| ประชาธิปัตย์ (36 คน) |
| ชาติไทย (0 คน) |
| มหาชน (5 คน) |
| ถูกทุกข้อ (19 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 60 คน |
พรบ.ประกอบรุฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541
มาตรา 66 เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง
(1) การทำการล้มล้าง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตามรัฐธรรมนูญ หรือให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
(2) การกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตามรัฐธรรมนูญ
(3) การกระทำอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
วันที่ ประกาศยุบสภา สนั่น ขจร ประกาศว่า จะไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมย. ทั้งๆที่ พระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมาย ประกาศโดยพระมหากษัตริย์ ทรงใช้พระราชวินิจฉัย
สนั่น มีเจตนาจงใจขัดขวาง การดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
พรรคมหาชน ยังได้ชักชวน ปชป และ ชท. ไม่ให้ลงสมัครเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการตอกย้ำ ถึงเจตนา ความมุ่งหมายที่ได้ตั้งใจ ล้มระบบการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย
สุดท้าย 3พรรค ประกาศลั่นไ ม่ลงสมัครเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีความผิด
ทั้งที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศไทย มีกระแสเรียกร้องต้องการระบบการตรวจสอบการทำงานของรัฐ
แต่ 3พรรคดังกล่าว ไม่สนใจ กลับเล็งเห็นเหตุการณ์ว่าหากลงสมัครเลือกตั้งจะมีโอกาสสูงในการแพ้เลือกตั้ง และเป็นฝ่ายค้าน แทนที่จะยินดีอาสาประชาชน เป็นฝ่ายตรวจสอบ ตามกระแสเรียกร้องของประชาชน กลับมีพฤติกรรมไม่ลงสมัคร มีเจตนาและ จงใจไม่ให้รัฐสภามีพรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรวจสอบตามกฎหมายนั่นเอง
ซึ่งความพยายามไม่ให้สภามีฝ่ายตรวจสอบ เป็นการไม่ยอมรับการปกครองระบอประชาธิปไตย
นอกจากนี้ หากไม่ลงสมัครเลือกตั้ง สส. จะส่งผลทำให้ ทักษิณเป็นนายกที่ไม่ชอบธรรม เนื่องจากมีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวในสภา ไม่มีฝ่ายค้าน และจะมีปัญหาในการบริหารบ้านเมือง ไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในในการออกกฎหมายต่างๆ ไม่ไม่ยอมรับสังคม ส่งผลให้สังคมแตกแยก
เป็นการกระทำเพื่อสร้างคงวามชอบธรรมให้พรรคตนเอง ให้กลับมามีความได้เปรียบทางการเมือง โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายต่อบ้านเมืองโดยส่วนรวม ในขณะที่บ้านเมืองต้องการความสามัคคี
แต่พรรคเหล่านี้ กลับใช้สถานการณ์ความไม่สงบนี้ เป็นข้อได้เปรียบและเป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง ส่งผลให้ บ้านเมืองเสียหาย ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทำลายความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของสังคมไทย
นอกจากพฤติกรรมไม่ลงสมัครเลือกตั้งแล้วพรรคเหล่านี้ยังมีพฤติกรรมปลุกระดมชวนเชื่อให้ประชาชนไม่ลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเหล่านี้เล็งเห็นว่า จะทำให้สภามีสมาชิกไม่ครบ 500คน ไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ ไม่มีประธานสภา และไม่มีนายกรัฐมนตรี จึงได้เปิดปราศัย ในจังหวัดต่างๆ ชวนให้ประชาชน ไม่ลงคะแนน
การที่ประชาชนเชื่อและไม่ลงคะแนนนั้น จะทำให้ไม่มีฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติและไม่สามารถทำหน้าที่ได้ รัฐต้องเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่ เป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่พรรคเหล่านี้กลับ ไม่สำนึกถึงความเสียหาย
การกระทำทั้งหมดของ3พรรคฝ่ายค้านจึงเป็นการกระทำที่ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบประชาธิปไตย
และย่อมส่งผลเสียต่อการแก้ไขปัญหาให้แก่ประเทศชาติ และประชาชน และเกิดปัญหาอื่นๆอีกมากมาย
โดยเฉพาะ การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติ 60 พรรษา
พฤติกรรมดังกล่าวมาข้างต้น มีองค์ประกอบทั้ง เจตนา และการกระทำ ครบองค์ประกอบความผิดหรือยัง
พรรคการเมืองใดควรได้รับโทษ
จากคุณ :
หิมพานต์
- [
22 มี.ค. 49 21:57:23
]