ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 3
"การเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ เป็นความฝันอันสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต ของสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะนักสื่อสารมวลชน และในฐานะนักธุรกิจ การเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ และการเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ เป็นโอกาสอันสำคัญยิ่งใหญ่ในการจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับตนเอง ทั้งเพื่อการล้างหนี้เก่า และสร้างหนี้รายได้ใหม่"
สนธิสนใจที่จะทำธุรกิจสื่อโทรทัศน์มานานแล้ว และเคยได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมประมูลสถานีโทรทัศน์ไอทีวีมาแล้ว แต่เนื่องจากความไม่ลงตัวบางประการทำให้เขาไม่มีส่วนในการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ไอทีวี แต่ก็เกือบจะได้เป็นผู้บริหารไอทีวีหลังจากที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสำเร็จ
มีข่าวคราวมากมายที่ร่ำลือกันในวงการสื่อว่า สนธิจะยกทีมงานผู้จัดการเข้าไปบริหารไอทีวี เพื่อให้ไอทีวีเป็นเกราะป้องกันภัยแก่รัฐบาลและนายกฯทักษิณ แต่จนแล้วจนรอด ข่าวก็คือข่าวไม่ได้เป็นความจริง เนื่องจากสนธิไม่พร้อมที่จะเป็นลูกน้องใคร จึงตัดสินใจสร้างอาณาจักรของตัวเอง ด้วยการตั้งสถานีข่าวโทรทัศน์ผลิตข่าวให้กับบริษัทอาร์เอ็นที (RNT) ซึ่งได้รับสัญญาสัมปทานโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของกรมประชาสัมพันธ์ ในนาม 11/1 และเผยแพร่ภาพทาง UBC9 ด้วย
ในขณะที่สนธิเริ่มฟอร์มทีมทำข่าวโทรทัศน์นั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เนชั่นแชนเนลภายใต้การนำของสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งปักหลักอยู่ที่ UBC8 กำลังประสบปัญหาถูกแรงกดดันอย่างหนักจาก UBC เนื่องจากนำเสนอข่าวที่มีเนื้อหากระทบการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างรุนแรง ซึ่ง UBC ในฐานะเคเบิลทีวีที่ได้รับสัมปทานจาก อ.ส.ม.ท. หน่วยงานของรัฐไม่สบายใจกับท่าทีและข่าวของเนชั่นที่นับวันจะแรงขึ้นทุกวัน สุดท้ายจึงมีการเชิญเนชั่นแชนเนลออกจาก UBC8
ขณะที่เนชั่นแชนเนลต้องระหกระเหินไปหาบ้านใหม่อยู่ที่ TTV ก็มีข่าวปรากฎอยู่เนืองๆ ว่าสนธิกับทีมงานผู้จัดการ จะได้รับเชิญเข้ามาทำข่าวแทนเนชั่น ซึ่งข่าวนี้มีการตอบรับจากการโยกย้ายเปลี่ยนที่ทำงานของขุนพลข่าวมือดีจากทุกค่าย ทุกช่องเข้าไปรวมตัวกันที่บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ สำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ภายใต้การกุมบังเหียนของสนธิ ลิ้มทองกุล
หลังจากนั้นไม่นานนัก ข่าวลือที่ออกมาสะพัดในวงการก็เป็นความจริง เมื่อสนธิพร้อมทีมงานได้เข้าไปปักหลักที่ UBC9 ในนามของ 11News1 ซึ่งทำให้ภาพของสนธิกับรัฐบาลมีความแนบแน่นกันมากเป็นพิเศษขึ้นไปอีก เนื่องจาก 11News1 ก็คือระบบโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง 11 ที่เรียกกันว่า 11/1 นั่นเองหากไม่ได้รับการเห็นชอบจากกรมประชาสัมพันธ์และรัฐบาลย่อมไม่มีทางที่จะเข้ามาทำงานนี้ได้
การเกิดของ 11News1 ส่งผลให้เนชั่นแชนเนลของสุทธิชัย หยุ่น ต้องซวนเซไปพักใหญ่ เนื่องจากถูกพลังดูดของสนธิ ดูดคนเก่ง คนมีฝีมือเข้าไปเกือบหมด
ผู้คร่ำหวอดในวงการข่าวโทรทัศน์ ประมาณการว่าการลงทุนของสนธิ ในการสร้าง 11News1 ขึ้นมานั้น น่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากสนธิทุ่มเต็มที่สำหรับการกลับมาเกิดอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องคนที่มีความสามารถ มีการเสนอเงินเดือนให้มากกว่าที่เดิม 2-3 เท่า เพื่อให้ได้ตัวมา ตามสไตล์นักลงทุนใจใหญ่
ก่อนที่จะเกิด 11 News1 นั้น สนธิได้อุ่นเครื่องและทดสอบตัวเองกับรายการโทรทัศน์ด้วยการทำรายการก่อนจะถึงจันทร์ เป็นรายการสด ออกอากาศทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. โดยมีแขกรับเชิญร่วมรายการคนแรก คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ซึ่งเนื้อหารายการในวันนั้น เต็มไปด้วยน้ำใจไมตรีของเพื่อนรัก 2 คน ที่มานั่งจับเข่าสนทนากัน ด้วยท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัย และเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสียงหัวเราะ เมื่อมีการรำลึกความหลังของทั้งผู้ดำเนินรายการและผู้รับเชิญร่วมรายการ
นอกจากรายการก่อนจะถึงจันทร์แล้ว รายการเมืองไทยรายวันที่ดำเนินรายการโดยสนธิซึ่งได้เวลาจากช่อง 9 อ.ส.ม.ท. เป็นกรณีพิเศษ ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ก็เป็นรายการข่าวที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เฉกเช่นเดียวกับหน่วยงานโฆษณาการผลงานของรัฐบาล และหน่วยงานทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งต้องยอมรับว่าสนธิทำได้ดีกว่ากรมประชาสัมพันธ์ ที่มีหน้าที่โดยตรงเสียอีก
ไม่ใช่เพียงแค่รายการโทรทัศน์ สนธิยังมีวิทยุคลื่นวิทยุ 97.5 MHz ในมืออีก 1 คลื่น ซึ่งนับได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสื่อ ที่มีเครือข่ายพร้อมสมบูรณ์ที่สุด ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ และจัดได้ว่าสื่อในเครือข่ายผู้จัดการเป็นสื่อที่มีพลังมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง หลังจากกลุ่มเนชั่นต้องพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง
อาจจะกล่าวได้ว่าทิศทางการเติบโตของกลุ่มเนชั่นกับกลุ่มผู้จัดการ ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งทางตรงในธุรกิจสื่อ สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือในวันที่เนชั่นอยู่ในภาวะขาลง ทอแสงเรื่อเรืองด้วยความอ่อนล้า กลุ่มผู้จัดการกลับมีอาการขาขึ้นลำแสงจากป้อมค่ายบ้านพระอาทิตย์ เปล่งประกายจนยากที่ใครๆ จะขันแข่ง
มีการร่ำลือกันว่าวงการสื่อแบบผูกติดกับจินตนาการที่น่าฟังอีกประการหนึ่งก็คือ กลุ่มผู้จัดการคือผู้อยู่เบื้องหลังการจำกัดกลุ่มเนชั่น ออกไปจากจอโทรทัศน์ ในขณะที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด ทาง UBC8 โดยมีข้อสันนิษฐานว่า สนธิได้ร่วมมือกับผู้มีอำนาจบางคนในรัฐบาล วางแผนกดดันกลุ่มเนชั่น ด้วยการ เล่น หรือเสนอข่าว UBC ปล่อยให้เนชั่นแชนเนล มีโฆษณาแฝงอยู่เกือบทุกรายการ และหลายรายการของ UBC ก็มีโฆษณาแฝงดอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการดำเนินรายการที่ขัดต่อกฎหมายขัดต่อสัญญาสัมปทานที่ได้รับจาก อ.ส.ม.ท.
ในระยะนั้นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการนำเสนอข่าวโจมตี UBC อย่างเป็นระยะจนกระทั่ง UBC เอง เริ่มแน่ชัดในสัญญาณบางอย่างที่ถูกส่งผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และต้องตัดสินใจที่จะรักษาตัวรอด ด้วยการตัดเนชั่นแชนเนลออกไป และปิดช่อง UBC8 จนถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่ การเข้ามาของแนเชั่นแชนเนลเป็นแม่เหล็กที่ดึงลูกค้ามาให้กับ UBC จำนวนมาก
ผู้สันทัดกรณีบางคนวิเคราะห์ไปถึงขั้นที่ว่ามีการสมคบคิดกันว่าหากกำจัดสุทธิชัยและเนชั่นออกไป จากการับร็ของประชาชนได้จะมีรางวัลใหญ่ เป็นสิ่งตอบแทนนั่นจึงเป็นที่มาของคำตอบว่าอยู่ดๆ ทำไมสนธิจึงได้เป็นส่วนหนึ่งของ 11News1 โทรทัศน์ดาวเทียมของช่อง 11 และได้ไปอยู่ใน UBC9 เคเบิลทีวีสังกัด อ.ส.ม.ท.
การได้เข้าไปอยู่ในสององค์กรสื่อสารของประเทศพร้อมๆ กันเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไมใช่ว่าบุคคลธรรมสามัญทั่วไปจะมีโอกาสเช่นนี้
แต่ทว่า
วันเวลาแห่งความสุขไม่ยืนยาวนัก
ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินหน้าไปได้ด้วยดี ทั้งรายการเมืองไทยรายวันและสถานีข่าวโทรทัศน์ 11News1 ก็ปรากฎเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับอนาคตของสนธิและคณะอีกครั้ง เมื่อช่อง 9 มีการปรับผังรายการ ขอลดเวลาเมืองไทยรายวันเป็นเมืองไทยรายสัปดาห์ จากที่ออกอากาศสัปดาห์ละ 5 วัน เหลือเพียง 1 วัน รายได้ที่เคยได้สัปดาห์ละ 5 วัน ก็เหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน เนื่องจากต้องสร้างเรตติ้งให้แก่ช่อง 9 และเห็นว่าจำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนรายการสาระบันเทิงอื่นๆ มากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่าช่อง 9 จำเป็นต้องปรับตัวเอง เพื่อเตรียมการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันนั้นเอง การดำเนินรายการข่าวสถานีโทรทัศน์ 11News1 ที่ออกอากาศอยู่ทาง UBC9 ก็ประสบปัญหาขึ้นมา เนื่องจากมีการจับได้ไล่ทันว่า สถานีข่าวโทรทัศน์ 11News1 ใช้วิธีการอันแยบยลในการทำธุรกิจสถานีข่าว โดยใช้ช่องว่างของกฎหมายหาโฆษณาเข้าสู่สถานีได้จำนวนมหาศาล ทั้งๆ ที่ UBC ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดสัญญาณ และเรียกร้องที่จะขอให้มีโฆษณามานานแล้ว ก็ยังไม่สามารถมีโฆษณาได้
วิธีการอันแยบยลในการหารายได้จากโฆษณาของ 11News1 ที่กุมบังเหียนโดยสนธิ ก็คือการใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย ที่ไม่ได้ห้ามโทรทัศน์ดาวเทียมของกรมประชาสัมพันธ์โฆษณา สนธิจึงใช้วิธีการสร้างสถานีข่าว 11News1 บนโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งสามารถหาโฆษณามาสนับสนุนการดำเนินงานได้ จากนั้นก็เจรจาให้ UBC ถ่ายทอดสัญญาณของ 11News1 ซึ่งเท่ากับลูกค้าของ UBC ที่มีอยู่ประมาณ 4 แสนรายในกรุงเทพฯ จะสามารถรับชมรายการของ 11News1 ได้ ซึ่งกลยุทธ์นี้เองที่นำไปสู่การสร้างธุรกิจการขายโฆษณาในรายการของ 11News1
จากการตรวจสอบรายการซื้อสื่อโฆษณาของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) พบว่าได้มีการทำสัญญาลงโฆษณาใน 11News1 เป็นเงินถึง 60 ล้านบาท ในเวลาเพียง 1 ปี ซึ่งอาจจะดูไม่มากนัก เมื่อเทียบกับการลงโฆษณาโดยรวมของปตท. แต่สำหรับสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ 1 ช่อง ที่ยังไม่รู้ว่าจะดูอย่างได้อย่างไร ดูได้สักกี่วัน ปตท. ถึงกับสัญญาทุ่มงบประมาณไปสนับสนุนมากถึง 60 ล้านบาท ย่อมพิสูจน์ได้ว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ไมใช่ ธรรมดา ในวงการนี้
แต่วิธีการอันแสนแยบยลที่สนธิ นำมาใช้กับ 11News1 นั้น ทำได้ไม่นานนัก ก็ถูก UBC ถอดสัญญาณไม่ให้ใช้ UBC9 เป็นเครื่องมือในการแสวงหารายได้ที่ไม่เป็นธรรมกับ UBC อีกต่อไป
การถูก UBC ตัดสัญญาณภาพ ด้วยเหตุผลทางธุรกิจของ UBC ในฐานะเจ้าของช่องสัญญาณ เป็นเหตุให้ช่องทางหารายได้จากการโฆษณาของสถานีข่าว 11News1 ได้รับผลกระทบอยางหนัก เนื่องจากเมื่อไม่ได้เผยแพร่หรือออกอากาศทาง UBC ก็เท่ากับว่าลูกค้าในตลาดกรุงเทพฯ หดหายไปในทันที ถึงแม้ว่าจะยังออกอากาศได้ในต่างจังหวัด แต่ก็เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อไม่มากนัก เช่น ปตท. ซึ่งทำสัญญาสนับสนุนงบโฆษณาไว้ 60 ล้านบาท ก็บอกเลิกสัญญาณเช่นกัน หลังจากที่จ่ายเงินไปประมาณ 10 ล้านบาท
สนธิพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ 11News1 ได้กลับคืนขึ้นไปอยู่บน UBC9 และเฝ้าอดทนรอให้ความฝันของเขากลับมาเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดฝันของสนธิ ก็ไม่อาจบรรลุเป็นจริงได้ เนื่องจาก UBC ไม่เชื่อมสัญญาณ 11News1 ไม่ว่าจะโดยกรณีใดก็ตาม
ว่ากันว่ามีการเจรจากันหลายครั้งทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ ระหว่างสนธิกับบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจใน UBC และ อ.ส.ม.ท. เจ้าของสัมปทาน แต่การเจรจาทุกครั้งก็มีคำตอบเพียงแค่ รอ ซึ่งไม่สามารถให้ความกระจ่างแก่สนธิได้
เมื่อมั่นใจว่าหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว 11News1 ไม่มีโอกาสกลับขึ้นไปอยู่บน UBC9 ได้อีก การบันทึกบัญชีเพื่อรอวันชำระในวันข้างหน้าจึงบังเกิดขึ้น และผู้ถูกบันทึกลงไปในบัญชีอันดับหนึ่งก็คือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีผู้กำกับดูแล กรมประชาสัมพันธ์ และอ.ส.ม.ท. และแน่นอนว่าย่อมปรากฎชื่อนายกฯทักษิณ ชินวัตร อยู่ในนั้น ในฐานะไม่ให้ความช่วยเหลือ
จากคุณ :
mr_a
- [
9 มี.ค. 49 08:04:22
]