PANTIP.COM : P4183159 คุณว่า ทักษิณเดี่ยวกะสนธิ แบบออก TV vs. คุยกันเองไม่ออก TV .. อย่างไหนจะมีวาระซ่อนเร้นเยอะกว่ากัน []

ความคิดเห็นที่ 9

รองอธิบดีสรรพากรแจง กมธ.ทุจริตวุฒิฯ ไม่สามารถตามเก็บภาษี “พานทองแท้-พิณทองทา” ได้ เหตุ "แอมเพิล ริช" ไม่ได้อยู่ในไทย ระบุธุรกรรมซื้อขายเป็นไปตามกฎหมาย

การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา ที่มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. เป็นประธาน ได้พิจารณาปัญหาการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเชิญบริษัทยูบีเอส ซิเคียวริตี้ ไทยแลนด์ และบริษัท บีบีเอส วิกเตอร์ ซิเคียวริตี้ ซึ่งเป็นบริษัทของสิงคโปร์มาชี้แจง

แต่เนื่องจากทั้งสองบริษัทไม่ยอมมาชี้แจง ทางกรรมาธิการฯ จึงได้เชิญตัวแทนจากกรมสรรพากรมาชี้แจงเรื่องการเสียภาษีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ มาชี้แจง

โดยนายสัก กอแสงเรือง ส.ว.กทม. ถามว่า อยากทราบถึงการดำเนินการของกรมสรรพากรณีบริษัท แอมเพิล ริช โอนหุ้นของลูกนายกฯทั้งสองคนจำนวน 329 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท แต่ทั้ง 2 คนได้ขายไปในราคา 49.25 บาททันที อยากทราบว่ากรมสรรพากรมีแนวทางปฎิบัติอย่างไรบ้าง และการวินิจฉัยเรื่องนี้มีผลออกมาเป็นอย่างไร

นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร รองอธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงว่า หลักการโดยทั่วไปการได้มาของหุ้นมี 3 วิธี คือ ยกให้ การซื้อมา และการได้มาเป็นส่วนหนึ่งของสินจ้าง สำหรับกรณีของลูกนายกฯเป็นการซื้อมาแล้วขายไป ทั้งนี้ การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯถือเป็นรายได้พึ่งประเมินก็จริง แต่ได้รับการยกเว้นภาษีให้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 126 ส่วนการขายนอกตลาด ส่วนที่จะนำมาเสียภาษีคือส่วนที่เกินจากการลงทุน กรณีที่ซื้อมาแล้วขายไปในราคาที่มีส่วนต่างคือไม่มีกำไร แล้วขายในตลาดหลักทรัพย์ ถือว่าได้รับการคุ้มครองเรื่องภาษี

“กรณีของลูกนายกฯ เมื่อซื้อหุ้นมา 1 บาทแล้วขายไปในราคา 49 บาท ส่วนต่างนั้นคือรายได้พึงประเมิน แต่เมื่อขายในตลาดหลักทรัพย์มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ และการซื้อขายกรมสรรพากรจะพิจารณาจากเอกสาร ซึ่งเรื่องการซื้อขายเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย กรมสรรพากรไม่สามารถกำหนดได้ เมื่อผู้ซื้อและผู้ขายมีความพอใจในราคาที่ตกลงกันก็เป็นไปตามนั้น เว้นแต่มีสิ่งซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีการซื้อขายมากเกินกว่านั้น

แต่เนื่องจาก แอมเพิล ริช อยู่ในต่างประเทศ มือเรายาวไปไม่ถึง จึงไม่สามารถจะใช้กฎหมายไปบังคับใช้ได้ แต่ถ้า แอมเพิล ริช อยู่ในไทยและมีการขายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดหรือไม่สมเหตุก็สามารถใช้กฎหมายบังคับใช้ได้ ถ้าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในกฎหมายไทยเราสามารถใช้มาตรา 65 ทวิ (4)” นางไพฑูรย์ กล่าว

จากนั้นนายสักและกรรมาธิการได้ซักถามกรณีพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปรียบเทียบการได้หุ้นมาของพนักงานในราคาพาร์ ก่อนหุ้น กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกรณีลูกของนายกฯ ทั้ง 2 คน

แต่นางไพฑูรย์ ชี้แจงว่า กรณีหุ้น กฟผ.เป็นการที่ผู้บริหารได้ขายหุ้นของ กฟผ.ให้พนักงานในราคา 10 บาทจากราคาจริง 20 บาท ซึ่งเป็นการนำหุ้นของ กฟผ.มาขายให้ ผู้ที่ซื้อหุ้นไปจึงต้องเสียภาษี

แต่กรณีของแอมเพิล ริช นั้นไม่ได้ขายหุ้นของบริษัทให้ แต่เป็นการขายหุ้นในส่วนของชินคอร์ปฯถืออยู่มาให้ ดังนั้น จึงไม่ต้องเสียภาษีในรายได้ส่วนต่างที่เกิดขึ้น

ด้านนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กรรมาธิการฯ ได้ถามว่า กรมสรรพากรมีแนวคิดที่จะสังคายนากฎหมายการเสียภาษีให้มีความรัดกุม ไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างคนที่มีรายได้น้อยกับรายได้มาก

เพราะกรณีที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกสังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีการเลือกปฎิบัติ หรือมีการพยายามจะหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อเอื้อไม่ให้เสียภาษีหรือไม่ ขณะที่นายสักตั้งข้อสังเกตถึงความคลางแคลงใจของสังคมที่เห็นว่าการชี้แจงเรื่องการขายหุ้นให้เทมาเส็กของสิงคโปร์ ที่นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ ทำให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงในทำนองปกป้องครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพากร หรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

นางไพฑูรย์ ชี้แจงว่า ในเรื่องของกฎหมายและระเบียบการจัดเก็บภาษีตนเห็นว่าดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับปรุงอะไร แต่จะรับข้อเสนอของกรรมาธิการไปหารือกับอธิบดีกรมสรรพากร ต้องเข้าใจว่ากรณีแอมเพิล ริช เป็นการดำเนินการซื้อขายตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่ เมื่อมีระบบให้ปฎิบัติอย่างนี้ถ้าใครเข้าช่องได้ก็เข้า

ทางกรมสรรพากรไม่ได้มีระเบียบว่าถ้าหนึ่งบาทเราไม่เก็บภาษี หรือถ้าหมื่นล้านบาทเก็บภาษี ซึ่งในตลาดทุนก็เป็นอย่างนี้ตลอด และกรมสรรพากรก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องทำยอดในการเก็บภาษี โดยเฉพาะเรื่องนับชามก๋วยเตี๋ยวเก็บภาษีไม่มีแล้ว อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่สังคมตั้งคำถามและมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้กำลังหาเอกสารหลักฐานต่างๆ

นายสัก ถามอีกว่า ถ้านายพานทองแพ้และน.ส.พิณทองทา มีความคิดที่จะคืนภาษีที่ได้จากส่วนต่างที่ขายหุ้นให้จะรับหรือไม่ นางไพฑูรย์ กล่าวว่า ต้องรับไว้ และเรื่องนี้เป็นสิทธิของเจ้าตัวที่เห็นว่าจะประเมินรายได้ส่วนต่างนี้มาให้กรมสรรพากรอย่างไร

จากคุณ : navaka - [ 11 มี.ค. 49 19:04:14 ]