PANTIP.COM : P4220968 กฟผ เทเลคอม []

ความคิดเห็นที่ 11

กฟผ.เข้าตลาดหุ้นกลุ่มทุนสื่อสารเล็งผลเลิศ โครงข่ายเคเบิลใยแก้ว

http://www.siamturakij.com/book/index.php?option=com_content&task=view&id=1154&Itemid=71

แม้ศาลปกครองจะมีคำสั่งให้เลื่อนการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) หรือเดิมคือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไปแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามเชิงกังขาค้างคาใจของหลายๆ คน โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านจั่วหัวค้างไว้ว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่อย่าง กฟผ. โดยเฉพาะเมื่อองค์กรแห่งนี้มีขุมทรัพย์โครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศอยู่ในกำมือ จะทำให้ขุมทรัพย์ที่มีมูลค่าประมาณมิได้เมื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ต้องเปลี่ยนมือไปเป็นของบริษัทเอกชนอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ผ่านการกว้านซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทุกคนยอมรับว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก

เนื่องจากขุมทรัพย์โครงข่ายเคเบิลใยแก้วที่ กฟผ. และการไฟฟ้าอีก 2 แห่ง คือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่นั้นสามารถนำมาให้บริการสื่อสารข้อมูล เสียง ภาพและวิดีโอที่ความเร็วสูงมาก ซึ่งทั้ง กฟผ. กฟน. และ กฟภ. กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบและศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเอาโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงมาให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมในเชิงพาณิชย์ และได้มีการเตรียมพร้อมที่จะตั้งบริษัทลูกขึ้นมาขออนุญาตใบประกอบกิจการโทรคมนาคมจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมแบบทริปเปิล เพลย์ผ่านสายไฟฟ้า

และจากความครอบคลุมประชากรกว่า 90% ทั่วประเทศที่สามารถเข้าถึงสายไฟฟ้า โครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงและโครงข่ายสายไฟฟ้าของ กฟผ. กฟน. และ กฟภ. จึงเป็นช่องทางสื่อสัญญาณที่มีศักยภาพสูงที่สุดและมีความเย้ายวนใจมากที่สุดสำหรับบริษัทเอกชนที่ต้องการเปิดให้บริการในรูปแบบทริปเปิล เพลย์ ซึ่งทันทีที่มีการนำหุ้นของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งนี้เข้าจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่าภายในเวลาไม่นาน กลุ่มนักลงทุนที่มีสายป่านยาวและมีทุนหน้าตักหนาๆ จะปรี่เข้ามาช่วงชิงซื้อหุ้นไปกักเก็บไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อช่วงชิงอำนาจในการบริหารจัดการขุมทรัพย์โครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงมูลค่ามหาศาลนี้

อย่างไรก็ตามแม้ว่าระบบสื่อสัญญาณข้อมูลผ่านสายไฟฟ้าจะยังไม่มีเสถียรภาพนัก แต่เชื่อว่าภายในเวลาอันใกล้นี้ ระบบสื่อสัญญาณผ่านสายไฟฟ้าคงจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจากการทดสอบเปิดให้บริการในหลายๆ ประเทศ พบว่า ระบบสื่อสารข้อมูลผ่านสายไฟฟ้ามีความเป็นไปได้สูง แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ขาดคอนเทนต์ที่จะนำมาเปิดให้บริการบนโครงข่ายความเร็วแสง

เปิดขุมทรัพย์แสนล้าน

รศ.ดร.ถวิล พึ่งมา คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง เปิดเผยว่า การไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น กฟผ. กฟภ.หรือ กฟน. มีสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและมีมูลค่ามหาศาล หากสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งในส่วนของโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงและโครงข่ายสายไฟฟ้า ซึ่งถือว่าจะเข้ามาเป็นคู่แข่งสำคัญของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยตรง โดยคาดว่าอัตราค่าบริการก็จะไม่สูงไปกว่าอัตราค่าบริการด้วยระบบเอดีเอสแอลเนื่องจากต้นทุนการให้บริการผ่านสายเคเบิลใยแก้วของการไฟฟ้าทั้ง 3 รายต่ำกว่าและเข้าถึงครัวเรือนได้ครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ

"ในส่วนของโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง โดยปกติ การไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งติดตั้งระบบสายเคเบิลใยแก้วนำแสงไว้เป็นเครือข่ายสื่อสารในการตรวจสอบจุดไฟฟ้าดับ ซึ่งไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้เพิ่ม แต่หากนำมาให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ก็จะมีรายได้เพิ่มเข้ามา ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ นอกจากธุรกิจหลักของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง นอกจากนี้การไฟฟ้าทั้ง 3 รายยังได้เปรียบผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมรายอื่นๆ เพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าพาดสายเคเบิลบนเสาไฟฟ้า ทำให้ต้นทุนในการให้บริการต่ำกว่า แต่ข้อได้เปรียบที่ถือว่ามีความสำคัญมากก็คือ การเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศอย่างครอบคลุม มากกว่าฐานลูกค้าของ ทีโอที ทรู และทีทีแอนด์ที รวมกัน มากกว่าฐานลูกค้าเคเบิลทีวี"

สำหรับการให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านสายไฟฟ้ากำลังนั้นเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว แต่ว่าที่ผ่านมาระบบยังไม่ค่อยเวิร์กเนื่องจากยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกอยู่หลายๆ ประการ เช่น ให้บริการได้เฉพาะในสายเดียวกัน หากเป็นสายไฟฟ้าต่างเส้นกัน จำเป็นต้องลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมสัญญาณระหว่างสายไฟฟ้าทั้ง 2 เส้นเข้าด้วยกัน และเมื่อถึงสถานีไฟฟ้าย่อยหรือจุดจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่อาคารบ้านเรือน เช่น หม้อแปลง สัญญาณจะถูกตัดขาด จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ทวนสัญญาณเพื่อสร้างสัญญาณขึ้นมาใหม่และนำส่งต่อไปยังปลายสายอีกด้าน ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อจำกัดเพราะมีการส่งสัญญาณแบบรีจิสเตอร์เป็นช่วงๆ

ดร.ถวิล กล่าวว่า แม้การไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งจะมีขุมทรัพย์โครงข่ายสื่อสารมูลค่ามหาศาลอยู่ในกำมือ แต่การขออนุญาตเพื่อเปิดให้บริการด้านโทรคมนาคมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทาง กทช.เองก็ต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น มีประสบการณ์ มีศักยภาพ มีแผนงานและมีความพร้อม เป็นต้น ไม่ใช่แค่มีโครงข่ายและมีเงินก็สามารถขอไลเซ่นส์เปิดให้บริการได้ทันที ประเด็นที่กล่าวถึงนี้น่าจะเป็นตัวเลือกสำคัญในการอนุญาตไลเซ่นส์ของ กทช. หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไปไม่รอดแน่ กทช.คงไม่อนุญาตไลเซ่นส์ง่ายๆ

"หากได้ไลเซ่นส์มาแล้ว แต่เปิดให้บริการไม่ได้ หรือเปิดให้บริการได้ แต่ขาดประสบการณ์ ธุรกิจก็ไปไม่รอด สุดท้ายผลเสียก็ตกอยู่ที่ผู้บริโภค และอาจเปิดช่องให้เอกชนรายอื่นเข้ามาฮุบผลประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย ทางเลือกหนึ่งที่มองเห็นกันอยู่กลายๆ ก็คือ การไฟฟ้าทั้ง 3 รายอาจร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจสื่อสารอย่าง ทีโอที กสท. เอไอเอส ดีแทค ทรูและออเร้นจ์ หรือแม้กระทั่ง ฮัทช์ เพื่ออาศัยประสบการณ์ของค่ายสื่อสารมาเปิดให้บริการในรูปแบบทริปเปิ้ล เพลย์ จุดนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่มีความเป็นไปได้สูง"

เมื่อพิจารณาจากความสามารถในการให้บริการแบบทริปเปิ้ล เพลย์ คือ เสียง ข้อมูลและภาพเคลื่อนไหว หากการไฟฟ้าทั้ง 3 รายสามารถเปิดให้บริการได้ เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมาก เพราะเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายจากการใช้โทรศัพท์บ้าน ค่าบริการอินเตอร์เน็ตแบบแนร์โรว์แบนด์หรือแบบบรอดแบนด์ และค่าบริการเคเบิลทีวี ที่จะต้องจ่ายแล้ว ค่าบริการโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ตและวิดีโอจากการไฟฟ้าทั้ง 3 รายผ่านสายไฟฟ้าเพียงเส้นเดียว คาดว่าเป็นอัตราที่น่าสนใจกว่าและคุ้มค่ากว่ามาก

ไฮสปีดเน็ตผ่านเคเบิล

ที่ผ่านมา กฟภ. และ กฟน. จับมือกับ "ไฟเบอร์ทูเดอะโฮม" กำลังทำการทดสอบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสายเคเบิลใยแก้ว ซึ่งมีศักยภาพรองรับการรับชมทีวี การศึกษาทางไกลและบริการความบันเทิง โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2549 พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และ นายเพอร์รี เฮด รักษาการอัครราชทูตออสเตรเลีย ได้ร่วมการเปิดตัวไฟเบอร์ ออพติก เทคโนโลยีแบบใหม่ของกลุ่มผู้พัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์ ออพติก จากออสเตรเลีย โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาทดสอบในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นประเทศที่ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ด้วยการใช้สายไฟเบอร์ ออปติก (เอดีเอสเอส) ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งได้วางระบบไว้แล้ว โดยเป็นเครือข่ายสื่อสารอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงขนาด 100 เมกะบิตต่อวินาที เมื่อทำการวางระบบติดตั้งในบ้านเรือนประชาชน ซึ่งจะทำให้สามารถดูทีวี ใช้โทรศัพท์ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น

ในการทดสอบกับ กฟภ. จะใช้เวลาทดสอบระบบนาน 6 เดือน ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต นครศรีธรรมราช และกรุงเทพฯ ระบบที่ทดสอบครอบคลุมทั้งการให้บริการข้อมูลด้านการศึกษาทางไกล การแพทย์ทางไกล และการบริการด้านความบันเทิง ในกลุ่มลูกค้าจังหวัดละ 1,000 แห่ง โดยผู้ใช้จะติดตั้งเพียงเซ็ทท็อปบอกซ์ 1 ตัวเท่านั้น ก็สามารถใช้อุปกรณ์ดังกล่าวได้ หากผลการทดสอบระบบเป็นที่พอใจ ก็จะเปิดใช้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป ซึ่งจะทำให้ครัวเรือนที่มีโครงการข่ายของการไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้มากขึ้น

นายกอบศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการบริหารบริษัท ไฟเบอร์ทูเดอะโฮม จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้กิจการไฟฟ้าของแต่ละประเทศกลายเป็นผู้ให้บริการโครงการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งคาดว่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญของกิจการโทรคมนาคมโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าอัตราค่าบริการจะไม่สูงไปกว่าผู้ให้บริการด้วยระบบเอดีเอสแอล เนื่องจากต้นทุนไฟเบอร์ ออปติก ของการไฟฟ้าต่ำกว่าและเข้าถึงครัวเรือนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เนื่องจากเดิมเครือข่ายไฟเบอร์ ออปติก ถูกใช้งานเป็นเครือข่ายสื่อสารในการตรวจสอบจุดไฟฟ้าดับ

ในส่วนของ กฟน. เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ได้จับมือกับบริษัท ฟรีอินเตอร์เน็ต จำกัด ทำการทดลองเทคโนโลยีใหม่ FTTH หรือ Fiber to the Home สำหรับให้บริการในการรับ-ส่งสัญญาณภาพ เสียงและข้อมูลผ่านสายเคเบิลใยแก้วนำแสงในพื้นที่เขตจำหน่ายของ กฟน. ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรีและสมุทรปราการ มีระยะเวลาในการทดลองนาน 1 ปีและจะทดลองกับลูกค้ารายละไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมในการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมเพื่อหารายได้เสริมนอกเหนือจากธุรกิจหลัก

หวั่นยักษ์สื่อสารฮุบไฟเบอร์ออพติก

รายงานข่าวจาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความเป็นไปได้ของการรุกเข้าสู่กิจการโทรคมนาคมของ การไฟฟ้าทั้ง 3 ราย ว่า กฟผ. กฟน.และ กฟภ.มีโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่ครอบคลุมกว้างขวาง ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบมากสำหรับการให้บริการโทรคมนาคม รวมไปถึงเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องที่ถือได้ว่าไม่เป็นรองใคร แต่จุดที่เสียเปรียบก็คือ ไม่มีประสบการณ์ เพราะธุรกิจโทรคมนาคมไม่ใช่ธุรกิจหลัก รวมไปถึงตัวแปรอื่นๆ อีกมากมายที่คนขายไฟฟ้าไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ

"สำหรับบริษัทลูก EGAT TELECOM ของ กฟผ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจด้านโทรคมนาคมผ่านสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่พาดผ่านเสาไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ได้เปรียบในด้านต้นทุนเพราะไม่ต้องเสียค่าเช่าพาดสายบนเสาไฟฟ้า แต่หากบริษัทที่ตั้งขึ้นมานี้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่ากลุ่มธุรกิสื่อสารจะพยายามเข้าไปกว้านซื้อหุ้นเพื่อหาโอกาสฉกชิงผลประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่"

นอกจากบริษัทโทรคมนาคมในเครือของ กฟผ.แล้ว คาดว่า บริษัทลูกของ กฟน. และ กฝภ. ที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินกิจการด้านโทรคมนาคม ก็คงตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มยักษ์สื่อสารด้วยเช่นกัน หากมีการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะถูกกว้านซื้อหุ้นไว้หมด เมื่อการบริหารจัดการไม่เป็นไปตามเป้า โอกาสที่จะถูกฮุบด้วยนักลงทุนที่มีสายป่านและมีประสบการณ์มากกว่าก็เป็นไปได้สูง เนื่องจากธุรกิจโทรคมนาคมเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง และต้องอาศัยประสบการณ์อย่างสูง จึงจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง

[คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]

จากคุณ : ThePong+ - [ 24 มี.ค. 49 09:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12

(ต่อ)

แฉผลประโยชน์เอี่ยวแปรรูป กฟผ.

นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เชื่อว่าน่าจะมีวาระซ่อนเร้น เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่ามีผลการสำรวจที่ประชาชนไม่เชื่อว่า การแปรรูป กฟผ. จะทำให้การบริหารใน กฟผ.ดีขึ้น ไม่เชื่อว่าผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน แต่ประชาชนกลับเชื่อว่าเป็นการขายสมบัติชาติและยังกังขาเรื่องการแปรรูปที่ทำไมจึงต้องแปรรูปสิ่งที่ไม่สร้างรายได้รวมไปด้วย เช่น สายส่งไฟฟ้า เขื่อนทั้ง 21 แห่ง ซึ่งการนำสายส่งไฟฟ้าไปแปรรูป ทั้งที่ได้มาจากการเวนคืนที่ดินของประชาชน ถือว่าประชาชนถูกลิดรอนสิทธิและทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะเอาทรัพย์สินไปทำกำไร ซึ่งจะได้ประโยชน์กับคนไม่กี่คน

"การที่นำสายส่งไฟฟ้าไปแปรรูป เพราะจะเป็นประโยชน์กับระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงในอนาคต ซึ่งสามารถส่งผ่านข้อมูลในระบบดิจิตอล อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ธุรกิจโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งพัฒนาไปถึงขั้นการส่งผ่านข้อมูลผ่านสายไฟฟ้าที่เรียกระบบนี้ว่าบีพีแอล (Broadband Over Power Line) ซึ่งจะเป็นการพ่วงระบบต่าง ๆ เหล่านี้ผ่านระบบสายส่งไฟฟ้า ดังนั้น ผู้ดำเนินกิจการโทรคมนาคมก็อยากเข้ามาดำเนินการ เพราะหากต้องลงทุนพัฒนาสายส่งทั่วประเทศต้นทุนจะมหาศาลไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน หรือแม้กระทั่งหากพัฒนาระบบข้อมูลผ่านดาวเทียมที่มีบางบริษัทดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ก็มีข้อจำกัดเรื่องสภาพอากาศ ทำให้การส่งข้อมูลไม่ราบรื่น และไม่ดีเท่าข้อมูลผ่านเครือข่ายภาคพื้นดินของใยแก้วนำแสง"

นายเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบพบว่าการไฟฟ้าก็ได้ดำเนินการทำโครงการเคเบิลไว้แล้วเพื่อใช้ติดต่อกันระหว่างสถานี และยังพบว่าแม้การแปรรูปยังไม่เสร็จเรียบร้อย แต่ บมจ. กฟผ. ได้ตั้งบริษัทลูกชื่อ "กฟผ.โทรคมนาคม" เพื่อนำเครือข่ายสื่อสารใยแก้วมาให้เอกชนเช่า ในขณะเดียวกันก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมได้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาใหม่อีก 3 บริษัท ที่หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงประจวบเหมาะหรือเป็นการแต่งตัวรอเพื่อตักตวงผลประโยชน์จาก บมจ.กฟผ. ในอนาคตหรือไม่

"ทั้งนี้ สายส่งไฟฟ้าไม่ควรแปรรูป ซึ่งจนถึงวันนี้ระบบเคเบิลใยแก้วจะถูกครอบงำโดยบริษัทธุรกิจเพียงบริษัทเดียว คน ๆ เดียว บริษัทอื่นจะไม่มีสิทธิเข้ามาแข่งขัน สุดท้ายการแปรรูป กฟผ. คือผลประโยชน์ของกิจการโทรคมนาคม" นายเกียรติ กล่าว และว่าจากที่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ใน กฟผ. ก็ได้ทราบถึงสาเหตุที่ไม่มีผู้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการแปรรูป เนื่องจากหากผู้ใดออกมาเคลื่อนไหวจะถูกไล่ออกและถูกตัดเงินเดือน 3 เดือนทันที ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้สหภาพแรงงาน กฟผ. ติดตามเรื่องดังกล่าว และขอให้ผู้บริหาร กฟผ. ออกมาชี้แจง

นายกรณ์ จาติกวณิชย์ รองเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ กฟผ. ที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นการพัฒนาตลาดทุน พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งใกล้ชิดกับตลาดทุนก็เห็นด้วยกับการพัฒนาตลาดทุน แต่ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นแต่ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ไปไหน และดูจะต่ำที่สุดในเอเชีย ตนยืนยันว่าการที่ดัชนีตกต่ำไม่เกี่ยวกับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่เป็นเพราะนักลงทุนไม่มั่นใจในกรณีที่รัฐบาลแทรกแซงมากเกินไป ขาดหลักธรรมาภิบาล และจะพบว่าหุ้นเกือบร้อยละ 40 อยู่ในมือของผู้ใกล้ชิดหรือผู้ที่อยู่ในคณะรัฐมนตรี ประกอบกับรัฐบาลยังไม่มีกฎหมายมารองรับ และคณะกรรมการอิสระมาดูแลหุ้นของรัฐวิสาหกิจ มีเพียงคำสั่งนายกรัฐมนตรีซึ่งถือเป็นการแทรกแซงโดยตรง ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์อยากให้รัฐบาลทบทวนการแปรรูป เพราะส่วนหนึ่งเป็นห่วงตลาดทุน

"รัฐบาลมั่นใจแล้วหรือว่าอุดช่องโหว่ที่นักการเมืองจะเข้าไปจองหุ้น กฟผ.ได้ โดยเฉพาะการซื้อหุ้นผ่านบัญชีต่างประเทศที่จัดสรรหุ้นสำหรับบัญชีต่างประเทศ จำนวน 377.5 ล้านหุ้น แต่ก็ยังมีอีกช่องหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติซื้อได้ผ่านหุ้นกรีนชูว์ที่มีจำนวน 183 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้นกรีนชูว์นี้จะเป็นหุ้นที่นำมาขายเพื่อนำกำไรมาไว้ตรึงราคาหุ้นเพื่อนำไปขายให้ชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีว่าจะโอนกำไรให้ใคร ทั้งที่ที่ผ่านมาการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็มีประชาชนจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลและ ก.ล.ต. ก็ไม่มีมาตรการควบคุมดูแลนักการเมืองที่ซื้อผ่านสถาบันการเงิน ทั้งนี้สามารถไปตรวจสอบดูได้จากหุ้น ปตท. ปตท.สผ. และราชบุรี ที่รายละเอียดของผู้ถือหุ้นจะพบว่าตั้งบริษัทเล็ก ๆ มาคอยซื้อหุ้นโดยเฉพาะ เมื่อตรวจสอบก็จะพบรายชื่อของเจ้าของบริษัทต่างๆ"

จากคุณ : ThePong+ - [ 24 มี.ค. 49 09:51:32 ]