PANTIP.COM : P4222050 กรณีการตั้งคนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนมาเป็นกก.แปรรูป กฟผ. คุณคิดว่ารัฐบาลไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้ []

ความคิดเห็นที่ 16

เอาเป็นว่า คุยกันเล่นๆ

ดร.โอฬารนั้นมีความเหมาะสม และมีความรู้ความสามารถดี

แต่ประเด็นที่บอกว่าเป็นปัญหา คือ การดำรงตำแหน่งกรรมการชินคอร์ป ที่ทำธุรกิจด้านสื่อสาร

ในขณะที่ กฟผ.เมื่อแปรรูปแล้วได้ตั้งบ.กฟผ.โทรคมนาคม ซึ่งน่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน

ข้อเท็จจริงก็คือ บ.กฟผ.โทรคมนาคมจะทำผ่านสายไฟเบอร์ออบติค ซึ่งเอไอเอสไม่ได้ทำ

สำหรับกรณี ดร.โอฬารเป็นบอร์ด ปตท.ซึ่งมีธุรกิจกับกฟผ.แสดงถึงผลประโยชน์ทับซ้อน หมายความว่า เกรงว่า ดร.โอฬารจะดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของ ปตท.มากกว่า กฟผ.

ประเด็นนี้ ก็เป็นประเด็นคาดการณ์(เอาเอง) ปรกติแล้วในบอร์ดปตท.และบอร์ดกฟผ. ก็มีการแต่งตั้งไขว้กันอยู่แล้ว เพื่อให้รับรู้การดำเนินการร่วมกัน ก่อนหน้าอ.ชัยอนันต์มาเป็นประธานบอร์ด กฟผ.ตัวประธานบอร์ดเก่า คือ นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งก็เป็นประธานบอร์ดปตท.ด้วย เป็นต้น

อย่างไรก้ตาม ในตามกม.ปกครอง มีไว้ว่า แม้กรรมการจะมีปัญหาคุณสมบัติไม่ได้หมายความว่า ผลการพิจารณามีปัญหาไปด้วย

ตรงนี้ ศาลปกครองแถลงกันไว้ว่า การมีปัญหาคุณสมบัติ เป็นการขัดกม.ที่มีนัยยะสำคัญร้ายแรง...

กรณีอ.ปริญญา นุตาลัย มีปัญหาเรื่องการเป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งมาทำหน้าที่ประธานประชาพิจารณ์ไม่ได้นั้น ความจริงแล้ว อ.ปริญญา เป็นเอนจีโอด้านสิ่งแวดล้อมมาก่อน รัฐบาลคิดว่าน่าจะเหมาะสมเพราะอ.ปริญญเคยทำหนาที่ประธานมาหลายครั้งแล้ว และกก.กฤษฎีกาเคยตีความไว้ว่า ไม่ถือเป็นข้าราชการการเมือง

ทั้งสองกรณีนี้ ทางฝ่ายกฟผ.เขายืนยันว่า ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง แต่งตั้งไปตามความเหมาะสม

ส่วนเรื่องอำนาจเวนคืน ก็เป็นไปตามความเห็นของกฤษฎีกาที่ให้แนวไว้

ทางฟากกระทรวงพลังงานและกฟผ.เขาก็กุมขมับ เพราะอุทธรณ์ไม่ได้ จะไปชี้แจงหรือแย้งอะไรก็ไม่ได้แล้ว

คงต้องรอ นักกฎหมายรุ่นหลังๆหยิบคำสั่งนี้มีมาเป็นกรณีศึกษา..

จากคุณ : จิ๋ม นางเลิ้ง - [ 24 มี.ค. 49 15:43:35 ]