CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    สลดใจกับความแตกแยกครั้งใหญ่ของสังคมไทย

    คนในชาติกำลังแตกแยกกันอย่างเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มคนสิ้นคิดที่เอาบ้านเมืองมาเล่นเป็นเกมชิงไหวชิงพริบกัน เดี๋ยวนี้ชักเล่นกันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เปรอะกันไปทั้งประเทศแล้ว ตอนนี้ติดเชื้อบ้าด้วยกันไปทั้งสองฝ่าย ฝูงชนหากอยู่รวมกันนานๆอย่างมีวัตถุประสงค์ และมีเป้าหมายอย่างหนึ่งอย่างใด จะถูกผู้นำกลุ่มที่ใช้หลักจิตวิทยามวลชนเก่งๆชักจูงให้เกิดการแสดงออกที่บ้าคลั่ง ลงมือทำในสิ่งเหนือความคาดหมายและเป็นพฤติกรรมที่ควบคุมได้ยากเพราะมันปรุงแต่งมาจากอารมณ์ที่สุกงอมแล้ว

    ถือเป็นสิ่งน่ารังเกียจมากที่คนพวกนี้จับประชาชนมาเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายความสมประโยชน์ทางการเมืองของพวกตน โดยไม่ได้คิดถึงผลร้ายที่จะเกิดกับบ้านเมืองในโอกาสต่อไป มองดูก็รู้ว่าเป็นพวกจัดตั้งที่ขนกันเป็นขบวนการ เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานจัดตั้งก็มี(กลุ่มของนายสินธิ) เป็นกลุ่มลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ หรือบางกลุ่มเป็นพวกใสซื่อเพราะเป็นชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มา ดูๆไปคล้ายกับลูกเสือชาวบ้านเมื่อสมัย 6 ตุลาปี 2519 ไม่มีผิด…เห็นแล้วหดหู่ใจมาก ที่ไม่เคยจำบทเรียนที่ผ่านๆมากันเลย

    สนธิบ้าไม่เท่าไหร่เพราะสนธิไม่ใช่คนสำคัญของบ้านของเมืองอะไร แต่ทีมข้างตัวของนายกฯเป็นไปด้วยนี่ซิ จึงรู้สึกหดหู่ใจมาก คนที่ใช้วิธีทำงานการเมืองแบบนายยุทธตู้เย็นหรือยี้ห้อยร้อยยี่สิบน่าตำหนิเอามากๆ เพราะทุ่มเทจนหมดหน้าตักเพื่องานทางการเมือง เห็นมาตั้งแต่ช่วงบีบคุณหญิงจารุวรรณแล้ว เพราะปีก ส.ว ที่ออกมาเล่นเกมในช่วงนั้นมาจากบุรีรัมย์

    สงครามที่เริ่มต้นด้วยการรุกรานทางปากของกลุ่มนายสนธิ พัฒนาไปถึงขั้นใกล้จุดเดือดเต็มที่แล้ว ตอนนี้ผู้คนในชาติแตกออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ความร้อนของเหตุการณ์ปลุกให้คนในชาติเครียดและหดหู่กับเหตุการณ์ เริ่มเห็นการถกเถียงเอาชนะกันแบ่งเป็นฝ่ายฉันฝ่ายแกเพิ่มมากขึ้น มีการใช้กำลังกันให้เห็นกันบ้างแล้วประปรายเช่นที่เชียงใหม่ แสดงว่าอารมณ์ของฝูงชนถูกขุนจนสุกงอมแล้ว  อีกไม่นานคงได้เห็นการนองเลือด และอาจขยายความรู้สึกเป็นไทยเหนือ - ไทยใต้ไปในที่สุด

    บทเรียนคราวก่อนผ่านมาไม่กี่สิบปี คนรุ่นที่กำลังก่อการอยู่ย่อมมีบทเรียนอยู่บ้าง การสุ่มเสี่ยงเอาหน่วยจัดตั้งมาบดขยี้กันจึงไม่น่าที่จะเกิดขึ้นอีกหน…ลูกเสือชาวบ้านก็หยุดกิจกรรมกันไปนาน คงเกณฑ์มาได้อย่างเก่งก็คืออย่างที่เห็น

    เมื่อก่อนเห็นมีแต่กลุ่มนักศึกษาที่ออกไปเย้วๆกันตามมหาวิทยาลัย  และก็มีหน่วยจัดตั้งนำโดยลูกเสือชาวบ้านออกมาปราบนักศึกษา แต่มาวันนี้ลูกเสือชาวบ้านเปลี่ยนเป็นม๊อบอีแต๋น นักศึกษากลายเป็นปัญญาชนวัยดึกและกลุ่มคนชั้นกลาง

    สงครามการแย่งชิงมวลชนดูฝ่ายรัฐจะได้เปรียบอยู่หลายขุม เพราะโครงการประชานิยมได้ทำให้ชาวรากหญ้าเกิดการสมยอมที่จะรับผลประโยชน์จากรัฐ ซึ่งเท่ากับเป็นการเสริมสร้างวัฒนธรรมการเป็นผู้รอรับให้แก่สังคมไทยให้เพิ่มมากขึ้น  ผลตอบแทนก็ win – win เพราะผู้ให้ก็จะได้คะแนนเสียงและได้โปรเจคประมูลงานขนาดเล็กให้แก่เหล่าบรรดาหัวคะแนนในระดับท้องถิ่น ส่วนผู้รับเองก็จะได้ความเอื้ออาทรที่เป็นเม็ดเงินหรือสิ่งของที่จับต้องได้

    ฐานจัดตั้งทางการเมืองตามชุมชนในชนบทได้มีการวางระบบการจัดการไว้อย่างลงตัวแล้ว  กลุ่มผู้กว้างขวางในพื้นที่สามารถวางระบบคะแนนจัดตั้งตามโครงสร้าง SML คือเล็กสุดไล่ไปตั้งแต่นายก อบต. อบจ. และ ส.ส หรือ ส.ว …งานการเมืองในท้องถิ่นเดี๋ยวนี้ง่ายขึ้นแต่ก่อน เพราะเงินกลายเป็นปัจจัยหลักที่จะเนรมิตสิ่งใดก็ได้  ใครกุมอำนาจเงินผู้นั้นก็ก้าวเข้าสู่การกุมอำนาจรัฐได้โดยง่าย

    เมื่อเข้าใจในหลักการง่ายๆตัวนี้ ผู้ถือกลไกรัฐก็ต้องลงมือหว่านโปรยเงินงบประมาณลงสู่พื้นที่เป็นระยะๆ เหมือนเป็นเชื้อเพลิงที่จะใส่ลงไปให้เครื่องจักรทางการเมืองทำงานได้ต่อไปไม่ให้ดับลง กลไกทางการเมืองก็จะไม่ย้ายฝากฝั่งไปไหน แล้วจะไม่ให้ถูกใจชาวบ้านได้อย่างไร

    กลุ่มคนชั้นกลางเริ่มออกมาบ่นและมองเห็นทิศทางอันน่ากลัวของระบอบทักษิณ เพราะจากการสังเกตเห็นว่ารัฐเอาทรัพยากรมาเผาผลาญและโปรยหว่านไปในโครงการประชานิยมต่างๆ ซึ่งที่มาของเม็ดเงินส่วนหนึ่งมาภาษีของคนชั้นกลางที่ถูกจัดเก็บอย่างรัดกุมจากหน่วยงานภาครัฐ

    ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งมีความพยายามที่จะนำทรัพยากรมาแปรเปลี่ยนให้เป็นเงินกันเร็วๆ ด้วยการนำมาบำบัดฟอกย้อมให้ทรัพยากรของแผ่นดินกลายเป็นสินทรัพย์ ตามนโยบายการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน เพื่อปั้มเม็ดเงินที่นอนนิ่งอยู่ในป่าสงวน ชายฝั่งทะเล นำมาจัดระเบียบการถือครองใหม่และแปลงสินทรัพย์เหล่านั้นให้เงินงอกออกมาเสริมสภาพคล่องในระบบทางการเงินในปัจจุบัน

    การฉีกแนวลงสู่ภาคปฏิบัติของรัฐบาลโดยปฏิเสธทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เหล่านักทฤษฎีมองเห็นแย้งในเรื่องเหล่านี้

    มาประจวบกับการไม่ใยดีต่อระบบสังคมแนวเก่าของผู้นำเฉพาะในเรื่องจริยธรรมของสังคม ที่กลุ่มคนรุ่นเก่ายังคงยึดโยงและมีกลิ่นอายของสายจารีตนิยมอยู่กันค่อนข้างมาก กลุ่มราษฎรอาวุโสทั้งหลายจึงออกมาเบรกนโยบายของท่านผู้นำอย่างกล้าที่จะเลือกข้างเผชิญหน้า

    ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบทุนใหม่ที่มากับความด่วนเร็ว เข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนการทางสังคมอย่างไม่เคยมียุคใดเคยมีมาก่อน กลุ่มคนที่คุ้นเคยกับโครงสร้างเก่าจึงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ จึงดาหน้ากันออกมาต้านเป็นกระแสร่วมกับนายสนธิอย่างที่เห็น ทั้งๆที่หลายคนคงไม่ได้หลงไหลไปกับคำชี้ชมแช่งเชียร์ของนายสนธิสักเท่าใด

    ขณะที่รากหญ้าก็คือเหยื่อของสงครามความขัดแย้งคราวนี้ เพราะมองได้ว่าถูกลัทธิการตลาดเข้าครอบงำให้หลงไหลกับเสียงสีแสงจากนโยบายประชานิยมที่จงใจตบแต่งขึ้น มองเห็นกลุ่มคนที่ร่วมขบวนมาให้กำลังใจนายกครั้งนี้ กลุ่มคนที่เดินทางมามักอยู่ในเขตพื้นที่ของนักการเมืองปีกคนใกล้ชิดนายกฯเป็นส่วนใหญ่ เช่น กลุ่มที่มาจากเชียงรายของนายยงยุทธ กลุ่มที่มาจากบุรีรัมย์ของนายเนวิน

    วันนี้กลุ่มคนที่เป็นฐานจัดตั้งของทั้งสองฝั่งกำลังเผชิญหน้ากัน ฝั่งหนึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้คนโดยเฉพาะกลุ่มนายสนธิ เพราะการขยับตัวของกลุ่มจะเดินทางไปทางไหนก็สร้างปัญหาการจราจรขึ้นที่นั่น และเริ่มกลายพันธุ์เป็นกลุ่มนอกกฎหมายมากยิ่งขึ้นทุกที อย่างกรณีเปิดล้อม กกต.เห็นได้ชัดว่าจงใจฝ่าฝืนกฎหมายในเรื่องเสรีภาพส่วนบุคคลที่เที่ยวไปตรวจค้นรถทุกคันที่ออกมาจาก กกต.

    ขณะที่อีกกลุ่มก็ไม่น้อยหน้าบุกไปปิดล้อมเครือเนชั่น และบุกไปก่อกวนการปราศรัยของพรรค ปชป.ที่เชียงใหม่ ทั้งสองกลุ่มเริ่มพัฒนาดีกรีของความขัดแย้งให้ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้สถานการณ์มันบ่มตัวไปเรื่อยๆอยู่อย่างนี้ บ้านเมืองเข้าสู่กลียุคแน่…วันนี้ภาพของผู้คนที่จับกลุ่มคุยกันในเรื่องการเมืองเห็นมีแต่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน แยกพวกฉันพวกแกกันอย่างชัดเจน ไม่เว้นแม้นแต่ในครอบครัวเดียวกัน

    สังคมไทยถูกฝ่ายการเมืองเข้าทำลายความสนานฉันท์ ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบเพื่อแย่งชิงความศรัทธาในหมู่มวลชน และเริ่มเหิมเกริมหนักขึ้นเพราะเอาสถาบันที่เรารักมาเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกร้องความสนใจ ต่างฝ่ายต่างก็เอาในหลวงมาสร้างกระแสเพื่อชี้นำให้เห็นคล้อยตามความคิดของตน พฤติกรรมอย่างนี้เป็นกันทั้งสองฝ่าย ถือว่าเป็นการกระทำที่น่าอดสูใจอย่างยิ่ง…ผมมองว่าสังคมไทยใกล้ที่จะถึงกลียุคแล้ว

    เครื่องกำเนิดพลังเย็นที่สำคัญของไทยคือสถาบันกษัตริย์ น้ำพระทัยจากในหลวงคือกระแสพลังเย็นที่สำคัญจะมาไล่ดับความเร่าร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้..ศูนย์รวมของคนในชาติยังคงอยู่ พวกเราต้องร่วมกันเพื่อพระองค์ท่าน วันนี้พ่อของเรากำลังทุกข์ใจ เพราะพี่น้องแตกแยกกัน พลังความสามัคคีเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์นี้คลี่คลายลง..วันนี้เรามาช่วยกันเพื่อท่านพ่อของเราอีกสักครั้งไม่ได้เชี่ยวหรือ?

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 1 เม.ย. 49 08:14:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป