CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 5

    ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 5

    ด้วยปรัชญาการทำธุรกิจสื่อสารมวลชนของสนธิ ลิ้มทองกุล ที่กำหนดบทบาทและหน้าที่อันชัดเจนของสื่อว่า “ต้องรับใช้ทุน” และสื่อต้องทำหน้าที่แสวงหารายได้มาให้คุ้มค่ากับการลงทุน สื่อจึงจะยืนอยู่ได้ สื่อในทัศนะของสนธิ จึงเสมอเพียงสินค้าทั่วๆ ไป เท่านั้น มิได้มีความหมายพิเศษดังเช่นสื่อในมุมมองของนักวิชาการ และนักวิชาชีพคนอื่นๆ




    ด้วยวิธีคิดแบบนี้ จึงไม่แปลกอะไร กับการปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ manager.co.th ของคอลัมน์ซ้อเจ็ดอย่างยาวนาน เพราะเว็บไซต์ manager.co.th ก็มีหน้าที่ต้องรับใช้ทุน และแสวงหาผลประโยชน์ หารายได้มาเลี้ยงดูตัวเอง และซ้อเจ็ดก็ต้องทำหน้าที่รับใช้ทุนเช่นเดียวกัน ประจวบเหมาะกับซ้อเจ็ดนี่ล่ะที่เป็นนางกวักเรียกแฟนๆ เข้ามาเยี่ยมเว็บไซต์ manager.co.th อย่างล้นหลาม จึงเป็นจุดขายที่สำคัญของเว็บไซต์ นั่นหมายความว่าสปอนเซอร์ส่วนหนึ่งเข้ามาถึงสนธิก็เพราะซ้อเจ็ดนี่เอง


    แน่นอนว่าทุนทีกำลังอ้างถึงอยู่ในขณะนี้ก็คือ “ผู้ลงทุน” นั่นเอง ซึ่งโดยนิตินัยแล้ว สื่อในเครือผู้จัดการ ก็ย่อมต้องรับใช้บริษัทไทยเดย์ดอทคอมและเดอะแมนเนเจอร์กรุ๊ปจำกัด แต่ในทางพฤตินัยแล้ว พูดกันให้ชัดถ้อยชัดคำและชัดเจนในเจตนารมณ์ ก็ต้องบอกว่าสื่อในเครือผู้จัดการ ก็ต้องมีหน้าที่รับใช้สนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะผู้ลงทุน ในฐานะผู้ที่ไปกู้เงินมาหลายร้อยหลายพันล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจชนิดนี้


    ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรอีกเช่นกัน หากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ที่เราจะได้เห็นการนำเสนอข้อมูลด้านเดียวของข่าวสารที่ปรากฎอยู่บนสื่อในเครือผู้จัดการทุกเล่ม ทุกคลื่น และทุกรายการที่นำเสนอต่อสาธารณะ


    อีกทั้งไม่จำเป็นต้องคาดเดาให้ยุ่งยากว่าการนำเสนอข้อมูลด้านเดียวของสื่อเครือผู้จัดการ เป็นข้อมูลด้านใด และมีเจตนารมณ์ชนิดใด จึงต้องทำเช่นนี้


    ก็แม้แต่คำเตือนที่ทรงคุณค่ายิ่งของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และสะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยขององคมนตรี ซึ่งก็คือผู้แทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปลุกปั่นกระแสของสนธิ ที่ใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือ ตามสำนวนของเปลวสีเงิน แห่งไทยโพสต์ที่สะบัดปากกาสใส่ว่า “กำลังโหนกำแพงสู่เป้าหวังของตัวเอง” ซึ่งได้รับการนำเสนอเผยแพร่ ทางสื่อสารมวลชนทุกประเภท ทุกรายการและทุกสังกัด กลับไม่ได้รับการนำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบจากสนธิ และสื่อในเครือผู้จัดการแม้แต่คำเดียว


    “คงไม่ใช่กองทัพอย่างเดียว ในส่วนที่เป็นองคมนตรีเห็นว่า มีการอ้างอิงสถาบันจากหลายๆ ฝ่าย เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร


    เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันสูงสุดที่ไม่ควรอ้างอิง และเกี่ยวข้องกับทางการเมือง เมื่อเป็นสถาบันที่เรายกย่อง ศรัทธา เป็นสถาบันที่เราเคารพนับถือ ก็ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง การเมืองก็ควรจะแก้ด้วยการเมือง”


    ข้อความที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจและห่วงใยจากองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เช่นนี้ไม่มีสาระที่สื่ออย่างสนธิ สื่อเครือผู้จัดการ จะนำเสนอหรืออย่างไร คงอาจจะเป็นเพราะว่า ขณะนี้สื่อในผู้จัดการ สื่อในสังกัดสนธิ ลิ้มทองกุลมิได้มีหน้าที่ที่ต้องนำข้อเท็จริงใดๆ หากแต่มีหน้าที่ต้องรับใช้ทุน รับใช้เงินที่สนธินำมาฟาดหัวและจ่ายแจก รับใช้สนธิที่กำลังมีความพยาบาท อาฆาตมาดร้ายต่อ พตท ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ทำงานตามที่สนธิต้องการ

    ถามว่าระหว่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พูด กับนายสนธิ ลิ้มทองกุลพูด ด้วยหัวใจของสื่อมืออาชีพ หรือสื่อวิชาชีพที่ไม่มีเจตนาซ่อนเร้น ควรจะรายงานคำพูดของใครก่อน ด้วยเหตุใด และคำพูดของใครมีคุณค่าสำหรับประชาชนมากกว่ากัน


    ถามว่าระหว่างคำพูดที่เต็มไปด้วยความห่วงใยต่อบ้านเมือง และสถาบันกษัตริย์ขององคมนตรี กับคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความแค้น การปลุกระดม เพื่อประโยชน์แห่งธุรกิจของตนเอง โดยอ้างสถาบันกษัตริย์ และประเทศชาติบังหน้า ของนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่มุ่งแสวงหากำไรจากการลงทุนเป็นลำดับแรกของความคิด


    ด้วยหัวใจของสื่อมืออาชีพ หรือสื่อวิชาชีพที่ไม่มีจิตเจตนาซ่อนเร้น ควรจะเสนอคำพูดของใครให้ประชาชนได้รับทราบก่อน และคำพูดของใครมีหน้าหนัก มีสาระมากกว่ากัน และคำพูดของใครมีคุณค่าแก่ประเทศชาติ และภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มากกว่ากัน


    เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพียงเพราะว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ใช่ทุนที่สื่อเครือผู้จัดการต้องรับใช้ สนธิต่างหากเล่าคือทุนที่สื่อเครือผู้จัดการต้องรับใช้ หรือสนธิ ลิ้มทองกุล จะถาม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อีกสักคนไหมว่า




    “ใครจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มากกว่ากัน”
    เพราะสื่อในเครือผู้จัดการไม่ได้ทำหน้าที่ที่แท้จริงอขงสื่อสารมวลชนแล้ว หากแต่ทำหน้าที่สื่อที่ต้องรับใช้สนธิเพียงผู้เดียว เพราะสนธิคือ “ทุน” ของเครือผู้จัดการ


    เมื่อสนธิคือ “ทุน” ของเครือผู้จัดการแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดใดไม่ว่าจะเป็นกำไรทางตรง กำไรทางอ้อม กำไรทางธุรกิจ กำไรทางสังคม และที่น่ากลัวยิ่งก็คือ เป็นการเสาะแสวงหากำไรมาตอบแทนการลงทุน โดยไม่เลือกวิธีการ


    บิดเบียน ปกปิด ปลุกระดม ฉวยโอกาสขายเสื้อ “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ทำได้ทั้งนั้น เพื่อตอบแทนและรับใช้ “ทุน”


    แรงจูงใจที่ทำให้นักสื่อมวลชนมืออาชีพ ต้องฉีกทฤษฎี ฉีกตำราสื่อสารมวลชนขั้นพื้นฐาน ที่ว่าด้วยการนำเสนอข้อมูลที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนรวม เป็นสิ่งที่พึงกระทำก่อนการนำเสนอข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่ควรนำเสนอข้อมูลด้านเดียว ทั้งแน่นอนว่าต้องยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ หากไม่เป็นผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ก็คงเป็นเพราะผิดหวังอย่างยิงใหญ่ ก็คงเป็นเพราะผิดหวังอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนหน้าที่จะเกิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร การทำหน้าที่ของสนธิในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ หลายครั้งหลายตอน ที่นำเสนอให้อ่านกันแล้วบางส่วนในข้างต้น นั่นแสดงให้เห็นว่าในห้วงเวลานั้น สื่อแบบสนธิก็เคยรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลมาก่อน เพราะเห็นว่ารัฐบาลเป็นแหล่งทุนที่จะเสาะแสวงหาเงินไปใส่ให้กับเครือผู้จัดการ เป็นทั้งทุนที่ให้โอกาสในการทำมาหากิน เป็นทั้งทุนที่ให้เงินสนับสนุนโดยตรง เป็นทั้งทุนที่ทำให้สื่อแบบสนธิ มีเครดิตขึ้นมาอีกครั้งในการชุบชีวิตเครือผู้จัดการ


    จวบจนกระทั่งรัฐบาล หยุดการสนับสนุนสื่อเครือผู้จัดการนั่นเอง สื่อแบบสนธิจึงเห็นว่าหมดหน้าที่ต้องรับใช้ และทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามคือโจมตี แว้งกัดอย่างรุนแรงและหนักหน่วง อันเนื่องเพราะผิดหวังอย่างรุนแรงกับรัฐบาลนั่นเอง


    และความผิดหวังที่เกิดขึ้นนี้เอง ที่ทำให้สนธิต้องเปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรเพื่อชำระ “แค้นสั่งฟ้า” ที่อยู่ในใจตัวเองเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ชำระแค้นครั้งแรกมีนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็นคู่แค้นที่ถูกชำระไปเรียบร้อยแล้ว


    ย้อนเวลาเส้นทางการเดินกลับคืนสู่ประเทศไทยของสนธิรอบนี้ จะพบว่าการรับใช้ทุนของสื่อผู้จัดการยุคใหม่ หลังสงครามเศรษฐกิจปี 2540 สงบลงนั้น ปรากฏชัดเจนอย่างยิ่งว่ามีการเลือกข้างมาแต่ต้น ในการรับใช้ทุนการเมือง

    จากคุณ : mr_a - [ 9 มี.ค. 49 08:07:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป