ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 8
นอกเหนือจากประเด็นสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนที่สนธิอ่อยเหยื่อจนทั้งเพื่อนเสื่อและประชาชนติดเบ็ดของเขาแล้ว สนธิก็นำเสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ลดอำนาจของนายกรัฐมนตรีลงไป เพื่อให้มีองค์กรภาคประชาชนสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้
สนธิกล่าวราวกับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนขึ้นโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ร. เชียงใหม่ด้วยซ้ำไป และพรรคไทยรักไทยก็ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้แล้ว
บุคคลที่สนธิควรจะปลุกระดมประชาชนไปสอบถาม และให้แสดงความรับผิดชอบต่อผลต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และนายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า ว่าในขณะที่เขียนรัฐธรรมนูญนั้น คิดหรือไม่ว่าจะเปิดผลอย่างไรต่อประเทศชาติ
หนทางที่ประเสริฐ สนธิควรจะต้องปลุกระดมมวลชนไปเรียกร้อง นายเสนาะ เทียนทอง ให้มาเป็นผู้นำการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหม่นี้ เพราะมีเพียงนายเสนาะ คนเดียวเท่านั้น ที่ออกมาคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และได้อธิบายความสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไว้ตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ก่อนที่นักวิชาการทั้งหลายจะรู้สึกตัวถึง 8 ปี แต่ในวันนั้นทั้งนักวิชาการ และนักหนังสือพิมพ์อย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล นี่ล่ะที่ประณามว่านายเสนาะ เทียนทอง เป็นไดเนาเสาร์เต่าล้านปี แต่วันนี้กลับจะมาทำตามที่ไดโนเสาร์เต่าล้านปีพูดไว้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าสนธิยังเดินตามหลังไดโนเสาร์เต่าล้านปีอีก 8 ปีเป็นอย่างน้อย
การปลุกระดมประชาชนให้มารวมตัวกันที่สวนลุมพินี ในวันที่ 9 ธันวาคม 2548 เป็นการวัดใจและพิสูจน์ความกล้าหาญครั้งสำคัญของสนธิ ลิ้มทองกุล ว่ามีมากน้อยเพียงใด และจะแสดงความรับผิดชอบต่อพลังมวลชนที่ตัวเองเรียกร้องออกมาอย่างไร หลังจากก่อนหน้านี้ ได้พิสูจน์ความกล้าหาญให้เห็นแล้วด้วยการส่งสโรชา พรอุดมศักดิ์ไปศาลแพ่งเพียงลำพัง ในขณะที่ตัวเองแอบหลบไปพึ่งชายผ้าเหลืองหลวงตาบัวที่วัดป่าบ้านตาด
ถัดมาอีกไม่กี่วันสนธิก็แสดงให้เห็นความกล้าหาญอีกครั้งด้วยนัดประชาชนนับหมื่นให้มารอที่สวนลุมพินี แต่ตัวเองกลับหลบไปอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด
วันที่ 9 ธันวาคม จึงเป็นการพิสูจน์ความกล้าหาญของสนธิเป็นครั้งที่ 3 ว่า เขาจะกล้าพอที่จะออกมาเผชิญทุกข์ เผชิญสุขกับประชาชนที่เขาเรียกร้องให้ออกมาแสดงพลังมากน้อยเพียงใดหรือไม่ หรือยังจะให้วิธีหลบซ่อนตัวแล้วเอาประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาร่วมด้วยศรัทธา มาร่วมด้วยหลงเชื่อในวาทศิลป์ของตัวเองเพราะเกราะเป็นโล่มนุษย์ปกป้องตัวเองอีกหรือไม่
ผู้นำมวลชนแบบสนธิ ผิดแผกแตกต่างจากผู้นำมวลชนทุกคนที่ผ่านมาในอดีตทั้งในประเทศไทย และในทุกประเทศทั่วโลก เพราะสนธิเลือกที่จะอยู่ในที่สบาย ในที่ปลอดภัย แล้วให้ประชาชนอยู่ในที่ที่ลำบากเผชิญอันตรายมากกว่า เทียบไม่ได้กับเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ธีรยุทธ บุญมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่มีความกล้าหาญและรับผิดชอบต่อประชาชนที่มาร่วมแสดงพลังมากกว่ากันหลายเท่าตัว
ขณะนี้ได้เกิดกระแสห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองว่า ขบวนการสนธิจะมีบทยุติอย่างไรจึงจะสวยงาม และเป็นประโยชน์แต่บ้านเมืองและประชาชนมากที่สุด ที่สำคัญคือจะต้องไม่มีสิ่งหนึ่งที่ไปกระทบสถาบันให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท หรือไม่สร้างภาระปัญหาให้พระองค์ท่านต้องเหน็ดเหนื่อย กับการแก้ปัญหาที่สนธิก่อขึ้น
แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เลวร้าย ส่งผลเสียต่อประเทศไทย เว้นแต่กลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม
การปรากฎตัวอยู่ร่วมขบวนการสนธิของ ประสงค์ สุ่นศิริ ประพันธ์ คูณมี สนั่น ขจรประศาสน์ และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมๆ กับจำนวนกลุ่มคนที่ส่อแสดงให้เห็นว่าถูกจ้างมาฟัง อย่างชัดเจนใน 2-3 ครั้งหลังนี้ ก่อให้เกิดความไม่สบายใจแก่ประชาชนผู้มาแสดงพลังด้วยความบริสุทธิ์จำนวนมาก เพราะรูปการณ์ทำนองนี้เคยเป็นชวนก่อให้เกิดการนองเลือดและสูญเสียในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬมาแล้ว
ฉะนั้น การใช้วิจารณญาณจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน ในการตัดสินใจที่จะมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างไร
มีคำพูดหนึ่งของสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ทุกคนอาจจะไม่ได้ฟังกันทั่วถึง ในวันที่พระป่า 600 รูปไปให้พร และให้กำลังใจกับการต่อสู้ของสนธิ ที่บ้านพระอาทิตย์ ว่า
เดือนมกราคม ผมจะบวช
จากวันที่ 9 ธันวาคม ถึงเดือน มกราคม จะมีอะไรเกิดขึ้น มากน้อยเพียงใดไม่มีใครคาดเดาได้ นอกจากผู้ที่วางแผนและกำหนดรูปเกมการต่อสู้ไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะมีใครรู้ดีเท่ากับสนธิ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และขบวนการสนธิ จะยุติลงอย่างไรจะมีประชาชนบาดเจ็บ ล้มตาย หรือไม่ ประเทศไทยจะสูญเสียหรือได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด จากการเคลื่อนไหวของขบวนการสนธิ
แต่สำหรับสนธิเขาได้กำหนดเส้นทางชีวิต และวางแผนสำหรับตัวเองไว้แล้วว่า เดือนมกราคม ผมจะบวช นั่นหมายความว่า สนธิรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และหากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะยังคงปลอดภัย พอที่จะไปบวชได้
บวชเพื่อปิดฉากตัวเอง หรือบวชเพื่อไถ่บาปยังไม่กล้าถาม
ส่วนประชาชนคนอื่นๆ ที่เดินตามมาร่วมกับสนธิ ก็เป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องคิด ต้องวางแผนกันเอง ว่าแต่ละคนจะใช้ชีวิตเช่นไร กับการเข้าร่วมขบวนการสนธิ
เป้าหมายหมายของสนธิ จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์
แต่เป้าหมายของประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะบรรลุผลหรือไม่ต้องอยู่ที่ตัวเอง
สนธิไม่ได้เข้าร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องเพราะเขามีเส้นทางที่แจ่มชัดสำหรับตัวเองแล้ว นั่นคืออาศัยผ้าเหลืองห่อหุ้มกายไว้ เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป
นี่จึงเป็นการปลุกระดมมวลชนที่ประหลาดที่สุด เท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
http://bobby2006.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=8&page=1
จากคุณ :
mr_a
- [
9 มี.ค. 49 08:11:42
]