ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 6
เห็นได้จากการที่ธนาคารกรุงไทยซื้อเวลาโฆษณารายการเมืองไทยรายสัปดาห์ด้วยงบประมาณปีละ 38,520,000 บาท หากทอนออกมาเป็น 52 สัปดาห์ก็เท่ากับว่ารายการเมืองไทยรายสัปดาห์ มีรายได้จากธนาคารกรุงไทยเพียงรายเดียวมากถึง 740,769 บาท ต่อการจัดรายการ 1 ครั้ง ทั้งๆ ที่มีเวลาจัดรายการเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
นี่ยังไม่นับรวมถึงรายได้จากผู้สนับสนุนรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ รายอื่นๆ อีกมีเวลาเพียง 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เขายังทำรายได้ ได้มากมายขนาดนี้ หากเขาเป็นเจ้าของสถานีเสียเอง จะมีรายได้มากมายขนาดไหน แต่เมื่อยังไม่เป็นเจ้าของสถานี ก็ขอให้ตัวเองได้มีโอกาสออก จอ ไว้ก่อน เพื่อรักษาเรตติ้งของตัวเอง จนถึงวันที่พร้อมตั้งสถานีโทรทัศน์ของตัวเอง ก็น่าจะเป็นผลประโยชน์สูงสุดสำหรับสนธิ ในสถานการณ์ยามนี้
หากมองย้นกลับไปในวันที่ยังมีรายการเมืองไทยรายวัน ซึ่งจัดกันสัปดาห์ละ 5 วัน แล้วก็ยิ่งจะเห็นถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ที่ออกจากกระเป๋ารัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารกรุงไทย และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่มีน้ำใจให้กับสนธิ ในยามนั้น หลั่งไหลเข้าไปในกระเป๋าของสนธิ ว่ามากน้อยเพียงใด คิดกันงายๆ ก็ต้องคูณ 5 เข้าไปของรายได้ที่ได้จากเมืองไทยรายสัปดาห์
การปรับผังรายการของช่อง 9 และเปลี่ยนจากเมืองไทยรายวัน เป็นเมืองไทยรายสัปดาห์ เป็นการหย่อนเมล็ดพันธ์ความแค้นไว้ในใจของสนธิ โดยที่คนใน อ.ส.ม.ท. ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย เพราะเป็นการทำตามหน้าที่และทำเพื่อเรตติ้ง เพื่อที่จะปรับแต่งตัวเองสำหรับการเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่สำหรับสนธิ เขาเก็บคิดเรื่อยมาว่าเป็นการกลั่นแกล้งและตัดรายได้ แต่ไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็น จนถึงวันที่เมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอดจากผังรายการของช่อง 9 เพราะความไม่เหมาะสมของเนื้อหาหมดหนทางทำมาหารายได้ในช่อง 9 อีกต่อไป
11News1 ก็เดินหน้าต่อไม่ได้ เมืองไทยรายสัปดาห์ก็ถูกถอดออกจากช่อง 9 ธุรกิจโทรทัศน์ที่ตั้งใจหวังไว้ต้องล่มสลายลงทันที เส้นทางการหารายได้เพื่อความมั่งคั่งให้กับตนเองที่เคยเปิดโล่งกลายเป็นตีบตัน จนถึงอุดตันในที่สุด ทำให้สนธิเก็บอาการไว้ไม่อยู่
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สนธิต้องเดือดร้อน ต้องดิ้นรน ต้องโกรธแค้นเมื่อถูกตัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เพราะรายได้สัปดาห์ละมากกว่า 1 ล้านบาท (ประมาณการจากการขายโฆษณาได้ 10 ต่อการจัดรายการ 1 ครั้ง) ต้องมลายหายไปในพริบตา และตัดสินใจเปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรขึ้น โดยอาศัย เราจสู้เพื่อในหลวง มาเป็นเครื่องหมายการค้าของตนเอง และหารายได้จากการขายเสื้อ ขาย CD ขายหนังสือเมืองไทยรายสัปดาห์แทน
2 ตัวอย่างที่นำเสนอมานี้ คงพอจะทำให้เห็นภาพแล้วว่า สนธิได้รับสิทธิพิเศษเพียงใด จากการทำธุรกิจโทรทัศน์ และในวันที่เขาได้รับสิทธิพิเศษ เขาปกป้องรัฐบาลอย่างไร แต่ในวันที่สิทธิพิเศษที่เคยได้ถูกตัด เขามีอาการเช่นไร และแสดงอาการอย่างไรต่อ ทุน ที่เขาเคยรับใช้ และแสวงหาประโยชน์จากการเป็น ผู้รับใช้ ในอดีต เมื่อ ทุน เหล่านั้นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
คำถามชวนคิด
นักธุรกิจสื่อรุ่นเดียวกับสนธิ และเคยโรมรันพันตูถีบสนธิ มาแล้วในสนามแข่งขันธุรกิจ ตั้งคำถามที่ชวนให้คิดว่า
เคยคิดกันบ้างไหมว่าทำไมสนธิ จึงเล่นบทหนักต่อสู้เพื่อเคเบิลทีวีท้องถิ่น ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ มีผู้ชมรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 5 ล้านราย
เคยคิดกันบ้างไหมว่าทำไมสนธิ จึงเรียกร้องให้เคเบิลทีวี ถ่ายทอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และสร้างกระแสเคเบิลทีวีท้องถิ่นอยู่ตลอดเวลา
เคยคิดบ้างไหมว่าทำไมสนธิ จึงต้องการเคเบิลทีวีท้องถิ่นเป็นพันธมิตรในสถานการณ์เช่นนี้
เคยคิดบ้างไหมว่าหากสนธิ ยึดกุมหัวใจของเคเบิลทีวีท้องถิ่นได้แล้ว เขาจะได้รับประโยชน์มหาศาลเพียงใด หากว่าเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั้งประเทศ พร้อมใจกันเดินตามสนธิ และให้สนธิเป็นผู้นำในการต่อสู้กับรัฐ เพื่อผลประโยชน์ของเคเบิลทีวีท้องถิ่นเอง
เคยคิดบ้างไหมว่าวันนี้สนธิ ได้เป็นผู้นำในการต่อสู้ทางธุรกิจของเคเบิลทีวีท้องถิ่นไปแล้ว ซึ่งจำนวนผู้ชมเคเบิลทีวีท้องถิ่นนั้น เมื่อรวมกันแล้ว มีจำนวนไม่น้อยกว่าโทรทัศน์ ระบบฟรีทีวี คือ 3, 5, 7, 9, 11 และไอทีวี ที่ออกอากาศอยู่ในขณะนี้เลย หากเปรียบเทียบกับ UBC แล้ว ผู้ชมของเคเบิลทีวีท้องถิ่น มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัว
เคยคิดกันบ้างไหมว่าสนธิ แปลงสภาตัวเองจากผู้นำการต่อสู้ของเคเบิลทีวีท้องถิ่น มาเป็นผู้ผลิตรายการป้อนเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั้งประเทศ โดยอาศัยเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรเป็นหัวหอก สนธิจะมีอิทธิพลในวงการสื่อเคเบิลทีวีมากน้อยเพียงใด และจะมีรายได้มากเพียงใดในวันที่เคเบิลทีวี รวมตัวกันเรียกร้องกดดันรัฐบาลให้เคเบิลทีวีมีโฆษณาได้
เคยคิดบ้างไหมว่าสนธิกำลังเล่นเกมธุรกิจอยู่ ไม่ใช่เกมการเมือง
เคยคิดบ้างไหมว่าสนธิกำลังใช้สถานการณ์เมืองไทยรายสัปดาห์ และความไม่ทันเกมของผู้คนในรัฐบาล เป็นตัวเร่งเพื่อให้เกิดเคเบิลทีวีท้องถิ่นเสรี เพื่อผลประโยชน์ธุรกิจของตัวเอง
ลองคิดดูสิว่า หากวันนี้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ บนเคเบิลทีวีท้องถิ่นสามารถมีโฆษณาได้ สนธิจะมีรายได้เท่าไร จากการสร้างกระแสเคเบิลทีวีท้องถิ่นเสรีในครั้งนี้
คำถามเหล่านี้เป็นแง่มุมใหม่ที่น่าคิด ถึงแม้จะเป็นคำถามที่สวนกระแสการเมืองเนื่องจากเป็นคำถามเชิงธุรกิจ แต่ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าแท้จริงแล้ว สนธิเป็นนักธุรกิจหรือนักการเมือง และในอดีตที่ผ่านมาสนธิ สนใจความมั่งคั่งของตนเอง หรือความมั่นคงของประเทศชาติมากกว่ากัน
คำถามทิ้งท้ายที่ชวนให้คิดจากนักธุรกิจสื่อที่รู้จักไส้สนธิ ตบท้ายแบบขำๆ ว่า
เห็นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับเมืองไทยรายสัปดาห์หรือยัง นั่นล่ะคือตัวอย่างการเทสต์กระแส เป็นกระบวนท่าธรรมดาของการทำธุรกิจบนยอดคลื่นมวลชน ซึ่งสนธิเขาเก่งมากในเรื่องนี้ นี่ขนาดเพิ่งปลุกกระแสได้ไม่นานเท่าไร ก็สามารถทำสินค้าได้แล้ว ยังไม่นับเสื้อที่ขายกันไปแล้วหลายแสนตัว ซีดีที่ปั๊มทั้งขายทั้งแจก หมดไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ล้านแผ่นนี่เป็นตัวเลขจริงๆ จากโรงงานปั๊มแผ่นแจ้งมา ไม่ใช่ตัวเลขเมกเป็นหลายล้านแผ่นอย่างที่พูดคุยกัน ลองคิดดูกันเองว่าเป็นเงินเท่าไรแล้ว
ชวนให้คิด ชวนให้เกิดสติ ชวนให้เกิดปัญญากันบ้างไหม กับการเดินแห่ตามสนธิไปที่สวนลุมพินีทุกเย็นวันศุกร์
อย่างน้อยก็น่าจะชวนให้คิดบ้างว่าเสื้อ เราจะสู้เพื่อในหลวง นั้นรายได้จากการจำหน่ายเสื่อที่ใช้ สถาบัน มาเป็นเครื่องหมายการค้านั้น สนธิได้นำไปใช้ในทางใดบ้าง เคยคิดที่จะทูลเกล้าถวายรายได้จากการจำหน่ายเสื้อบ้างหรือไม่
อย่างน้อยก็น่าจะชวนคิดบ้างว่า เหตุใดสนธิจึงนำ สถาบัน มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าเช่นนี้
บอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วไงว่า ปรัชญาของนักธุรกิจแนวสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่มีของฟรีในโลกนี้ สรรพสิ่งทุกอย่างล้วนมีราคาค่าใช้จ่ายของตัวมันเอง
รวมทั้งการชุมนุมของคนที่มาด้วยใจบริสุทธิ์ ก็มีราคาเช่นเดียวกัน!
แต่ไม่ใช่ราคาการจัดจ้างผู้คนมายืนฟังดั่งที่เข้าใจกัน หากแต่เป็นราคาเพื่อการต่อรองในการกลับคืนสู่ ทุน อีกครั้งหนึ่ง
วิเคราะห์กันว่า หากสนธิไม่สะดุดขาตัวเองล้มเสียก่อน หาก 11News1 สามารถเดินหน้าไปได้ตามที่สนธิวางแผนไว้ โอกาสที่เขาจะกลับมาเป็นโมกุลแห่งวงการสื่ออีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นเช่นที่คาดคิดไว้ สถานการณ์ของสนธิ ในวันนี้จึงยากลำบากมาก เพราะโอกาสที่จะล้างหนี้เก่า ก็ทำไม่ได้ โอกาสที่หารายได้ใหม่ก็หดหายไป
หากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ผู้ได้รับผลกระทบเป็นสนธิ ลิ้มทองกุล เหมือนเช่นในปี 2540 ก็คงไม่ก่อให้เกิดปัญหามากนัก แต่เนื่องจากสนธิ ได้ส่งมอลภารกิจในกิจการสร้างผู้จัดการ ยุคใหม่ขึ้นมาแก่จิตตนารถ ลิ้มทองกุล ลูกชายคนเดียวของเขา แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ย่อมเป็นธรรมดาสำหรับผู้เป็นพ่อ ที่จะต้องปัดเป่าทุกข์ร้อนให้แก่ลูก และช่วยแก้ปัญหาให้กับลูก เนื่องเพราะไม่มีพ่อคนไหนอยากเห็นลูกลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำบากกับมรดกที่พ่อยกให้
สนธิเชื่อว่าสถานการณ์ที่บีบรัดตัวเขา เกิดขึ้นจากการกระทำของคนในรัฐบาลเริ่มจากปรับรายการเมืองไทยรายวัน เป็นเมืองไทยรายสัปดาห์ การถอดสัญญาณภาพ 11News1 ออกจาก UBC9 และการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์อีกด้วย
การถูกปรับออกจากรายการโทรทัศน์ช่อง 9 นั้น ในขณะที่ 11News1 ก็ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะเป็นการปิดช่องทางรายได้หลักของเขา อันนำมาสู่ความโกรธเคือง และพัฒนาเป็นความแค้นในที่สุด
เป็นความแค้นที่เรียกกันในสำนวนของสนธิว่า แค้นสั่งฟ้า เช่นเดียวกับที่เคยแค้น นายธารินทร์และนำไปสู่การเปลือยธารินทร์ในที่สุด
เป็นความแค้นที่เกิดขึ้นในขณะที่รู้สึกว่าตัวเองถูกโดดเดี่ยว มิตรสหายผู้มากมีอำนาจไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เป็นความแค้นที่พร้อมจะพัฒนาเป็นการมุ่งทำลายล้าง เพื่อให้พ้นไปจากเส้นทางเดินของตน
เป็นความแค้นที่เกิดจากความขัดแย้งทางธุรกิจ
การถูกตัดแหล่งรายได้เหล่านี้เอง ทำให้สนธิถึงกับฟิวส์ขาด เพราะสื่อแบบเขา สื่อของเขา เป็นสื่อที่มักจะมีคนจัดงบประมาณมาให้ ด้วยความเกรงอกเกรงใจ แต่เมื่อเปลี่ยนจาก จัด เป็น ตัด ทำให้สนธิที่มีความหวังอย่างมากกับการหวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งของเขา ต้องฝันสลายไปในที่สุด เพราะการดำเนินรายการโทรทัศน์หรือสถานีข่าวโทรทัศน์ จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก หากไม่มีแหล่งรายได้เข้ามาสนับสนุน ก็ไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างสมบูรณ์
สนธิจึงบังเกิดอาการคับแค้นเป็นยิ่งนัก กับรัฐบาลไทยรักไทย และนายกฯทักษิณ ด้วยความที่ไม่เข้าด้วยช่วยเหลือ ปล่อยให้เขาต้องเผชิญกับความโหดร้ายของปัญหาหนี้สินจำนวนมหาศาล ทั้งของเก่าที่ยังไม่ลด และของใหม่ที่เพิ่มพูนขึ้นอันนำมาสู่การเกิดเป็น แค้นสั่งฟ้า ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ขณะดำรงำตแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำหรับ แค้นสั่งฟ้า ที่เกิดขึ้นมารอบนี้ มีเป้าหมายมุ่งไปที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ซึ่งจะต้องติดตามกันดูต่อไปว่า โอกาสที่จะชำระแค้นมีสักกี่ครั้ง และจะลงเอยอย่างไร เพื่อป้องกันผลกระทบสู่วงกล้าง อันจะนำไปสู่เหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ของประชาชนทั้งประเทศตลอด จนต้องระคายเบื้องพระยุคลบาท เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินกันอีกสักกี่ครั้ง
มีแต่สนธิเท่านั้นที่ตอบได้ว่า เพียงเพื่อจะชำระแค้นกันเป็นการส่วนตัวกับนายกฯทักษิณ และบริวารรอบตัวนายกฯทักษิณ เขาถึงกับจะทำให้ประชาชนและประเทศชาติต้องอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดไปอีกนานเท่าไร
มีแต่สนธิเท่านั้นที่จะตอบได้ว่า เขามีแผนการที่จะชำระความแค้นที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามแผน ด้วยการปลุกประชาชน ที่อยู่ในกรอบแห่งกฎหมายให้มาร่วมกันใช้วิธีการนอกกฎหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาล ที่ไม่ช่วยเหลือการทำธุรกิจของเขาจริงๆ หรือ??
http://bobby2006.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=6&page=1
จากคุณ :
mr_a
- [
9 มี.ค. 49 08:09:46
]