CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ลองอ่านนี่กันดูนะครับ เพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ....

    ออกตัวก่อนว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนทั้งนั้น แต่ไม่อยากให้ประเทศชาติย่ำแย่กว่านี้อีก  เรา "กำลังพัฒนา" มานานมากแล้วครับ


    กรุณาละเลียดอ่าน ‘พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์: ไม่เลือกทักษิณ หรือจะเลือกทุนนิยมล้าหลัง? พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคนแรกๆ ที่ฟันธงว่า เบื้องลึกที่สุดของม็อบต่อต้านทักษิณ ก็คือ การไม่เลือกข้างทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ ‘ทักษิณ’ ดำเนินไปอย่างขันแข็ง แต่เขาเชื่อในทุนนิยมโลกาภิวัตน์ และเชื่อมั่นว่า ‘ทักษิณ’ ซึ่งมาตามกติกาประชาธิปไตยจะนำพาประเทศไปได้ดีบนทางสายนี้ หากแต่ขบวนการต่อต้านนี้เองที่จะทำให้การเมืองไทยถอยหลังไปถึงสมัยพล.อ.สุจินดา หรือหลัง 14 ตุลา หรือกระทั่ง 2476 นั่นเลย อาจารย์เคยเขียนในบทความในที่ต่างๆ ว่า แท้ที่จริงแล้วความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นเวลานี้ คือจุดเปลี่ยนที่สังคมไทยต้องเลือกว่าจะก้าวไปสู่ทุนนิยมที่พัฒนาแล้ว หรือทุนนิยมล้าหลัง ใช่ การต่อสู้ทางการเมืองที่เป็นอยู่ เป็นการต่อสู้ของ 2 ค่ายว่า แนวทางการพัฒนาสังคมจะเป็นไปตามโลกาภิวัตน์หรือไม่ อนาคตเราจะเป็นยังไง นี่คือเบื้องหลังที่สู้กัน แต่ข้างหน้าก็ชูธง ขายชาติๆ ชูธงเรื่องไม่โปร่งใส่ คอร์รัปชั่น จริยธรรม อะไรต่างๆ แต่ทีเป็นเบื้องหลังจริงๆ ก็คือ จะเอาโลกาภิวัตน์หรือไม่ ‘ระบอบทักษิณ’ จะนำเศรษฐกิจไทยไปสู่ทุนนิยมโลกาภิวัตน์ได้จริงหรือ งั้นถามก่อนว่า * ระบอบทักษิณที่เขาว่ากันนี่ มันคืออะไร ผมไม่เห็นใครนิยามมันได้ชัดๆ คนที่ออกมาพูดก็พูดเหมือนกันเลย ไม่เอาระบอบทักษิณ โค่นล้มระบอบทักษิณ มันหมายถึงอะไร อย่างตอนนี้บอกว่าโค่นระบอบทักษิณคือแก้รัฐธรรมนูญ เอารัฐบาลฯ พระราชทานลงมา งั้นโค่นระบอบทักษิณตรงนี้ก็คือการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง เพราะตามรัฐธรรมนูญนี้มันทำไม่ได้ คือมีปัญหาใหญ่อยู่ 2-3 ประการ คือพอเป็นธุรกิจการเมืองที่เข้มแข็ง ก็เข้าไปทำลายกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลทางการเมืองหมดเลย หรือแม้แต่การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างก้าวหน้าก็มีปัญหาความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน เรื่องธุรกิจการเมืองมันมีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยชวน บรรหาร ชาติชาย หรือกระทั่งยุค พล.อ.เปรม ด้วย แม้ว่าตอนนั้นท่านจะไม่มีผลประโยชน์อะไร ไม่ใช่เฉพาะตอนทักษิณ อันนี้ต้องยอมรับก่อนเป็นประเด็นแรก เพียงแต่จำนวนเม็ดเงินมันแตกต่างกัน วิธีการก็เหมือนกัน คือเอานักการเมืองท้องถิ่นเข้ามา เอาเงินเลี้ยง มีหัวหน้าก๊วน หัวหน้ามุ้งเล็กๆ รวมเป็นมุ้งใหญ่ รวมกันเป็นพรรคการเมือง แล้วแต่ละพรรคก็โยงใยกันขึ้นมาอยู่ในระบบสภา ในกรณีพรรคไทยรักไทยมันแตกต่างตรงที่ว่า มุ้งที่ใหญ่ที่สุดเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด แล้วมันเปิดช่องให้พรรคมีขนาดใหญ่ มีปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าเป็นพรรคเล็กไม่มีปาร์ตี้ลิสต์ เสร็จแล้วพอพรรคมันใหญ่ เม็ดเงินมันก็ใหญ่ตามไป กลุ่มของนายกฯ ทักษิณก็เป็นมุ้งหนึ่งในพรรคไทยรักไทย แต่เป็นมุ้งใหญ่ที่สุด และถ้าคุณทักษิณวางมือทางการเมืองจริงๆ ทั้งหน้าฉากหลังฉาก มันก็แตกมุ้งกันอีก แล้วก็ไปฟอร์มกันเป็นพรรคใหม่อีก อาจจะเป็นพรรค ‘ไทยรักชาติ’ อะไรขึ้นมาก็ได้ หัวหน้าพรรคก็เปลี่ยนตัวเป็นนักธุรกิจการเมืองคนใหม่ ยังไงก็ตาม มันสร้างปัญหาใหญ่คือแทรกแซงองค์อิสระจนทำงานไม่ได้ การแทรกแซงมันมีจริง อันนี้เรารู้อยู่แล้ว ไม่มีใครปฏิเสธหรอก เป็นเรื่องที่เราต้องวิพากษ์วิธีการ เหตุนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร มันต้องย้อนหลัง มีภาพรวมทั้งอดีตและปัจจุบัน และภาพรวมในปัจจุบันมันต้องมีทั้งมิติเศรษฐกิจ และการเมือง ไม่ใช่มีแต่เพียงว่า ขายหุ้นได้กำไรแล้วไม่จ่ายภาษีอย่างนี้ มันชั่ว เรื่องมันไม่ใช่แค่นั้น หรือ ขายหุ้นชินคอร์ปซึ่งมีดาวเทียมและมือถือให้สิงคโปร์ไปแล้ว อย่างนี้มันขายชาติ องค์กรอิสระเกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนหน้าที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มันไม่มีองค์กรตรวจสอบ รัฐบาล ส.ส. นักการเมือง ไม่ว่าฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ทำอะไรก็ได้ องค์กรที่จะตรวจสอบก็คือ ป.ป.ป. ในสมัยนั้น แต่ ป.ป.ป. ก็เป็นหน่วยงานในสำนักนายกฯ พอมีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เลยตั้งองค์กรอิสระบานเลย สตง. ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมม กกต. อะไรเต็มไปหมด มีหน้าที่ต่างๆ กันไป ปัญหาที่มันเกิดขึ้นก็คือ ถ้าเราไปดูในรัฐธรรมนูญแล้ว จะเห็นว่ามันกำหนดที่มาขององค์กรอิสระไว้ค่อนข้างดีพอควร ถ้าเปรียบเทียบกับต่างประเทศในอเมริกา ยุโรป ที่เจริญแล้ว ของเราก็ค่อนข้างใกล้เคียง คือผ่านมาทางด้านสมาชิกวุฒิสภา ในกรณีของไทยก็เสนอโปรดเกล้าฯ ด้วย แต่ในทางปฏิบัติ ฝ่ายบริหารเข้าไปแทรกแซง วิธีการแทรกแซงไม่มีอะไรมาก คุณยึดกุมวุฒิสภาได้ ก็คุมได้หมดแล้ว เพราะวุฒิสภาเป็นผู้ที่ตั้งองค์กรอิสระทั้งหลาย ฉะนั้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่วุฒิสภา ไม่ใช่อยู่ที่องค์กรอิสระว่ามันไม่ดี แต่ต้องเข้าใจก่อนนะว่า ความคิดที่จะให้วุฒิสภาปลอดจากการเมือง ปลอดจากการแทรกแซงของพรรคการเมืองเป็นไปไม่ได้ แล้วเป็นความคิดที่ผิดด้วย สมาชิกวุฒิสภาอเมริกาก็สังกัดพรรคการเมือง ชัดเจนว่ารีพลับลิกัน เดโมแครต แต่ว่าระบบการเมืองเขาพัฒนามาเป็นร้อยปีแล้ว ถึงจะเป็นสมาชิกวุฒิสภาฝ่ายเดียวกับประธานาธิบดีบุช มีเรื่องมีราวอะไรก็ยังด่ากันได้ ตรวจสอบกันได้ แต่อาจมีแนวโน้มว่า ถ้าเป็นพรรคเดียวกับบุชก็จะเสียงอ่อนหน่อย ถ้าไม่ร้ายแรงจริงๆ ก็อาจไม่ออกมา แล้วองค์กรอิสระของเขาเป็นยังไง ในอเมริกาเอง การตั้งองค์กรอิสระผ่านสมาชิกวุฒิสภาก็ทะเลาะกันเละเหมือนกัน จะเอาคนของตัวเข้ามาเหมือนกัน มันไม่ได้ต่าง การเมืองมัน

    จากคุณ : รพินทรนารถ - [ 15 มี.ค. 49 09:52:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป