CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ประวัติของท่านสนธิ ก่อนจะมาไล่นายก

    ประวัติของสนธิ ก่อนทีจะมาเกลียดทักษิณ
    นายสนธิ เป็นคนฉลาดเกมโกง พูดเก่ง ความรู้สูง เป็นลูกน้องเก่าของนาย พอล สิทธิอำนวย ซึ่งโกงเงินธนาคาร ๒๐๐๐ พันล้านบาท ก่อนที่จะหลบหนีมาอยู่อเมริกาเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วนายสนธิเลยได้ผลประโยชน์โดยรับกิจการมีเดียต่อจากนายพอลโดยไม่ต้องเสียสตางค์แม้แต่บาทเดียวเพราะนายพอลโอนชื่อกิจการทั้งหมดมาให้แก่นายสนธิก่อนจะหลบหนีมาเสบสุขในอเมริกาพร้อมกับเงินที่ปล้นมาได้หลังจากนั้นนายสนธิก้ได้สถาปนาตัวเองเป็นเจ้าแห่งมีเดียของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ก็ว่าได้
    (King of Media of Southeast Asia)กิจการมีเดียของนายสนธิก็เจริญขึ้นเรี่อยๆ มีทั้งหนังสือพิมพ์ แมกกาซีนรายการวิทยุและโทรทัศน์ท้งในและนอกประเทศจนเป็นที่ประทับใจของนักธุรกิจที่อยู่ในวงการมีเดียเป็นอย่างมากเมื่อขอเงินกู้จากธนาคารก็มักจะไม่มีปัญหานายสนธิเลยซื้อกิจการทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่ามีเดีย
    มีกำไรหรือขาดทุนขอให้มีชี่อเป็นเจ้าของหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Publisher นายสนธิซื้อหมดตัวอย่างที่ดังที่สุด ครั้งสุดท้าย คือการซื้อแมกกาซีนอเมริกันที่มีฐานในนิวยอรค์และลอส แอนเจลสีส ชื่อ Buzz Magazineซี่งเป็นแมกกาซีนที่จะเจ้งอยู่แล้วแต่ความกะสันของนายสนธิที่อยากจะเห็นชื่อของตัวเองว่า Publisher: Sondhi Limthongkul
    เป็นเจ้าของแมกกาซีนฝร้งซึ่งลอบล้อมไปด้วยนักเขียนที่มีชื่อฝรั่งทั้งนั้นและการที่อยากโก้อวดฉลาดเลยซื้อด้วยราคาที่สูงลิ่ว ในราคา ๑๖๐๐ ล้านบาทหรือ ๔๐ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคนขายก็ไม่เชื่อกับตาเพราะโฆษณาขายแมกกาซีนนี้แต่ไม่มีหน้าไหนกล้ามาซื้อแม้แต่คนเดียวยังจำได้ว่าตอนเปิดตัวเจ้าของใหม่มีการกินเลี้ยงกันที่โรงแรมหรูใน Beverly Hills นายสนธิเดินชนแก้วนบันรีไวน์กับนักหนังสือพิมพ์ไทยในแอลแอด้วยความโก้หรูนายสนธิโก้อยู่ได้แค่ หนี่งปีสองเดือน Buzz ก้ต้องปิดกิจการเพราะไม่มีเงินจ่ายให้กับพนักงานฝร้งทั้งหลายนายสนธิพยายามจะขายต่อให้คนอื่นแต่ไม่มีใครอยากซื้อ เงิน ๑๖๐๐ล้านบาท ก็คือเงินกู้จากแบ๊งไทยนั่นเอง

    นายสนธิมักจะกล่าวว่าเป็นคนสนับสนุนและช่วยให้คุณทักษินเป็นนายกเพราะฉะนั้นเขาก็คิดว่านายกทักษิณคงจะตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวของซึ่งบุคคลนี้เป็นคนสนิทของนายสนธิและคงจะมีสิทธิ์ปรุงแต่งให้เป็นหนี้ลดลงจาก๖๐๐๐ล้านบาทให้เหลือแค่๓๐๐ล้านบาท นายกตอบปฎิเสธทันทีและบอกว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายถ้าเป็นนายกบางคนในอดีตที่อยากได้เงินก็ไม่แน่อาจจะมีการต่อลองกับนายสนธิก็ได้หลังจากนั้นมานายสนธิก็สัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้นายกทักษิณออกจากตำแหน่งให้ได้โดยหวังว่าผู้นำคนใหม่อาจจะมีส่วนช่วยให้หนี้ก้อนโตนี้ออกจากอกของนายสนธิปัญหาของนายสนธิเป็นปัญหาที่เขาสร้างขั้นมาทั้งสิ้นไม่เกี่ยวกับการกู้ชาติที่เขาเอามาอ้างกับประชาชน แลเขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้านายกทักษิณได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งนายสนธิจะไม่มีแผ่นดินอยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน และอาจจะต้องเผ่นหนีมาอยู่อเมริกา เฉกเช่นเจ้านายเก่าของเขา เมี่อ ๓๐ ปีที่แล้ว
    ผมไม่ใช่คนของพรรคการเมืองใดๆ และผมก็ไม่ชอบนายกทักษิณ ในหลายๆเรื่อง แต่ผมไม่ชอบคุณสนธิที่ออกมาปลุกปั่นให้ประเทศไทยของเราทุกๆคน แตกเป็นฝ่ายๆ มากกว่า

    นายกทักษิณมีประเด็นที่ไม่เคลียร์อยู่หลายข้อ แต่การที่คุณสนธิ นำประเด็นเหล่านั้น มาพูดขยายจนเกินความจริง เพื่อสร้างอารมณ์ร่วม ให้ฝูงชนที่ไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดบ้าคลั่ง และใช้กลุ่มคนและองค์กรที่หลงเชื่อคำพูดของคุณสนธิเหล่านี้ มากดดันทำให้ประเทศของเราทุกคนแตกแยกนั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนที่มีใจเป็นกลาง รับไม่ได้

    อะไรที่ทำให้คุณสนธิ รอพระราชวินิจฉัยของในหลวง หรือรอการตรวจสอบนายกตามกระบวนการระบบประชาธิปไตยไม่ได้

    คำถาม 4 ประเด็นใหญ่ ซึ่งมีคำถามย่อยนับสิบข้อ ที่อยากให้คุณสนธิตอบเหล่านี้ จะค่อยๆปูพื้นให้ทุกคนที่มีใจเป็นกลาง เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้น

    (1) คุณสนธิและผู้บริหารของกลุ่มผู้จัดการ บริหารบริษัทเมเนเจอร์ มีเดีย ซึ่งเป็นของมหาชน ด้วยความโปร่งใสหรือไม่ มีการยักยอกเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัวของใครหรือเปล่า

    กรณีที่ 1 หมู่เกาะ The British Virgin Island ที่คุณสนธิออกมาด่านายกทักษิณปาวๆ คุณสนธิยังจำได้ไหมว่า ใครไปจดทะเบียนบริษัท Manager International Holding Company Limited ที่หมู่เกาะนี้ ด้วยเงินเพียงแค่ 1,000 เหรียญสหรัฐ แต่กลับนำมาขายให้ บริษัท เมเนเจอร์ มีเดีย (มหาชน) ซึ่งเป็นของผู้ถือหุ้นทุกคน ด้วยเงินถึง 7,228,000 เหรียญสหรัฐ เงินกำไรร่วม 200 ล้านบาทนี้ หายไปอยู่กระเป๋าใคร นอกจากนั้นเงินที่ บริษัทเมเนเจอร์ให้บริษัทนี้ยืมไปอีก 700 ล้านบาท หายไปไหน (ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่กลุ่มผู้จัดการ ทำรายงานเองและส่งให้ตลาดหลักทรัพย์เอง ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ตลาดหลักทรัพย์)

    กรณีที่ 2 เงินโฆษณากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งควรเป็นของผู้ถือหุ้นทุกคน หายไปไหน เมื่อไหร่จะได้คืน ทำไมมีการเปิดบริษํทส่วนตัว ที่ชื่อ เวิลด์ไวด์ มีเดีย ซึ่งก็ตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ เพื่อรับเงินค่าโฆษณาแทนบริษัทมหาชน และทำไมบริษํทนี้ถึงอมเงินเอาไว้ และไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้บริษัทซึ่งเป็นของมหาชนสักที ทั้งที่รับเงินมา 2-3 ปีแล้ว

    ที่น่าสงสัยยิ่งกว่านั้น ทำไมบริษํท เมเนเจอร์ มีเดีย (มหาชน) ถึงยังให้บริษัทนี้ หาโฆษณาและรับเงินแทนอยู่ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าบริษัทนี้เบี้ยวเงินมาเป็นปีแล้ว นอกจากนั้น ทำไมบริษัทเมเนเจอร์ มีเดียถึงนับยอดรายได้โฆษณาที่น่าจะได้จากบริษํทเวิลด์ไวด์ มีเดียนี้เป็นหนี้สงสัยจะสูญในทันที จนมีผลทำให้ผลประกอบรวมของบริษัทเมเนเจอร์ มีเดียเองซึ่งควรจะเป็นกำไร กลายเป็นขาดทุน นี่เป็นสาเหตุหรือเปล่า ที่ทำให้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่บริษํท เมเนเจอร์ มีเดียจ้างเอง ไม่ยอมเซ็นไว้วางใจบริษัทเมเนเจอร์ มีเดียหลายไตรมาสติดต่อกันแล้ว
    (จากข้อมูลที่กลุ่มผู้จัดการ ทำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์เอง ระหว่างปี 2547 - 2549)

    (2) คุณสนธิและกลุ่มผู้จัดการ ใช้ความเป็นสื่อ บังคับและเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ เข้าตัวหรือเปล่า

    หลังจากที่คุณเจิมศักดิ์ และกลุ่มเนชั่นออกมาปูดข่าวว่า รัฐบาลทักษิณช่วยลดหนี้ของกลุ่มผู้จัดการ จาก 20,000 ล้านบาท เหลือแค่ 6,000 ล้านบาท ในปี 2545แล้ว คุณสนธิและกลุ่มผู้จัดการได้รับการลดหนี้จากสถาบันการเงินของรัฐ อีกกี่ครั้ง (เพื่อความเป็นธรรมในการรับรู้ข้อมูล คุณสนธิ ออกมาปฏิเสธว่ากลุ่มผู้จัดการ มีหนี้อยู่ ในขณะนั้น 8,000 กว่าล้านบาท ไม่ใช่ 20,000 ล้านบาทตามที่คุณเจิมศักดิ์กล่าวหา)

    ทำไมขณะที่คุณวิโรจน์ นวลแขทำงานที่แบงก์กรุงไทย คุณสนธิถึงได้รับการลดหนี้ที่เคยลดมาแล้วอีก จาก 1,421.73 ล้านบาท เหลือเพียงแค่ 259 ล้านบาท แล้วยิ่งกว่านั้น ทำไมธนาคารกรุงไทย ถึงขนาดยอมให้คุณสนธิไม่ต้องจ่ายคืนเป็นเงินสด โดยยอมกระทั่งให้ใช้คืนเป็นค่าโฆษณาราคาแพง จนเราได้เห็นโฆษณาชุดผู้ใหญ่ลี ที่มีค่าแอร์ไทม์ครั้งละหลายแสนบาท อย่างถี่ยิบ คุณสนธิคิดว่า ธนาคารของรัฐอย่างกรุงไทยมีความจำเป็นต้องโฆษณาตัวเองกับสื่อของคุณสนธิแค่ที่เดียว เป็นร้อยๆล้านบาทเลยหรือ
    (จากข้อมูลที่กลุ่มผู้จัดการ ทำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์เอง ในปี 2547 ดูข้อมูลได้ที่ตลาดหลักทรัพย์)

    นอกจากนั้นแล้ว คุณสนธิใช้วิธีไหน ถึงทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นของรัฐอย่างเช่น การบินไทย ปตท และบริษัทเอกชนในเครือชินวัตรลงโฆษณาจำนวนมากกับสื่อของผู้จัดการ จนยอดรายได้โฆษณาของกลุ่มพุ่งขึ้นถึงกว่า 40% หลังจากที่นายกทักษิณ เข้ามาบริหารประเทศ
    (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จากกรณีศึกษาของกลุ่มผู้จัดการ ในรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในรอบปี 2546 ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดย ผศ. ดร.วิลาสินี พิพิธกุล คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)




    (3) การที่คุณสนธิออกมาปลุกระดมมวลชนตอนนี้ แบบถอยหลังไม่ได้ เป็นเพราะกลุ่มผู้จัดการกำลังเกิดวิกฤติทางการเงิน ซึ่งถ้าไม่ได้อำนาจรัฐหรือกลุ่มทุนเข้าช่วยเหลือ อาจถึงขั้นปิดตัวเองเลยใช่หรือเปล่า อะไรที่ทำให้คุณสนธิ อุทานว่า ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง

    ประเด็นนี้ต้องศึกษาเงื่อนเวลาอยู่ 2 จุด
    ก) ก.ล.ต. ได้ออกกฏมานานแล้วว่า จะถอดถอนบริษัทซึ่งอยู่ในหมวดฟื้นฟูของตลาดหลักทรัพย์ และมีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ออกจากตลาดหลักทรัพย์ ภายในเดือนมีนาคม 2549
    ข) ศาลล้มละลายกลาง ได้ยินยอมขยายเวลาแผนฟื้นฟูของบริษัทเมเนเจอร์มีเดียออกไปจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 26 กรกฏาคม 2548 กลายเป็นสิ้นสุดวันที่ 3 สิงหาคม 2549 เพื่อให้บริษํทเมเนเจอร์มีเดีย หาผู้ร่วมทุนใหม่มูลค่า 350 ล้านบาทให้ได้ทันตามกำหนด

    ซึ่งถ้านำมาเรียงดู จะอ่านได้ง่ายๆดังนี้
    ถ้ากลุ่มผู้จัดการหาเงินเพิ่มทุน 350 ล้านบาทไม่ได้ภายในเดือนมีนาคม หรือไม่มีอำนาจจากไหนมาบีบ กลต ให้เปลี่ยนแปลงหรือผ่อนผันกฏ บริษํทเมเนเจอร์มีเดีย มีสิทธิจะโดนถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์เดือนหน้า!
    และถ้ายังไม่ได้เงินก่อนเดือนสิงหาคม และศาลไม่ยินยอมให้ขยายเวลาแผนฟื้นฟูบริษัทอีก บริษัทเมเนเจอร์ก็อาจจะต้องปิดตัวเองลง ภายในปีนี้!

    คำถามก็คือ ถ้าสมมติว่า เมื่อต้นปีที่แล้ว มีกัลยาณมิตรยอมช่วยคุณสนธิ ตอนนี้คุณสนธิจะวาดภาพให้ประชาชนมองนายกทักษิณเป็นคนชั่วร้ายที่สุด หรือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย

    คุณสนธิจะหานักลงทุนปกติที่ไหน มาช่วยลงทุนเงิน 350 ล้านบาท กับบริษัทที่มีหนี้มากกว่าสินทรัพย์ 200 กว่าล้านบาท แถมยังขาดทุนสะสมเพิ่มตลอด และผู้ตรวจสอบบัญชียังไม่รับรองความโปร่งใสอีก

    ทำไมเงินกว่าร้อยล้านบาท ที่อยู่ในบริษัทเวิลด์ไวด์มีเดีย ไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ หรือจ่ายคืนให้บริษํทเมเนเจอร์มีเดีย ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทเมเนเจอร์ดีขึ้นเยอะ และต้องการเงินเพิ่มทุนอีกเพียงแค่ร้อยกว่าล้าน ก็จะมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวกแล้ว

    ตลอดปีที่ผ่านมา คุณสนธิได้ขอร้องให้ใครมาช่วยบ้าง มีใครยอมช่วย และไม่ยอมช่วยบ้าง และคุณสนธิคิดยังไงกับคนที่ไม่ยอมช่วย

    ถ้านายกทักษิณไม่ช่วย คุณสนธิก็ต้องหาใครคนอื่น ที่ช่วยคุณสนธิได้ใช่หรือเปล่า


    (4) ถ้ากลุ่มผู้จัดการถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ และไม่ผ่านเกณท์การฟื้นฟูบริษัทในกลางปีนี้ จนอาจถูกเจ้าหนี้บังคับให้ปิดตัวเองลง คุณสนธิ จะปลุกระดมคนว่า รัฐบาลคุกคามสื่อหรือเปล่า

    เมื่อไหร่คุณสนธิถึงจะหยุด หรือประเทศจะแตกแยกกันอีกเท่าไหร่คุณสนธิก็ไม่สนใจ ขอเพียงธุรกิจของคุณสนธิยังอยู่ได้ แค่นั้นเองหรือ

    ถ้าคุณสนธิตอบได้ทุกประเด็น และทุกคำถามย่อย คุณสนธิถึงจะเคลียร์ตัวเองได้ว่า การปลุกระดมคนครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวคุณสนธิเอง โดยหลอกใช้ประชาชนนับแสนเป็นเครื่องมือ

    จากคุณ : Sak-Thailand - [ 17 มี.ค. 49 07:52:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป