CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ตามข่าวม้อบอย่าเครียด : ผลส้มในมือตำรวจ ไมตรีจากชาวม็อบ

    ผลส้มในมือตำรวจ ไมตรีจากชาวม็อบ

    หัวค่ำ วันที่ 16 มีนาคม 2549 ใครเดินผ่านม็อบ ด้านสะพาน มัฆวานรังสรรค์ เข้าสู่จุดตรวจแนว เข้าออก ก็จะพบตำรวจนายหนึ่ง ยืนปฏิบัติหน้าที่

    ทั้งยังมีส้มเขียวหวาน หนึ่งผล... อยู่ในมือ

    ทำไม? ต้องใช้หมวกกันน็อก...

    “บ้านผมห่าง สภ.อ.ประมาณ 10 กิโลฯ”

    ดาบตำรวจวิสิทธิ์ ประเสริฐโชคปรีชา อายุ 37 ปี สังกัด สภ.อ.เมือง จังหวัดสมุทรสาครบอก

    ด.ต.วิสิทธิ์เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ หากจะสวมหมวกตำรวจ ก็ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก ถึงโรงพัก กองร้อยเรียกรวมตัวมาปฏิบัติหน้าที่ในม็อบ

    “ความจริง ถ้ามีเวลา ผมก็เปลี่ยนหมวกตำรวจปกติได้ เมื่อถูกเร่งรัด ทั้งหัวหน้าบอกว่าใช้หมวกกันน็อกก็ได้”

    ในบรรยากาศการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้อง แต่งกายเต็มยศและรัดกุม ภาพตำรวจนายเดียว สวมหมวกกันน็อกจึงเด่น...สะดุดตา ทั้งๆที่รูปแบบหมวกกันน็อกไม่ได้แตกต่างกว่าหมวกหน่วยปราบจลาจลสักเท่าใดเลย

    “เพื่อนๆผมก็เคยใส่ ใครไม่เคยเห็นก็อาจจะขำ แต่คนเคยใส่ประจำ ไม่เห็นขำ ยืนยันมั่นใจได้ว่าไม่แปลก”

    บน สภ.อ.เมืองสมุทรสาคร ดาบตำรวจวิสิทธิ์ทำหน้าที่เสมียนประจำวัน รับเรื่องทุกข์ร้อน ซึ่งก็มีทุกเรื่อง ข่มขืน ขโมย ยิงกันตาย ฯลฯ

    คดีความที่ไม่เคยรับแจ้งเลยก็คือ เหตุประท้วง

    ตามกำหนดการ วันนี้ ด.ต.วิสิทธิ์จะเข้าเวรม็อบตอน 1 ทุ่ม เตรียมตัว อาบน้ำอาบท่ากันตั้งแต่ 10 โมงเช้า รวมตัวที่ สภ.อ.เมืองสมุทรสาคร 11 โมงเช้า เครื่องแบบได้รับคำสั่งว่า ปกติไม่มีอะไรพิเศษ ที่พิเศษก็คือ ไม่พกอาวุธ

    สิ่งที่ติดตัว จึงมีแต่วิทยุสื่อสาร และโทรศัพท์มือถือ

    งานเฝ้าม็อบ กับ ด.ต.วิสิทธิ์เป็นครั้งแรก ถึงม็อบเวลา 15.00 น. ก่อนปฏิบัติหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่งอะไรมาก เพียงแต่กำชับ

    “วิธีพูด ให้พูดธรรมดา มองทุกอย่างให้เป็นกลาง อย่าเครียดกับงานมากจนเกินไป”

    งานนี้ไม่เพียงออกนอกพื้นที่ ยังทำงานกลางคืน ก่อนออกจากบ้านก็บอกกับภรรยา

    “เขาเป็นข้าราชการ พัฒนาชุมชน ทำงานอยู่ที่อำเภอ ติดตามข่าวสาร ก็พอจะรู้ว่าไม่น่ากลัวไม่ได้แสดงท่าทีเป็นห่วง”

    ความจริง เรื่องภรรยาเป็นเรื่องที่ต้องเป็นห่วง ด.ต.วิสิทธ ิ์แต่งงานมา 5 ปี ภรรยาเพิ่งท้อง 4- 5 เดือน ลูกในท้องมีเค้าว่าน่าจะเป็นผู้หญิง

    “เงินเดือนผมหมื่นกว่า เงินเดือนพัฒนากรหมื่นต้นๆ รวมแล้วพอกินพอใช้”

    “แต่ละวันก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก อยู่บ้านพักสวัสดิการ รถก็มีแล้วทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ถ้าไปทำงานก็ขี่มอเตอร์ไซค์ ถ้ากลับบ้านราชบุรีก็ใช้รถยนต์”

    ชีวิตครอบครัวเรียบง่าย และราบรื่น แต่บ้านเมืองวันนี้ ดูวุ่นวายหลายเรื่อง การเมือง สังคม เศรษฐกิจ ข้าวของก็แพงขึ้น...แต่ยังพออุ่นใจ ค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือนก็ขึ้นตาม

    “สมัยก่อน เงินเดือนน้อยก็ของถูก ไม่ต่างกันเท่าไหร่”

    เสร็จภารกิจครั้งแรก แปลกใหม่นี้แล้ว ด.ต.วิสิทธิ์คิดว่าคงต้องมาเป็นครั้งที่สอง

    งานเฝ้าม็อบใช้ตำรวจมาก ตำรวจนครบาลไม่พอ ก็ต้องใช้ตำรวจภูธรเสริม หมุนวนไปหลายจังหวัด จากสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี

    ตำรวจนครบาล จัดกำลังกันแบบไหนไม่รู้ แต่ ด.ต.วิสิทธิ์รู้ว่า ตำรวจ ภูธรมี 3 หมวด ผลัดกันเข้าเวร...หมวด 1 เข้าตั้งแต่ 1 ทุ่มถึงเที่ยงคืน... หมวด 2 เที่ยงคืนถึงตี 4...หมวด 3 ตีสี่ถึง 8 โมงเช้า

    แต่ละเวร...ก็จะมีผลัดมาเปลี่ยน...สองชั่วโมงจะพักรอบหนึ่ง

    หน้าที่รับผิดชอบ พูดด้วยภาษาทางการก็คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

    จุดประจำการของ ด.ต.วิสิทธิ์ อยู่บริเวณแนวรั้วทางเข้า ยืนสังเกตการณ์บรรยากาศทั่วๆไป ไม่ได้ช่วยตรวจคนเข้าคนออก

    แต่ถ้ามีคนเข้าออกมากๆก็พร้อมจะเข้าไปช่วยอีกแรง

    หากจะพูดถึงประสบการณ์ในม็อบ ด.ต.วิสิทธิ์ บอกว่า เคยไปดูแลความเรียบร้อย ม็อบท่อแก๊สที่ประจวบคีรีขันธ์มาแล้วครั้งหนึ่ง

    ไม่ได้เข้าไปใกล้ชิดถึงกลุ่มผู้ชุมนุม แค่ดูอยู่ห่างๆ คอยเป็นกำลังเสริม

    เทียบกับบรรยากาศใกล้ชิดม็อบในวันนี้ บางคนอาจคิดว่าขึ้นชื่อว่าม็อบ ยังไงก็น่ากลัว คนกลุ่มใหญ่ๆมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา คงหยุดไม่ได้ง่ายๆ

    “ผมดูข่าวทุกวันก็รู้ กลัวเหมือนกัน แต่เมื่อมาเห็นด้วยตา ม็อบที่นี่ไม่น่ากลัว”

    เข้าเวรตั้งแต่ 1 ทุ่ม ถึงเวลาที่คุยกัน 3 ทุ่ม การชุมนุมก็เป็นปกติ ผู้คนที่มาชุมนุม ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยดี ทุกคนมาอย่างสงบ ไม่มีใครก่อกวน ไม่มีใครหาเรื่องใคร และก็ไม่มีคนเมามาส่งเสียงเอะอะรบกวน ป่วนการชุมนุม

    ไหนๆ ก็คุยกันแล้ว ก็ต้องลองถามว่า คิดอย่างไรกับม็อบพันธมิตรกู้ชาติ

    ดาบตำรวจวิสิทธิ์ บอกว่า คนเราต่างจิตต่างใจ การชุมนุมเป็นสิทธิส่วนบุคคล ตำรวจขอวางตัวเป็นกลาง

    มาอยู่ในม็อบ เห็นเหตุการณ์ด้วยตา เปรียบกับที่เคยฟังจากข่าวทีวี หรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็ไม่เห็นต่างกัน บรรยากาศม็อบในทีวีดูสงบ มาเห็นกับตาเขาก็ชุมนุมกันสงบ

    “ผมดูทีวีทุกช่อง สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หนังสือพิมพ์ก็อ่านเกือบทุกฉบับ มากหน่อยก็ไทยรัฐ”

    ในบรรยากาศความรู้สึกขัดแย้ง ใครหรือฝ่ายที่คิดไม่เหมือน เป็นฝ่ายตรงข้าม อยู่คนละขั้ว ด.ต.วิสิทธิ์วิจารณ์ว่า ไทยรัฐเสนอข่าวเป็นกลาง

    ดูข่าวหลายๆช่อง อ่านหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ ก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย ทุกสื่อวันนี้มีเสรีภาพกว้างขวาง นำเสนออย่างไม่ได้ปิดกั้น

    “ที่ผมรู้มา หลายคนติดตามจนเครียด ถึงขั้นเจ็บไข้ได้ป่วย”

    สำหรับคนที่เอาจริงเอาจังเลือกข้างชัดเจน ด.ต.วิสิทธิ์ แนะว่า อย่าเครียด อย่าคิดมาก ข่าวสารดูเพื่อรับรู้ข้อมูลความเปลี่ยนแปลง ดูข่าวบ่อยๆ ดูแล้วเข้าใจว่า ไม่มีอะไรขัดแย้ง การชุมนุมประท้วงเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทุกคนทุกฝ่ายทำได้

    “ดูด้วยใจเป็นกลาง ต่างคนก็ต่างความคิด ฝ่ายหนึ่งคิดอย่างนี้ อีกฝ่ายหนึ่งคิดอีกอย่าง แล้วก็รอผลว่าจะออกมาอย่างไร”

    ตำรวจพูดว่าเป็นกลาง อาจเป็นคำพูดภาคบังคับ ตามบทบาทหน้าที่ แต่ผลส้มผลเดียวที่ถือในมือ ยืนยันได้หนักแน่นกว่า

    “เมื่อกี้นี่เอง คุณป้าเอามาให้”

    คุณป้าคนนั้นอายุประมาณ 50 กว่าๆ มาจากไหนก็ไม่รู้ หิ้วส้มมาสามถุง ถุงละสามกิโลฯ เข้าใจว่าจะนำไปแจกจ่ายให้คนในม็อบ แต่เมื่อถึงด่านตำรวจ ก็เดินแจกตำรวจก่อน...หนึ่งคนหนึ่งผล

    ภาพใหญ่ของความขัดแย้ง ยังหาทางออกที่ดีไม่ได้ หลายฝ่ายเคร่งเครียดและเหน็ดเหนื่อย

    แต่จุดเล็กๆ ที่แสดงถึงความมีน้ำใจ ความเข้าใจ ระหว่างชาวม็อบกับตำรวจเฝ้าม็อบ ที่สื่อด้วยส้มผลเดียว...ช่วยให้อากาศรุ่มร้อนผ่อนเป็นเย็นลงได้มากอักโขทีเดียว.

    ไทยรัฐ
    http://www.thairath.co.th/thairath1/2549/column/scooper/mar/22_3_49.php

     
     

    จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 มี.ค. 49 03:29:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป