ความคิดเห็นที่ 5
เสาะหามาให้อ่าน องค์กรพุทธฯได้ฤกษ์รวมพลเปิดเกมเช็กบิล"สันติอโศก"
วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2549 มหามงกุฎราชวิทยาลัย-ประธานสภาพุทธบริษัทเดินหน้าเช็คบิล"สันติอโศก"เตรียมชงวาระด่วนเข้าที่ประชุมศูนย์พิทักษ์ฯเพื่อวางยุทธศสาตร์ในการขับเคลื่อน พร้อมขยายแนวร่วมนำเสนอกรรมธิการการมีส่วนร่วมฯวุฒิสภาร่วมหาช่องทางด้านกฏหมายขจัคมารพระพุทธศาสนา ขณะที่ด้าน"มหาโชว์"เปิดเกมแยกกันตี พุ่งเป้าสกัดจำลองโดยตรง เตรียมระดมพระ 5พันรูปสวดแผ่เมตตา พร้อมยืนยันยังไม่กำหนดวันเวลาสถานที่แต่ไม่ใช้สนามหลวงแน่นอน เพราะไม่ต้องการให้เกิดการกระทบและสร้างความแตกแยกให้กับผู้คนในสังคม หลังจากที่"สยามธุรกิจ"ได้เปิดประเด็น"จับตาศึกพระ หลังศึกม๊อบ:เช็คบิลสันติอโศก"ซึ่งเป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของเครือข่ายองค์กรศาสนาพุทธที่จะดำเนินการขจัดภัยพระพุทธศาสนา อันเป็นผลมาจากกรณีนักบวชของสันติอดศกแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์และออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสื่อมเสียในพระพุทธศาสนา ล่าสุดทางเครือข่ายองค์กรด้านพระพุทธศาสนาได้เริ่มปฎิบัติการณ์เช็คบิลสันติอโศกอย่างเป็นทางการ โดยผศ.เสถียร วิพรมหา อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามงกุฎราชวิทยาลัยในฐานะประธานสภาพุทธบริษัทแห่งประเทศไทยได้เข้าแจ้งความจับกุมสมณะโพธิรักษ์ที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยผศ.เสถียรได้กล่าวร้องทุกข์ว่าจากการที่คณะบุคคลแห่งสำนักสันติอโศกโดยมีสมณะโพธิรักษ์เป็นแกนนำได้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อล้มล้างรัฐบาลทักษิณ ด้วยการแสดงพฤติกรรมเลียนแบบพระสงฆ์ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและเกิดการเกลียดชังพระสงฆ์ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดความเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา เครือข่ายพุทธศาสนารวมพล กำหนดท่าทีขยายแนวร่วมสยบสันติอโศก อย่างไรก็ตามการออกมาเคลื่อนไหวกล่าวร้องทุกข์ให้มีการจับกุมสมณะดพธิรักษ์นั้น ทางผศ.เสถียร วิพรมหา ประธานสภาพุทธบริษัทแห่งประเทศไทยได้กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมต่อ"สยามธุรกิจ"ว่า ตนได้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มสันติอดศกมาตั้งแต่ออกมาความเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเมื่อหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจได้หยิบเอาประเด็นความสับสนของประชาชนว่าสันติอโศกเป็นพระจริงหรือไม่มาเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับรู้ จึงทำให้ตนมีความคิดว่าเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทที่จะต้องออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะก่อนหน้านั้นในปี2536สมณะโพธิรักษ์และนักบวชในสังกัดโดนศาลพิพากษามาแล้วให้จำคุก 6เดือนในความผิดแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์แต่ให้รออาญาเอาไว้ แต่ยังมีพฤติกรรมเลียนแบบพระสงฆ์อีก ดังเห็นได้จากพฤติกรรมในการร่วมชุมนุมทางการเมือง ทางกลุ่มนักบวชสันติอโศกมีกิจกรรมเหมือนกับพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการออกบิณฑบาตรหรือการสรรพนามแทนตัวว่าอาตมา และแม้ว่าทางสันติอโศกจะออกมายืนยันว่าเป็นไม่ได้เลียนแบบแต่งการแบบสงฆ์ไทย แต่ถือเป็นสงฆ์ชาวอโศก ซึ่งถือว่าเป็นนานาสังวาสหรือแตกต่างกัน "ผมขอยืนยันว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เอาอย่างง่ายๆสรรพนามที่แทนตนว่าอาตมานั้น เป็นสรรพนามที่ใช้แทนคำว่าพระสงฆ์เท่านั้น และที่สำคัญศาลได้พิพากษาไว้แล้วว่าการแต่งกายได้กล่าวถือเป็นการเลียนแบบพระสงฆ์ ซึ่งถ้ากลุ่มสันติอดศกยังจำกัดขอบเขตของตนอยู่แต่ในพื้นที่ของตนเองไม่เท่าไหร่ ต่อเมื่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองและสาธารณชนได้รู้เห็นอย่างนี้ ถือได้ว่าเป็นการสร้างความเข้าใจผิดทำให้เกิดความเสื่อมเสียในพระพุทธศาสนา เพราะพฤติกรรมดังกล่าวขัดต่อกิจวัตรและพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง และผมขอยืนยันว่าถ้าผมพบเห็นมีการบิณฑบาตรหรือแสดงพฤติกรรมอื่นใดให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่าเป้นพระสงฆ์ ผมจะแจ้งตำรนวจจับกุมทันที เพราะได้แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้ว"ผศ.เสถียรกล่าว ผศ.เสถียรกล่าวต่อไปอีกว่า การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ตนขอยืนยันว่า เป็นการออกมาในนามส่วนบุคคลไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรศสานาอื่นใดที่ตนสังกัดอยู่ แต่จากการที่ได้ปรึกษาหารือในเบื้องต้นหลายองค์กรมีความเห็นพ้องต้องการที่จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา แต่ที่ยังไม่ดำเนินการอะไรเป้นเพราะต้องรอวันประชุมเพื่อกำหนดท่าทีอย่างเป็นทางการ สำหรับศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งตนเองเป็นกรรมการอยู่นั้น กรรมการส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าการประชุมในนัดต่อไปจะมีการหารือถึงเรื่องนี้เพื่อกำหนดท่าทีออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งในส่วนตนจะเสนอให้ร่นเวลางานวัน"สงฆ์ประชาปิติ"จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะจัดงานในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้เพื่อรำลึกถึงวันแห่งการรวมพลต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการจัดตั้งกระทรวงพุทธศาสนาและวัฒนธรรม จะเสนอให้มาจัดในช่วงนี้แทน นอกจากนี้ในฐานะที่ตนเป็นอนุกรรมมาธิการการมีส่วนได้ส่วนเสียของประชาชน ศาสนาวัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์วุฒิสภา ซึ่งมีนายกำพล ภูมณี เป็นประธานคณะกรรมาธิการ จะนำเอาประเด็นดังกล่าวไปหารือในที่ประชุมวันศุกร์ที่ 17 มีนาคมเพื่อกำหนดท่าทีในเรื่องนี้และเตรียมการเอาไว้เพื่อให้สภาชุดใหม่ได้ดำเนินการไปสานต่อ ในส่วนที่ถือว่าได้ดำเนินการในรูปแบบขององค์กรอย่างเป็นทางการได้ดำเนินการไปแล้วหนึ่งกิจกรรมนั้นก็คือการที่สภาพุทธบริษัทแห่งประเทศไทยออกมาแถลงการณ์ให้พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยุติการนำเอาศาสนามาต่อรองทางการเมือง รวมไปถึงการขอร้องให้กลุ่มสันติอโศกยุติการกระทำที่สร้างความแตกแยกในพระพุทธศาสนา พร้อมกับเตรียมการนิมนต์พระสงฆ์กว่า 5,000 รูปมาสวดพระพุทธมนต์เจริญภาวนาเพื่อความสันติ "ต้องขอยืนยันว่าการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดเจริญภาวนานั้นทางสภาพุทธบริษัทฯยังไม่ได้กำหนดวันเวลาและสถานที่ นั้นก็หมายความว่ากระแสข่าวที่มีออกมาว่าจะใช้พื้นที่สนามหลวงทำพิธีกรรมนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะไม่ใช้สนามหลวง เพราะไม่ต้องการให้เกิดการกระทบซึ่งกันและกันซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม อันเป็นเจตนารมย์ที่ทางสภาพุทธบริษัทและศูนย์พิทักษ์ศาสสนาได้แถลงการณืมาก่อหน้านั้นแล้ว "ขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่าความเคลื่อนไหวของตนในการแจ้งความจับกุมสมณะโพธิรักษ์และนักบวชในสังกัดและการเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการขององค์กรด้านศาสนาพุทธต่อกรณีนี้ มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเท่านั้นคือไม่ต้องการให้สมณะโพธิรักษ์และนักบวชในสังกัดเป้นต้นเหตุที่จะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศสานาและเกลียดชังพระสงฆ์ ส่วนความเคลื่อนไหวที่มีการเรียกร้องให้พล.ต.จำลองยุติการนำเอาศาสนาเป็นเกมการเมืองถือเป็นอีกวัตถุประสงค์หนึ่งและการต่อสู้ในส่วนนี้ได้มีการมอบหมายให้พระมหาโชว์ ทัสสะนีโย ผู้อำนวยการสวนธรรมนิเทศ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยเป็นแกนนำในการดำเนินงาน"ผศ.เสถียรกล่าวในที่สุด
ความเห็น ไม่พอใจจำลองกันสมณะโพธิรักษ์ ความเห็นโดย ไม่ประสงค์ออกนาม เรื่อง 2006-03-26 23:28:24 -------------------------------------------------------------------------------- ในนามของพุทธศาสนิกชน ไม่พอใจมาก และบาดตาบาดใจกับภาพที่คนห่มผ้าสีกรัก ออกบิณฑบาตร และแทนตัวเองว่าอาตมา หลายคนถามและหลายคนก็ไม่รู้ ทาง มส. น่าจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวางจะได้รับรู้เ รื่องราวได้ทำความเข้าใจ ว่าพุทธศาสนากำลังเกิดอะไรขึ้น เห็นประเทศชาติเป็นของเล่น ความเห็นโดย ไม่ประสงค์ออกนาม เรื่อง 2006-03-21 17:12:31 -------------------------------------------------------------------------------- กระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 5ธ.ค48.ในทำนองให้ทุกฝ่าย เลิกแล้วต่อกัน หลังจากนั้น ทักษิณก็ถอนฟ้องนายสนธิทุกคดี ตรงกันข้าม นายสนธิกลับเล่นไม่เลิก ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่ชอบทักษิณอยู่เหมือนกัน แต่ ณ. วันนี้ มีแต่ความเห็นอกเห็นใจ รวมทั้ง จำลองด้วยเอาศาสนามาปู้ยี่ปู้ยำ เมื่อไหร่จะเลิกสักที เบื่อมากๆๆๆๆๆๆๆโว้ย
จากคุณ :
. (หนานยา)
- [
26 มี.ค. 49 23:55:59
]
|
|
|