนธิได้ใช้กระบวน

    ท่าดูดเงินบริษัทมหาชนเข้าไปอยู่ในเซฟของตัวเองจำนวนมหาศาล


    หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 สนธิได้หลบลี้หนีหน้าออกจากวงการธุรกิจนานพอสมควร ก่อนจะกลับมาปรากฎในวงการหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ในนาม

    ของพายัพ วนาสุวรรณ ที่ทำให้มิตรรักอย่างธารินทร์ นินมานเหมินทร์ ต้องจดจำไปอีกนานด้วยลีลาการเปลือยธารินทร์อย่างเจ็บแสบ เพียงเพราะนายธารินทร์

    ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น มีท่าทีเมินเฉยต่อความเดือดร้อนของสนธิที่กำลังซมพิษไข้ต้มยำกุ้ง ชนิดที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด


    สนธิใช้ข้อมูลวงในที่เคยคลุกคลีตีโมงอยู่กับสองพี่น้อง “นิมมานเหมินทร์” คือธารินทร์และศิรินทร์ มาย้อนถล่มธารินทร์อย่างรุนแรงหนักหน่วง กระทั่งภาพ

    ลักษณ์ขุนคลังไร้เทียมทานของธารินทร์ที่ประชาชนฝากความหวัง ต้องเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว และกลายเป็นขุนคลังไร้ราคา โดยเฉพาะเรื่องการขายทรัพย์สิน

    ของปรส. ให้แก่บรรษัทข้ามชาติ ในราคาถูกๆ แบบเลหลัง ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่มีนายธารินทร์ เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ และ

    เป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน กระทั่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล และทำให้เกิดวิกฤติ

    ศรัทธาในที่สุด


    ต้องยอมรับว่าสนธิเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีวิธีการนำเสนอข้อมูลที่ยากให้เข้าใจง่ายได้เก่งที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนติดตามงานของเขาเป็น

    จำนวนมากหลายคนตกอยู่ใต้มนต์ของตัวหนังสือที่สนธิ ร่ายให้ฟังชนติที่ไม่อยากคิดอะไรเองอีกแล้ว พากันหลงเชื่อคล้ายตามตรรกะแบบสนธิไปได้ง่ายๆ


    มีการสืบสาวราวเรื่องกันในเวลาต่อมาว่า เหตุที่สนธิในนามของพายัพ วนาสุวรรณ ตั้งหน้าตั้งตาไล่ถล่มธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ และรัฐบาลพรรคประชา

    ธิปัตย์ชนิดที่ไม่เห็นแก่คุณธรรมน้ำมิตรแต่เก่าก่อนซึ่งเคยกินอยู่หลับนอนมาด้วยกัน ก็คือกรณีที่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2542 มีผู้ร้องเรียนต่อ ก.ล.ต. หรือคณะ

    กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเอนจิเนียริ่ง จำดัด (มหาชน) หรือ IEC ปกปิดข้อมูลการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่

    บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,078 ล้านบาท และจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่าการกู้เงินรายนี้ของเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มี

    บริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ MGR ร่วมเป็นผู้ค้ำประกันด้วย


    ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่าสัญญกู้ยืมเงินที่เดอะเอ็มกรุ๊ป กู้จากธนาคารกรุงไทย และสัญญาค้ำประกันเงินกู้ของ MGR นั้น ลงนามโดยคน 4

    คนได้แก่ สนธิ ลิ้มทองกุล สุรเดช มุขยางกูร เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และยุพิน จันทนา ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม แต่เรื่องนี้กรรมการของ MGR

    ไม่ได้รับทราบ และไม่ได้มีการเปิดเผยในงบการเงินของ MGR ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวล

    กฎหมายอาญา เนื่องจากคนทั้ง 4 ได้กระทำทุจริตโดยใช้อำนาจที่ตนได้รับมอบหมายแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อผู้อื่น อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่

    ทรัพย์สินและผลประโยชน์ของ MGR โดยตรง


    รวมทั้งในการทำสัญญาประกันดังกล่าว บุคคลทั้ง 4 ได้ร่วมกันปลอมสำเนารายงานการประชุมคณะกรรมการ MGR เพื่อลวงให้ธนาคารกรุงไทยหลงเชื่อว่า

    คณะกรรมการ MGR ได้มีมติให้ทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวในนาม MGR การกระทำดังกล่าวเป็นการลวงให้ผู้อื่นหลงผิดจนก่อให้เกิดภาระและความเสีย

    หายแก่ผู้ถือหุ้นของ MGR และ MGR ด้วย


    นอกจากนี้บุคคลทั้ง 4 รายได้ร่วมกระทำผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ MGR โดยตรงแล้ว บุคคลดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการให้ MGR เปิดเผยข้อมูลเกี่ยว

    กับภาระค้ำประกันเงินกู้ยืมให้แก่ เดอะเอ็มกรุ๊ปในงบการเงินของ

    MGR ที่ต้องส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่เป็นปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ลง

    ทุนขาดข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน


    จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ดังกล่าว จึงนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับสนธิ และพวกรวม 4 คน ต่อกองบังคับการตำรวจคดีเศรษฐกิจ กรณีรว่มกัน

    ปลอมเอกสารประกอบการทำสัญญาในนามของ MGR เพื่อค้ำประกันเงินกู้ 1,078 ล้านบาทให้กับเดอะเอ็มกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MGR โดยคณะ

    กรรมการ MGR ไม่ได้ทราบ จนทำให้ MGR เสียหายอย่างมากในเวลาต่อมา


    ข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. ที่มีต่อสนธิกับพวก หากพูดกันภาษาชาวบ้าน หรือภาษาข่าวก็คือ อาชญกรเศรษฐกิจ หรือ โจรเสื้อนอก นั่นเอง ซึ่งข้อกล่าวหานี้ ได้

    รับการยืนยันว่าเป็นความจริงจากนายพีรศักดิ์ วรสุนโอสถ กรรมการอิสระ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (ไออีซี) ในฐานะประธานคณะทำงาน

    ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบริษัทไออีซี ค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ปจำกัด ที่เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตามคำสั่งของสำนัก

    งานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสรุปว่า การค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป

    กับธนาคารกรุงไทยจำกัดระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2540 มูลค่า 1,198 ล้านบาท เป็นการดำเนินงานโดยการรู้เห้ฯของนายสุรเดช

    มุขยางกูร กรรมการผู้อำนายการบริษัท ไออีซี เพียงผู้เดียว

    จากคุณ : mr_a - [ 9 มี.ค. 49 08:02:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป