การเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและขอพระราชทานรัฐบาลชั่วคราวมาทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีมาหลายกระแส ก็ถือว่าเป็นกระแสที่มาจากกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาในการต่อสู้ทางการเมือง แต่เมื่อมีกลุ่มนักวิชาการและพลเมืองอาวุโสออก มาเสนอในเรื่องดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่จะต้องนำข้อเท็จจริงมาพิจารณา
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2549 น.พ.มงคล ณ สงขลา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะที่เป็นตัวแทน กลุ่มบุคคล จากสาขาวิชาชีพต่างๆ อาทิ แพทย์ นักวิชาการ ข้าราชการ เรียกตัวเองว่า กลุ่มพลเมืองอาวุโส เข้ายื่นหนังสือ ถวายฎีกาแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอรัฐบาลพระราชทานตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญไทย โดยมีรายชื่อบุคคล จากหลายสาขาวิชาชีพรวม 95 คน อาทิ น.พ.บรรลุ ศิริพานิช นายชัยอนันต์ สมุทวณิช คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา นายกล้านรงค์ จันทิก นายสังสิต พิริยะรังสรรค์ น.พ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ นายอัษฎา ชัยนาม นายกษิต ภิรมย์ นายสุเทพ วงศ์กำแหง นายวีระวัฒน์ ชลายน เป็นต้น แนบท้ายหนังสือถวายฎีกาไปด้วย
นักวิชาการที่ไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างรอบด้าน พากันตามกระแสออกมายื่นถวายฎีกาขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี โดยอ้างมาตรา 7 และเหตุการณ์เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ที่ทรงเคยพระราชทานนายสัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจาก จอมพลถนอม กิตติขจร ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และชี้ว่าสามารถนำมาใช้กับเหตุการณ์ความยุ่งยากทางการเมืองในปัจจุบันได้
ทั้ง ๆ ที่ เป็นยุคสมัยที่ผิดกันอย่างฟ้ากับดิน ในยุค 14 ตุลา ประเทศไทยใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งในธรรมนูญดังกล่าวมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการได้มาซึ่งตำแหน่งและการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้กว้าง ๆ เพียง 2 มาตรา คือ มาตรา 14 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีคนหนึ่ง และรัฐมนตรีตามที่นายกรัฐมนตรีถวายคำแนะนำและมีจำนวนตามสมควรประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน และ มาตรา 18 การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ให้ประธานสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ทำให้การที่ทรงพระราชทานนายกรัฐมนตรีสามารถเป็นไปตามธรรมนูญการปกครองที่ใช้ในขณะนั้นได้โดยง่าย เพียงแต่หลังจากที่ทรงพระราชทานพระราชกระแสผ่านทางโทรทัศน์แล้ว ต่อมาได้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีโดยมีนายทวี แรงขำ รองประธานสภาปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ และนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรี ก็สามารถทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้เพราะตามธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีไม่ต้องแถลงนโยบายต่อสภา การที่ทรงพระราชทานนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ก็ยังยึดตามธรรมนูญการปกครองแผ่นดินในเวลานั้น ไม่ใช่เป็นการใช้พระราชอำนาจโดยปราศจากกฎหมายรองรับ
จากคุณ :
แท้จริง
- [
10 มี.ค. 49 10:57:03
]