ความคิดเห็นที่ 1 2. การหมิ่นพระสังฆราช ของ นสพ.มติชน ราว 10 ปีก่อน มติชนได้ตีพิมพ์ข้อความ ที่เผลอเรอไปแสดงถึง คดีการหมิ่น สมเด็จพระสังฆราช รายละเอียดไม่ใคร่แน่ชัดนัก ในเรื่องการหมิ่น แต่ ท้ายสุด หนังสือพิมพ์ยอมรับ --- ผล --- มติชน รายนวัน ลงข้อความขออภัยต่อสมเด็จพระสังฆราช เป็นพาดหัวไม้ หน้าหนึ่ง ก่อนที่จะแสดง ความรับผิดชอบ โดย ปิดตนเอง เป็นเวลา 3 วัน !!!! ฤา.. สิ่งที่ คม ชัด ลึก ทำในปัจจุบัน จะลอกแบบ การสำนึกคึวามผิดมาจาก มติชน ในกรณีหมิ่นพระสังฆราช นี้ ------------- 3. การละเมิดสิทธิมนุษยชน ของ ไทยรัฐ ผ่าน ใหม่ เจริญปุระ และ ตุ๊กตาหมีน้อย ในกรณีบุคคลทั่วไป นสพ.ย่อมให้ความสำคัญน้อยลง สื่อที่ได้รัยบคำก่นด่า จากผู้อ่าน หรือ ชนชั้นกลางมากที่สุดในยุค 10-20 ปีที่ผ่านมา ย่อมหนีไม่พ้น ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ อย่างไทยรัฐ ราว 10 ปีก่อน คุณใหม่ เจริญปุระ ได้ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเธออย่างแรง โดย ไทยรัฐ ได้มีการตีพิมพ์ภาพถ่ายของเธอ หลายภาพ และมีการคาดตาไว้เล็กน้อย บนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ตน ในยุคเริ่มต้นสุดของ Internet กระแสสาบแช่งไทยรัฐในขณะนั้น จึงยังไม่แพร่หลายนัก หากแต่ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ สื่อ นสพ.ด้วยกัน ที่กำลังสร้างตัวเอง เพื่อขึ้นมาเป็นคู่แข่ง นสพ.หัวสี อย่าง "ข่าวสด" ซึ่งค่ายมติชน พยายามปั้นหัว นสพ.ใหม่ ให้ขึ้นมาแข่งกับ ไทยรัฐ กลับเป็น ข่าวสด ทำหน้าที่เป็นตัวแทนสังคม ที่เป็นฝ่ายที่โจมตีไทยรัฐ อย่างมาก --ผล --- เท่าที่จำได้ ไม่มีคำขอโทษใดๆ แบบทันควัน จากไทยรัฐ ต่อคุณใหม่ จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 12:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 4. การตกแต่งรูปของ นสพ. กรุงเทพธุรกิจ ในกรณี สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีนี้ แม้จะไม่ใช่การหมิ่นใดๆ แต่ แสดงถึงบาบาทของสังคม ที่มีการ "ตรวจสอบ" ฐานนันดรที่ 4 การที่ช่างภาพและนักข่าว ของ กรุงเทพธุรกิจ (เครือ เดอะ เนชั่น และ คม ชัด ลึก) ที่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่โจรใต้ถืออยู่ในภาพ จาก ปลอกมีด เป็น ดาบเชิงกริช (ซึ่งแสดงถึงอาวุธของนักสู้ในเชิงอิสลาม) ย่อมแสดงถึงจุดประสงค์แอบแฝงของผู้กระทำ ในการบิดเบือนภาพ ไว้ชัดเจน -- ผล -- กรุงเทพธุรกิจ ภายหลังรับทราบ ได้ลงข้อความรับผิด และขออภัย เล็กๆๆ ใน นสพ. ตนเอง และ ไม่มีมาตรการใดๆต่อ บรรณาธิการ ในขณะนั้นแต่อย่างใด จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 12:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆมีภาพ แต่ตอนนี้ บางพันทิปคงมีปัญหากับระบบ เดี๋ยว คงนำมาให้ดูภายหลัง แต่ เชื่อไหมครับว่า กรณีการถูก "จับผิด" ของกรุงเทพธุรกิจ ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่ช่วยกดดัน ถูกจุดขึ้นมาจาก พันทิป ห้องราชดำเนิน นี่เอง คล้ายกันกับ กรณีของ คม ชัด ลึก ล่าสุด ที่ แม้จะเริ่มจาก ม๊อปจตุจักร แต่ กระแสที่ พันทิปก็รุนแรง และ ทำให้ คม ชัด ลึก เอง ทนอยู่เฉยไม่ไหว และ ยอมรับความผิดในที่สุด จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 12:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากนี้ การบิดเบือนข่าว ของค่าย The Nation นกรณีวิกฤตสังคมของนายกทักษิณปีนี้ ก็ได้เกิดขึ้นอีก เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน.. การพาดหัวของ The Nation ที่บ่งบอกว่า มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือของตนเอง บอกว่า จากการประชุมของคณะองคมนตรี ได้มีการ เปลี่ยนแปลง (ภาษาไทย คือ ปลด) ประธานคณะกรรมการที่จัดงานเฉลิมฉลอง งานครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ นายกทักษิณ เป็นอยุ่ ไปเป็นบุคคลอื่น ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ข่าวนี้ ก็ยังไม่เป็นจริงแต่อย่างใด --ผล -- The Nation ยังยืนยัน ในแหล่งข่าวของตนเอง จนถึงปัจจุบัน... จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 12:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าจำไม่ผิดคดีมติชนนี่ทางมติชนปิดตัวไป ๑๐ วันเต็มหรือเปล่าคะ จำได้ว่าปิดไปนานหลายวันน่าจะมากกว่า ๓ วันค่ะ ขอโทษค่ะ คิดว่าโพสต์เสร็จแล้ว ไม่ได้ตั้งใจแทรกค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 49 13:04:29 จากคุณ : มรกตนาคสวาท - [ 30 มี.ค. 49 12:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 5. คดีหมิ่นพลเอกเปรม ของ นายสมัคร สุนทรเวช เช้าวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ 2549 รายการวิเคระห์การเมืองและสังคม ทางช่อง 5 ของนายสมัคร สุนทรเวช และ อ.ดุสิต ศิริวรรณ สองนักการเมือง ขวาจัด ได้ทำการวิจารณ์ บทบาทของพลเอกเปรม ประธานองคมนตรี ที่ไปให้ speech ในงาน ให้โอวาทนักศึกษาปริญญาเอก ของ สถาบันราชภัฎ สวนดุสิต ตามคำเชิญ ก่อนหน้านี้ ของ ดร.เสรี วงศ์มณฑา --ผล -- การวิจารณ์ ของ นายสมัคร (กรณีนี้ อ.ดุสิต ไม่ใช่คนวิจารณ์) ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเองอย่างรุนแรง สังคมได้กดดัน ให้เขาและ อ.ดุสิต ตัดสินใจยุติรายการของตนเอง ในอีก 2 วันต่อมา ในกรณีป๋าเปรมนี้ จะว่าถึงขั้นที่นายสมัคร หมิ่นประมาท ก็ไม่น่าใช่ แต่ ด้วยหมวกใบใหญ่และสวยงามของป๋าเปรม สังคมส่วนใหญ่ก็ได้พิพากษาไปแล้ว และ ก็แน่นอน ทางนายสมัคร ก็รับผิดชอบไปแล้ว... ปล. ผมมั่นใจว่า หากประโยคนี้ กรณีนี้ ของนายสมัคร ได้ถูกกล่าวเมื่อปี 2525-2527 ซึ่งป๋าเปรม ยังเป็นนายกอยู่ ลางที การตอบรับจากประชาชน อาจส่งเสียงยินดีต่อนายสมัคร ซึ่งกำลัง popular ในตอนนั้น ก็เป็นได้ จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 12:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 5   ถ้าจำไม่ผิดคดีมติชนนี่ทางมติชนปิดตัวไป ๑๐ วันเต็มหรือเปล่าคะ จำได้ว่าปิดไปนานหลายวันน่าจะมากกว่า ๓ วันค่ะ จากคุณ : มรกตนาคสวาท    - [ 30 มี.ค. 49 12:53:30 --------- ผมจำได้ว่า 3 วันนะครับ เดี๋ยวลองเช็คให้อีกครั้งครับ เป็นกรณีที่คล้ายกับกรณีปัจจุบันเลย จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากครับที่นำข้อมูลมาบอกครับผม จากคุณ : นะ (tonytui) - [ 30 มี.ค. 49 13:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 1. สวัสดีครับคุณ หมีPooH! 2. ผมค่อนข้างเห็นด้วยครับ ผมคิดว่า "สื่อนั้นจะให้ไม่มีเสรีภาพไม่ได้ แต่ถ้าให้มีเสรีภาพมากจนเฟ้อแบบปัจจุบันก็คงไม่ดี" โดยเฉพาะ "สื่อฯซึ่งมีการเลือกข้างโดยส่วนใหญ่" เช่นนี้...แต่ผมคงไม่ต้องบอกว่าข้างไหนนะครับ เพราะเราคงจะเห็นๆกันอยู่แล้ว... 3. แต่ที่ยากคือ จะหาจุดที่ลงตัว พอสมพอดี นี้มันก็ยาก เพราะปัจจุบันนี้สื่อฯ ได้กลายเป็นยักษ์บ้าไปเสียแล้ว...มันย่อมไม่ยอมสูญเสียอำนาจอีกแน่นอน จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 30 มี.ค. 49 13:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อาจจะได้ปิดยาวละครับ ตอนนี้สิบล้อกำลังปิดตึกเนชั่นอยู่ครับ http://thairath.co.th/thairath1/2548/breaking.news/bknews.php?id=25826 จากคุณ : Pollyman - [ 30 มี.ค. 49 13:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 LESE MAJESTE หรือ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถือเป็นกฏหมายพิเศษของประเทศไทย และ เป็นที่ศึกษาของต่างประเทศมากพอสมควร ทั้งในเชิง กฏหมายเอง ในเชิง ผลกระทบต่อสังคม และ บทบาทต่อ สถาบันกษัตริย์ในระยะยาว ภายใต้การใช้กฏหมายนี้ ประเทศอย่างอังกฤษหรือ ญี่ปุ่น ไม่ได้มีการตราเอาไว้... แน่นอนว่า ทุกอย่างต้องมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ในเรื่องละเอียดอ่อน เช่นการณีนี้ ก็เช่นกัน ฝ่ายซ้ายในประเทศไทย หลายคนก็ถูกผลลัพธ์ จากกฏหมายนี้ และ ถูกสังคมส่วนใหญ่พิพากษา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กรณีของ สศษ. (คุณ สุลักษณ์ ศิวลักษ์) ที่มักจะมีบทความในแนวทาง ซ้าย และ ออกมาในเชิงไม่ใคร่เป็นบวกนัก ในมุมมองของประชาชนทั่วไป อ. สศษ. เองก็เคยถูกฟ้องดำเนินคดี ในกรณีหมิ่นฯ หลายครั้ง แต่เท่าที่ทราบมาคือ ไม่มีการเอาผิดได้จริงแต่อย่างใด อาจารย์ ส. หลุดหมดแทบทุกคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในปี 2527 อ.สศษ. ถูกจับในข้อหา หมิ่นพระบรมฯ นี้ แต่ ในภายหลังมีสื่อ และองค์กรตะวันตกมากมายได้ทำการประท้วง การจับกุม จนกระทั่ง กดดันให้ อ.สุลักษณ์ ถูกปล่อยออกมาในที่สุด ในปี 2534 เมื่อ อ.สุลักษณ์ ไปปาฐกถาที่ มธ. เกี่ยวกับบทาที่เสื่อมถอยของประชาธิปไตยของไทย เขาก็โดนข้อหานี้อีกครั้ง คราวนี้ เขาต้อวหนีไป ตปท. และได้ติดต่อเพื่อสู้คดีกับทางศาล จนเขาชนะดคี ในอีกไม่กี่ปีต่อมา... ในส่วนกรณีของ นายวีระ มุสิกพงษ์ ราว 15 ปีก่อน ก็ได้มีการพูดปราศรัยในทางการเมือง ที่ภาคใต้ และ ได้อุปมา อุปไมย ในเชิงเปรียบเทียบชีวิตตนเอง (นายวีระ) ต่อ ชีวิตของชนชั้นสูง ผลคือ นายวีระ ถูกศาลตัดสินให้เข้าคุก ในคดีหมิ่น นี้ และ ส่งผลต่อความเชื่อถือของประชาชน ต่อตัวนายวีระอย่างรุนแรง นายวีระ แห่งพัทลง ไม่เคยได้รับเลือกเป็น สส.เขต อีกเลย นับแต่นั้นเป็นต้นมา... --- เข้ามาเพิ่มเรื่อง สศษ --- แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 49 13:35:31 จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอทักทาย แฟนานุแฟน นิดนะครับ สวัสดีครับ คุณนายเจ็ดตัวอักษร # 9 ผมเอง ลองอ่าน  "สื่อนั้นจะให้ไม่มีเสรีภาพไม่ได้ แต่ถ้าให้มีเสรีภาพมากจนเฟ้อแบบปัจจุบันก็คงไม่ดี" ริงๆ ผมเองก็ไม่ได้ศึกษาด้านนิเทศน์ศาสตร์ แต่ก็มองว่า เราให้เสรีภาพสื่อได้ครับ เพียงแต่ สังคมเอง ต้องเท่าทันสื่อ และ ต้องมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ในข้อมูลที่สื่อเสนอ เพราะสื่อทุกสื่อ ย่อมมีความเห็นส่วนตน ของคนทำงานในสื่อนั้นๆ แฝงมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น กรณี iTV เมื่อก่อน หรือ ผู้จัดการ (2543-2547 เข้าข้างรัฐบาลสุดขั้ว 2548-2549 แปรตัว ด่ารัฐสุดขีด) หากเราคิดว่า คนในสังคมเรา ไม่เท่าทันสื่อขนาดนั้น (ซึ่งในความเป็นจริง ผมคิดว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ทันสื่อนะครับ) เราคงต้องอาศัยกลไก ในการกำกับดูแลสื่อกันเอง ในเชิงการประกอบวิชาชีพ และมีการลงโทษได้ จากองค์กรสื่อนั้น เหมือนเช่น ที่ผม มีสภาวิศวกร คอยดูแลการทำงาน (แต่ไม่ได้ปิดกั้นการทำงาน) สื่อมวลชน เราควรมองเป็นวิชาชีพพิเศษ เหมือนที่ สังคมมอง แพทย์ สถาปนิก ทนายความ วิศวกร ไม่ได้หมายความว่า อาชีพเหล่านี้ดีเด่นกว่าคนทั่วไป แต่ คนประกอบอาชีพเหล่านี้ สามารุส่งผลกระทบต่อ ประชาชน ในด้านความเป็นอยุ่ การบาดเจ็บ และ การเสียชีวิตๆได้ มากกว่า คนอาชีพอื่น (เลขา ชาวไร่ ชาวนา) เท่านั้นเองครับ แพทย์ (รักษาไม่ดี คนตายได้) สถาปนิก (ออกแบบตึกไม่ดี คนตายได้) วิศวกร (สร้างตึก โรงงานไม่ดี คนตายได้) ทนายความ (เอียงข้างไม่เป็นธรรม คนดีอาจติดคุกหรือตายได้) สื่อเอง ก็เช่นกัน อง๕กรสื่อในปัจจุบัน นอกจากจะไม่มี "ดาบ" ที่แข็งพอแล้ว ยังเอียงชัดเจนในการเข้าข้างกันเสมอมา และก็น่าจะอย่างนี้ไปอีกนานครับ... จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มี NGO หรือ องค์กรณ์อิสระใดบ้างที่คอยตรวจสอบสื่อ สมัยก่อน-มติชน สยามรัฐ โดยเฉพาะ รายสัปดาห์ เข้มข้นเชื่อถือได้ เดี๋ยวนี้อ่านแล้วต้องกรองอีกที. จากคุณ : gmb man - [ 30 มี.ค. 49 13:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กลับมาสู่ Lese majesty นะครับ Lese majesty ถูกเริ่มใช้ในสมัยโรมันเป็นใหญ่ เพื่อกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของ จักรวรรดิโรมัน ซึ่งเราอาจถือได้ว่า ยุคนั้น จักรพรรดิโรมัน คือตัวแทนของจักรวรรดิโรมันได้เลย (คล้ายๆกับแนวคิด "ข้าคือรัฐ" ในสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14) แต่เมื่อตะวันตก เริ่มเปลี่ยนการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐ ในช่วงหลัง มุมมองต่อ กฏหมายนี้ก็เปลี่ยนแปลงไป และมองว่า กฏหมายนี้ อาจถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ ในการประหัตประหารกันทางการเมืองได้ ดั่งที่เราท่าน เห็นกันอยุ่เสมอในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น คดีสติ๊กเกอร์  คดีวัดพระแก้ว หรือ อื่นๆ เรียกได้ว่า ประเทศไทย ไม่เคยขาดเลยในการนำคดีหมิ่นพระบรมฯ มาใช้ในการกำจัดศัตรูทางการเมืองของตนเอง จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สื่อต่างประเทศเอารูปพระศาสดามาใส่ระเบิดที่หัวแล้วอ้างเสรภาพของสื่อ คุณว่ามันถูกไหม จากคุณ : Mr.Vop - [ 30 มี.ค. 49 13:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อืม.........น่าจะมีใบประกอบวิชาชีพสื่อแบบแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปหรือวิศวกรที่มีใบกว. ควบคุมนะ  เพราะปัจจุบันการสื่อสารมีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้รับข่าวสารทุกวันนี้  แล้วควรมีการสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรมในสื่อให้ดีกว่านี้  ไม่ควรมุ่งแต่แข่งขันจนลืมประเทศชาติ  แล้วอาจลุกลามเหมือนต่างประเทศที่เป็นอยู่  เช่นการวาดการ์ตูนล้อเลียนด้านศาสนาที่เป็นปัญหาลุกลามในยุโรปที่ผ่านมา  เพราะเป็นจุดที่อ่อนไหวง่าย ๆที่ทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มประชาชนที่มีความแตกต่างกัน  และสื่อก็เป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศในการกระจายข่าวสาร หากบรรณาธิการไม่มีวิจารณญาณในการเลือกข่าวดีพอ  ดังนั้นสื่อควรเลิกเข้าข้างพวกเดียวกัน แต่ควรหันกลับมาทบทวนบทบาทของตัวเองให้ดีในการเสนอข่าวโดยยึดหลักคุณธรรมและจริยธรรมให้มากกว่านี้ จากคุณ : Honesty man (Honesty man) - [ 30 มี.ค. 49 13:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมคงไม่ขอกล่าวถึง กฏหมายนี้ในเชิงอื่น เพราะทราบดีว่า ตัวผมมีความรู้ไม่พอ แต่ อยากฝากเพื่อนในบอร์ดว่า หากต้องการให้เกิดความสงบในบ้านเมืองโดยไว.. อย่างที่พวกเราคาดหวังกันไว้ บางที การไปกดดัน คม-ชัด-ลึก เพื่อให้ จนมุม เราอาจจะต้องแลกเปลี่ยนกับ ความรุนแรง อันเกิดจาก ความโกรธหรือโมหจริต ของผู้ที่ทนไมได้ ใน สิ่งที่ นสพ. คม-ชัด-ลึก เขียนไว้ ในสังคม ความรุนแรง ซึ่งอาจนำมาถึง การสูญเสียของชีวิต ไม่ว่า ฝ่ายไหน ย่อมไม่เป็นสิ่งที่ดีแน่นอน ผมอยากให้ ใจเย็นๆ และ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามครรลองของกฏหมาย ส่วน ข้อเรียกร้องที่มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย มีต่อทาง นสพ.นั้น หากเขายังไม่ยอมตามสิ่งที่ ท่านต้องการประท้วง สิ่งที่เหมาะสมคือ เราก็แบน นสพ.ในเครือของเขาเสีย และบอกต่อไปยังเพื่อนฝูง ไม่น่าจะเป็นการไปแสดงอารมณ์รุนแรง ปานจะไปทุบแท่นพิมพ์หรือเผาตึกของเขา นะครับ... (ประท้วงเขาได้ แต่ ต้องเน้นถึงเหตุผลเป็นหลัก ไม่ใช่อารมณ์ ซึ่งเสี่ยงมากๆๆ ต่อการสูญเสียครับ..) จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบ คุณ gmb man -- คคห.13 ตอนนี้ที่ชัดเจนคือ องค์กรของสื่อเองครับ เช่น สภาการหนังสือพิมพ์ ที่ออกมาบ่อยๆว่า รัฐแทรกแซงสื่อ (???) ส่วน NGOs นี่ หายากหน่อย เพราะส่วนใหญ่ คนที่ทำงาน NGO ก็ มาจากกลุ่มที่รู้จักกับ นสพ. นั่นแหละครับ ---------- ตอบคุณ Mr.Vop  --- คคห.15 ผมก็นับถือพุทธนะครับ ย่อมไม่สบายใจ แต่ สิ่งที่ทางกระทรวงต่างประเทศทำบ่อยๆ คือ การทำหนังสือประท้วงไปยัง ประเทศ / สิ่งพิพม์นั้นๆ ซึ่ง ท้ายสุด ก็เห็นลงเอย ด้วยการ ยอมรับและขออภัยกันครับ บริบทเรื่องอย่างนี้ เวลาที่ผมพิจารณา ผมจะดูองค์ประกอบด้านวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ประกอบด้วยเสมอครับ เรามีการเชื่อถือศาสนา / กษัตริย์ ที่แตกต่างจากเขา ดังนั้น มุมมอง ความเชื่อถือก็ย่อมแตกต่างกันครับ เหมือนที่ผมเอง ในฐานะนับถือพุทธแบบไม่เคร่งครัดนัก (อย่างน้อย ศีลข้อ 5 เกิดบ่อยๆๆ 555) ก็อาจมอง คนที่นับถืออิสลามแบบเข้ม ในแง่ที่ อนุรักษ์นิยม และ ปิดตัวเอง มากเกินไปบ้าง แต่ เราต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกันครับ ตราบใดที่ เขา ไม่มาทำให้เราเดือดร้อน... ทั้ง ใจและกาย ถ้าเดือดร้อน ก็ชี้แจงให้เขาทราบ ก็จบ.. จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบคุณ Honesty man  --- คคห. 16 เห็นด้วยนะครับ ตัวอย่าง การประท้วงรุนแอรงเมื่อต้นปีนี้ ต่อภาพการ์ตูนนั่น คือ ตัวอย่างของความไม่รู้ และ การเคารพสิทธิของตนเองอย่างเดียว โดยไม่นึกถึงสิทธิและการนับถือของคนอื่นครับ... ฝรั่งหัวแดง ในยุโรป คงได้รับบทเรียนไปมาก เกี่ยวกับการดื้อแพ่งของตนเอง ในครี้งนี้ จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 13:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4239723/P4239723.html กระทู้นี้ ตีความกฏหมายเรื่องหมิ่นไว้ ละเอียด และเข้าใจง่ายนะครับ... -------------- "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" อาวุธทรงพลังในหมู่ "ลูกแกะ" โดย อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล สงครามแย่งชิง "ความจงรักภักดี" ระหว่างทักษิณกับสนธิ โดยมีข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" เป็นอาวุธกำลังดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อนและยากจะคาดเดาว่าจะลงเอยเช่นใด จนกระทั่งมีพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม เหตุการณ์ก็เริ่มคลี่คลายไปตามลำดับ ด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเช่นนี้ จึงน่าสนใจว่าที่เรียกกันว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นมีจริงหรือไม่ และมีลักษณะอย่างไร          -๑.-      ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒          ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี      ความผิดตามมาตรา ๑๑๒ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำที่ครบทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ ประกอบภายใน องค์ประกอบภายนอกก็คือ ต้องหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ส่วนองค์ประกอบภายในคือ ต้องมีเจตนา      มีถ้อยคำที่ควรพิจารณาอยู่ ๓ ถ้อยคำ ได้แก่ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้าย      อย่างไรจึงเรียก "หมิ่นประมาท"?      "หมิ่นประมาท" ตามมาตรา ๑๑๒ มีความหมายเดียวกับหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไปตามมาตรา ๓๒๖ กล่าวคือ เป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อ เสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เมื่ออ่านมาตรา ๑๑๒ ประกอบกับมาตรา ๓๒๖ แล้ว การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ หมายถึง การใส่ความพระมหากษัตริย์ต่อบุคคลที่สามโดยที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์ นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง เช่น นาย ก.เล่าให้นาย ข.ฟังถึงเรื่องพระมหากษัตริย์อันทำให้พระมหากษัตริย์เสียชื่อเสียง ไม่ว่าเรื่องที่เล่ามานั้นจะจริงหรือเท็จก็ตาม ถ้าพระมหากษัตริย์เสียหาย ก็ถือว่านาย ก.หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์แล้ว      อย่างไรจึงเรียก "ดูหมิ่น"?      "ดูหมิ่น" หมายถึงการแสดงเหยียดหยาม อาจกระทำทางกริยา เช่น ยกส้นเท้า ถ่มน้ำลาย หรือกระทำด้วยวาจา เช่น ด่าด้วยคำหยาบคาย      ส่วน "แสดงความอาฆาตมาดร้าย" หมายถึง การแสดงว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายในอนาคต เช่น ขู่ว่าจะปลงพระชนม์ไม่ว่าจะมีเจตนากระทำตามที่ขู่จริงหรือก็ตาม แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 49 14:04:13 จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 14:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ต้องกระทำต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เท่านั้น ไม่รวมถึงเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ      และเช่นกันไม่รวมถึงท่านผู้หญิง คุณหญิง ข้าราชบริพาร สิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยง      โดยทั่วไป การหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ผู้กระทำอาจยกเหตุตามมาตรา ๓๒๙ มาอ้างว่าตนกระทำได้ เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามทำนองคลองธรรม หรือในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อม กระทำหรือในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมหรือการดำเนินการอันเปิดเผยในศาล หรือในการประชุม      นอกจากนี้ผู้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทอาจอ้างเหตุยกเว้นโทษได้ตามมาตรา ๓๓๐ หากพิสูจน์ได้ว่าที่หมิ่นประมาทไปนั้นเป็นความจริง แต่ห้ามพิสูจน์ในกรณีที่ข้อที่เป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่อง ส่วนตัวและการพิสูจน์ไปก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน      อย่างไรก็ตามคำพิพากษาฎีกายืนยันว่าเหตุให้หมิ่นประมาทได้ตามมาตรา ๓๒๙ และเหตุยกเว้นโทษตามมาตรา ๓๓๐ ไม่นำมาใช้บังคับกับกรณีพระมหากษัตริย์ เพราะ พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ มีสถานะแตกต่างจากบุคคลทั่วไปซึ่งมาตรา ๑๑๒ มุ่งคุ้มครองเป็นพิเศษ ดังนั้นหากใครหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์และจะอ้างต่อศาลว่าตนติชมด้วยความ เป็นธรรม ศาลก็ไม่รับฟัง      อนึ่ง แม้กฎหมายจะไม่อนุญาตให้อ้างได้ว่าการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เป็นไป เพื่อการวิจารณ์หรือติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เราจะเห็นถึงน้ำพระทัยของในหลวงที่ทรงเปิดกว้างรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ ในตัวพระองค์ ดังความบางตอนจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ ที่ว่า      "แต่ว่าความจริงก็ต้องวิจารณ์บ้างเหมือนกัน และก็ไม่กลัวว่าถ้าใครจะมาวิจารณ์ว่าทำไม่ดีตรงนั้น ตรงนั้นจะได้รู้ เพราะว่าถ้าบอกว่าพระเจ้าอยู่หัว ไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ ก็หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่เป็นคน... ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอก เป็นเรื่องขอให้เขารู้ว่าวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกก็ไม่ว่า แต่ถ้าวิจารณ์ผิด ไม่ดี แต่เมื่อบอกว่าไม่ให้วิจารณ์ ละเมิดไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ลงท้ายพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบาก แย่ อยู่ในฐานะลำบาก ถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัวนี้ต้องวิจารณ์ ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี" จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 14:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 -๒.-      ความผิดฐาน "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" มีในระบบกฎหมายไทยจริงหรือ ?          จากการสำรวจประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นๆ ไม่พบคำว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นความผิดในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ แสดงถึงเดชานุภาพและบารมีของกษัตริย์ ที่พูดว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ในปัจจุบันนั้นน่าจะเป็นการพูดที่ติดปากกันมากกว่า (ไม่ว่าจะติดมาเพราะจงใจหรือบังเอิญ)      ข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ที่ "ลูกแกะ" เสื้อเหลืองกับ "ลูกแกะ" รัฐบาลยัดเยียดให้แก่กันและกันนั้น เอาเข้าจริงก็คือข้อหา "หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์" ตามมาตรา ๑๑๒ นั่นเอง      สมควรกล่าวด้วยว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ย่อมกินความกว้างกว่า "หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์"      สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในการประชุมอนุกรรมการตรวจพิจารณาแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาของคณะกรรมการ กฤษฎีกา วันที่ ๗ มกราคม ๒๔๘๔ หลวงประสาทศุภนิติได้ซักถามในที่ประชุมว่าหากจะใช้คำว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" จะเป็นอย่างไร หม่อมเจ้าสกลวรรณกร วรวรรณ ตอบว่า ปัจจุบันนี้ใช้ไม่ได้ ไม่ มีข้อหาทางอาญา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" มีแต่ข้อหา "หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" (ดูwww.midnightuniv.org/midnight2545/document9554.html)          กล่าวให้ถึงที่สุด ในระบบกฎหมายไทยปัจจุบันไม่มีความผิดฐาน "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" มีเพียงแต่ "หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์" ซึ่งโดยเนื้อหาก็เหมือนกับความผิดฐานหมิ่นประมาทคนธรรมดา จะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาก็ใช้นิยามเดียวกัน คือ "การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามอันน่าจะทำให้ผู้อื่นเสียหาย" ที่แตกต่างกันก็มีสามประการ คือ หนึ่ง หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์มีโทษหนักกว่าหมิ่นประมาทคนธรรมดา สอง หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ไม่อาจนำเหตุให้กระทำการได้ตามมาตรา ๓๒๙ และมาตรา ๓๓๐ มาอ้างได้ และสาม ความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เป็นความผิดเกี่ยวด้วยความมั่นคงแห่ง ราชอาณาจักร บุคคลที่ มาตรา ๑๑๒ ประสงค์จะคุ้มครอง คือ พระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในขณะที่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา ๓๒๖ เป็นความผิดเกี่ยวด้วยเสรีภาพและชื่อเสียง มุ่งคุ้มครองบุคคลธรรมดา จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 14:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ดูข่าว ช่อง 3 เห็นมีการรายงานว่า นักวิชาการหรืออาจารย์ (ไม่แน่ใจ) นิเทศฯ กล่าวถึง กรณีการปิดตัวเอง 3 วัน ของ คม ชัด ลึก ถือเป็น ประวัติศาสตร์ของสื่อ ครั้งแรก ที่แสดงความรับผิดชอบขนาดนี้ ได้ อ่านจากเจ้าของกระทู้ แล้ว อ้าว..  อะไรเนี่ย เฮ้อ... ทำไมรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้ ทั้งสื่อ และนักวิชาการ ไม่น่าเชื่อถือเลย ข้อมูล 2 ด้าน แบบนี้ เฮ้อ.... จากคุณ : LPJ - [ 30 มี.ค. 49 14:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 -๓-      ยุติการยัดเยียดข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" กันเถิด          การฟ้องร้องโดยอ้างว่า "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" แท้จริงแล้วเป็นการฟ้องร้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ จึงต้องมาพิจารณากรณีฟ้องและขู่ว่าจะฟ้องทั้งหลายนั้นเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา ๑๑๒ หรือไม่      ไม่ว่าจะเป็นกรณีนายแพทย์คนหนึ่งยกย่องโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคว่า ต่อไปนี้ชาวบ้านที่ถือบัตรทองไปโรงพยาบาลก็เสมือนนำธนบัตรมีพระบรมฉายา ลักษณ์ติดหน้าผากไปด้วย      ไม่ว่าจะเป็นกรณีนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์นำสติ๊กเกอร์พระราชดำรัสไปติดตามที่ต่างๆ      ไม่ว่าจะเป็นกรณีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ยินยอมให้สำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปตรวจสอบบัญชีโดยอ้างว่าจะเป็นการ "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"      ไม่ว่าจะเป็นกรณีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน      ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างสนธิกับทักษิณ      วิญญูชนพึงตรึกตรองดูเถิดว่า…      กรณีเหล่านี้เป็นการใส่ความพระมหากษัตริย์ให้ผู้อื่นทราบอันทำให้พระมหา กษัตริย์เสียหายอันถือเป็น "การหมิ่นประมาท" พระมหากษัตริย์หรือไม่      กรณีเหล่านี้เป็นการแสดงเหยียดหยามทางกริยาหรือทางวาจาต่อพระมหากษัตริย์อันถือเป็น "การดูหมิ่น" พระมหากษัตริย์หรือไม่      กรณีเหล่านี้เป็นการแสดงว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายพระมหากษัตริย์อันถือเป็น "การแสดงความอาฆาตมาดร้าย" พระมหากษัตริย์หรือไม่      ถ้าไม่เป็น แล้วที่ฟ้องร้องกันทั่วบ้านทั่วเมืองนี่คืออะไร?      ทั้งหลายทั้งปวงเป็นการต่อสู้กันทางการเมืองและผลประโยชน์ โดยเอาข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" มาเป็นอาวุธหรือเกราะกำบังทั้งนั้น การกล่าวอ้างลอยๆว่า "เอ็งกำลังจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนะเว้ย" กลายเป็นเพียงการข่มขู่ แบล็คเมล์ หรือหยิบยกขึ้นอ้างเพื่อผลประโยชน์บางประการโดยปราศจากซึ่งฐานทางกฎหมาย      เช่นนี้แล้วนักฟ้องร้องและแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือหมิ่นประ มาทพระมหากษัตริย์ทั้งหลายนั้นจะกล้าประกาศว่าข้าจงรักภักดียิ่งกว่าใครได้ เต็มปากอีกหรือ?      เอาเข้าจริงคนที่ฟ้องร้องก็ไม่ได้หวังผลว่าจะต้องมีใครติดคุก แต่ขอเพียงปักชนักติดหลังให้ศัตรูว่าโดนแจ้งความ "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว      กล่าวได้ว่าสังคมไทยปัจจุบันแปรสภาพโทษทางกฎหมายของข้อหา "หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์" (ภายใต้เสื้อคลุม "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ") ให้กลายเป็นโทษทางสังคม จะทำอย่างไรได้ก็บรรดา "ลูกแกะ" ช่างอ่อนไหวกับเรื่องพรรค์นี้เสียเหลือเกิน      ต้องไม่ลืมว่า ยิ่งมีการฟ้องร้องข้อหานี้มากเท่าไร ยิ่งทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศมากเท่านั้น เพราะถ้าเราตีความในมุมกลับ หากมีการกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาก ก็หมายความว่า เดชานุภาพของพระมหากษัตริย์มีข้อบกพร่อง จึงมีคนหมิ่นบ่อยๆ มิพักต้องกล่าวถึงกรณีหากเป็นคดีความขึ้นในศาลซึ่งคู่ความอาจต้องให้การบาง อย่างบางประการอันอาจกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นไปอีก      ความผิดฐานหมิ่นประมาทประมุขของรัฐเป็นความจำเป็นที่กฎหมายในทุกประเทศต้อง มีเพื่อเป็นการคุ้มครองสถาบัน อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศ กฎหมายไม่เปิดโอกาสให้มีการฟ้องว่าบุคคลหนึ่งหมิ่นประมาทประมุขของรัฐอย่าง พร่ำเพรื่อ หากแต่เจ้าหน้าที่จะสอบถามไปที่สำนักพระราชวัง (กรณีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข) หรือสำนักงานประธานาธิบดี (กรณีประธานาธิบดีเป็นประมุข) ว่าเห็นควรจะให้ฟ้องร้องหรือไม่      น่าคิดว่ากฎหมายไทยควรถึงเวลาทบทวนประเด็นดังกล่าวหรือยังและสมควรกำหนดให้ องค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นคนแจ้งความหรือฟ้องจะดีกว่าหรือไม่ การเปิดโอกาสให้ใครก็ได้เดินไปแจ้งความแก่ตำรวจว่ามีคนหมิ่นประมาทพระมหา กษัตริย์แล้วตำรวจก็รับแจ้งความดำเนินคดีทุกครั้งไปนั้น ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์      ความจริงแล้ว กรณียัดเยียดข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้กันในสังคมไทย หากเจ้าหน้าที่มีดุลพินิจสักนิด ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นแต่ประการใดที่เจ้าหน้าที่จะต้องรับข้อหานั้นเข้าสู่ กระบวนการพิจารณา      จากพระราชดำรัส ๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงเปิดกว้างต่อการวิพากษ์วิจารณ์ และไม่สนับสนุนให้มีการฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์กันอย่าง พร่ำเพรื่อ พระองค์ทรงแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า "...และมีแปลกๆ คราวนี้นักกฎหมายก็ชอบให้ฟ้อง ให้จับเข้าคุก อันนี้นักกฎหมายเขาสอน สอนนายกฯ บอกว่าต้องฟ้อง ต้องลงโทษ ก็ขอสอนนายกฯ ใครบอกว่าให้ลงโทษ อย่าลงโทษเขา ลงโทษไม่ดี ไม่ใช่นายกฯเดือดร้อน แต่พระมหากษัตริย์เดือดร้อน"      เช่นนี้แล้ว บรรดานักจงรักภักดีและหมู่ลูกแกะทั้งฟากเสื้อเหลืองและฟากรัฐบาลจะมิพึงสนองพระราชดำรัสหรอกหรือ http://www.pub-law.net/publaw/View.asp?publawIDs=890 จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 14:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โดยส่วนตัวผมแล้ว คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นี่ หากผิดจริง ก็ควรว่ากันไปตากระบวนการยุติธรรม ส่วนมาตรการทางสังคม ที่แน่นอนว่า หลายฝ่าย หลายท่านมองว่า คดีเยี่ยงนี้ มีการกระทบต่อจิตใจของผุ้คนในวงกว้าง ยิ่งเกิดจากคนในวงการสื่อมวลชนเอง ก็เลยอยากให้ ถึงขั้น สื่อนั้นๆ ต้องผิดตัวเองไป การพิพากษาทางสังคมในปัจจุบัน จะเกิดขึ้นเอง และ จะทำให้สื่อนั้นๆ ต้องพิจารณาตนเอง ในที่สุด ถึงความไม่เหมาะสมที่ตนเองทำขึ้นมาก (ตอนนี้ ก็ได้ข่าวว่า ยอดขายลดลงมากแล้ว) แต่ ยี่ห้อคือยี่ห้อ คนที่ผิด ไม่ใช่ ยี่ห้อ แต่เป็น บุคคล ที่ทำความผิดนะครับ (และเราก็ยังไม่รู้เลยว่า ผิดโดไม่เจตนาหรือไม่ ด้วย..) การจะให้ถึงขั้นต้อง ยุบยี่ห้อ เขานี่ ผมว่า ออกจะประหัตประหารกันไปหน่อยนะครับ... จากคุณ : หมีPooH! - [ 30 มี.ค. 49 14:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กระทู้นี้ดีมากครับ จากคุณ : สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง - [ 30 มี.ค. 49 15:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณคุณหมีพูห์มากค่ะที่เอามาให้อ่าน โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าไม่มีคนไทยคนไหนไม่รัก เทิดทูนพระเจ้าอยู่หัว และพระองค์เองก็ทรงพระเมตตาพวกเราเหล่าพสกนิกรอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ สมควรที่ผู้ที่กระทำการโดยขาดความยั้งคิด ประมาทเลินเล่อ หรืออะไรก็แล้วแต่จะต้องได้รับผลจากการกระทำของตน เพื่อจะได้สำนึกและเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นต่อไป แม้ว่าพระองค์จะทรงพระราชทานอภัยโทษให้แล้วก็ตาม จากคุณ : asmahan - [ 30 มี.ค. 49 17:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบพระคุณคุณเจ้าของกระทู้มากครับ โดยเฉพาะความเห็นที่ 20 และ 24 การยัดเยียดข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" เป้นเครื่องมือที่สำคัญที่รัฐบาลเผด็จการแทบทุกยุคนำมาใช้ในการกำจัดผู้ต่อต้าน ผู้ที่มีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับนโยบายอำนาจนิยมของรัฐ รวมไปถึงการอ้างสถานบันกษัตย์ในการตัดตอนพัฒนาการทางสังคมและการเมือง แนวคิดบางอย่างแบบสังคมนิยมที่อาจจะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาบางเรื่องให้กับสังคมไทย กลับต้องถูกสกัดเพราะติดตรงที่ว่ามันเป็นแนวคิดจากสังคมที่ไม่มีสถาบันกษัตย์ และเมื่อไม่กี่ปีมานี้ การอ้างสถาบันก็ได้ถูกใช้ในการปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศ อย่างกรณีคอลัมน์ของ Far Eastern Economic เราก็เลยไม่รู้กันพอดีว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในบทความนั้นมันหมิ่นตรงไหน และการอ้างสถาบันกษัตย์ของฝ่ายอำนาจรัฐก็มักจะได้ผลอยู่เสมอเสียด้วย เพราะความนิยมในสถาบันกษัตย์เราถูกปลูกฝังมาก็จากอำนาจรัฐนี่เอง ทำให้เกิดความศรัทธาโดยไม่มีการตั้งคำถาม และคนไทยก็มักจะสับสนระหว่างสถาบันกับบุคคล แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 49 18:28:31 จากคุณ : emanuelle - [ 30 มี.ค. 49 18:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โหวตให้ค่ะ  อย่าพยายามปลุกระดม-สร้างกระแสข่าวลือต่างๆ ให้เหมือนกับ ตค. ปี 2516 และ ปี 2519 ด้วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 20:42:38 จากคุณ : ปุ้ม หญิง - [ 4 เม.ย. 49 13:46:10 ]